บทที่ 590 ผู้หญิงนั้น ยังไงก็ยังต้องการให้ผู้ชายอยู่เคียงข้างด้วย
นรมนรีบถอยร่างกายของตัวเองกลับมา แต่กลับโดนบุริศร์รั้งรอบเอวเอาไว้
น้ำเสียงของเขาแหบแห้ง แล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ไม่ต้องสนใจมัน”
“แต่กลัวว่าแม่จะมีธุระหาเราละคะ”
นรมนรู้สึกเขินอายขึ้นมาแล้ว
“ไม่สนแล้ว”
พูดแล้ว บุริศร์ก็จะทำต่อไป แต่ว่าเสียงเคาะประตูข้างนอกกลับยิ่งดังมากขึ้น
“ประธานบุริศร์ครับ ผมมีเรื่องด่วนมาหาคุณครับ”
เสียงของพฤกษ์ลอยเข้ามาระหว่างประตู
แล้วครั้งนี้ นรมนก็ผลักบุริศร์ออกไปเลย
ตามองเห็นผลประโยชน์ที่มาถึงมือแล้วแต่กลับหายไป สีหน้าของบุริศร์จึงดูไม่ดีนัก เขาโกรธจัดแล้วเดินไปถึงหน้าประตู แล้วก็เปิดประตูออกสวบทีหนึ่ง แล้วก็คว้าคอเสื้อของพฤกษ์เอาไว้ และพูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยมว่า “ทางที่ดีที่สุดนายควรมีเรื่องที่ใหญ่โตเท่าฟ้ามารายงาน ไม่งั้นละก็ฉันเอานายตายแน่”
พฤกษ์เห็นบุริศร์มีท่าทางโกรธจัดอยู่ ก็อึ้งไปบ้างเล็กน้อย เขามองผ่านบุริศร์เข้าไปเห็นนรมนกำลังจัดปกคอเสื้อของตัวเองอยู่อย่างอัตโนมัติ แล้วก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างแล้ว
“แค่ก แค่ก ขอโทษครับ ประธานบุริศร์”
“พูดมา”
ตอนนี้ใจที่บุริศร์ฆ่าเขาก็มีแล้ว
หรือเขาไม่รู้เหรอว่าผู้ชายโดนขัดจังหวะตอนนี้มันจะทำให้เลือดลมไม่ดี และอารมณ์โกรธพุ่งแรงได้น่ะ?
และแน่นอนว่าพฤกษ์เองก็ไม่กล้าเสียเวลา แล้วก็รีบเอารายงานฉบับหนึ่งยื่นให้กับบุริศร์ แล้วพูดขึ้นว่า “คุณชายป้องส่งมาครับ บอกว่าเป็นเอกสารเร่งด่วน ให้คุณต้องดูอย่างละเอียดด้วยครับ”
“เอกสารอะไร ทำไมยังต้องเร่งด่วนด้วย?”
บุริศร์รับเอกสารมา แล้วก็หันไปมองนรมนทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “คุณพักผ่อนไปก่อนนะ ผมจะไปจัดการธุระกับพฤกษ์ที่ห้องหนังสือสักหน่อย ถ้าอยากกินอะไร เดี๋ยวตอนเที่ยงผมทำให้คุณกินนะ”
ให้คนที่มีค่าตัวเป็นร้อยล้านคนหนึ่งมาทำอาหารให้ตัวเองกิน นรมนรู้สึกว่ามีความสุขแทบตายอยู่แล้ว
“ฉันยังไม่หิว คุณไปทำงานก่อนเถอะค่ะ ฉันรู้สึกง่วงนิดหนึ่ง อยากจะนอนสักหน่อย”
“ได้ ถ้านึกออกว่าอยากจะกินอะไรก็บอกผมนะ”
แววตาของบุริศร์ดูอ่อนโยน ไม่มีท่าทีของความเย็นเฉียบเลยสักนิด
“ได้ค่ะ แต่ว่าคุณไม่ต้องไปบริษัทเหรอคะ? ไหนว่าคุณแย่งอำนาจของตรินท์กลับมาแล้วไม่ใช่เหรอ? ที่บริษัทไม่ต้องมีคนไปดูเหรอคะ?”
“ตอนนี้ยังไม่ต้อง แล้วอีกอย่าง นี่ก็มีพฤกษ์อยู่ไม่ใช่เหรอ”
คำพูดของบุริศร์ทำให้ริมฝีปากของพฤกษ์กระตุกขึ้นเล็กน้อย
ตั้งแต่ที่เขาโดนเรียกตัวกลับมาก็ไม่เคยได้พักเลย
“ประธานบุริศร์ ผมเป็นคนที่กำลังจะแต่งงานแล้วนะครับ”
เขาอดไม่ได้ที่จะโอดครวญขึ้นมาประโยคหนึ่ง
บุริศร์พูดขึ้นเสียงเย็นว่า “แต่งงาน? แต่งงานก็ไม่ต้องทำงานแล้วเหรอ?”
คำพูดนี้พูดจนพฤกษ์โต้เถียงกลับไม่ได้
เขารู้ นี่บุริศร์ต้องการจะเอาคืนที่เขามาขัดจังหวะเรื่องดีเมื่อกี้ของเขา แต่ว่าเขาก็ไม่ได้รู้ว่าทำไมเวลามันถึงได้บังเอิญเหมาะเจาะพอดีขนาดนี้ จะมาโทษเขาไม่ได้จริง ๆ นะ
พฤกษ์ใบหน้าโศกเศร้าแล้วโดนบุริศร์ลากไปห้องหนังสือเลย
พอนรมนเห็นท่าทางแบบนี้ของพวกเขา ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา เธออยากจะโทรศัพท์หาคมทิพย์ แต่ว่าตอนที่คลำหาโทรศัพท์นั้นถึงได้พบว่า โทรศัพท์ของเธอไม่อยู่ข้างกาย
บางทีบุริศร์อาจจะเก็บไปแล้ว
พอนรมนคิดได้แบบนี้ ก็พิงอยู่ขอบเตียงแล้วก็นอนหลับไป รอให้บุริศร์กลับมาแล้วค่อยโทรหาคมทิพย์ก็ได้
หลังจากที่บุริศร์และพฤกษ์มาถึงห้องหนังสือแล้ว พฤกษ์ก็ปิดประตูของห้องหนังสือลงอัตโนมัติ
“เรื่องอะไร สำคัญขนาดนี้เลยเหรอ?”
บุริศร์ยังคงไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาจากอารมณ์ที่ขึ้นเมื่อกี้ได้
พฤกษ์พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “เกี่ยวข้องกับคุณชายรองครับ”
สีหน้าของบุริศร์มีความเปลี่ยนแปลงทันที
เขาเอาเอกสารออกมา หลังจากที่เปิดออกดูแล้ว สีหน้าก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้นมาอีก
“เป็นยังไงบ้างครับ? ประธานบุริศร์?”
พฤกษ์ไม่ได้ดูเอกสารมาก่อน ก็เลยไม่รู้อยู่แล้วว่าข้างในนั้นเอ่ยถึงอะไรบ้าง แต่ว่าพอเห็นปฏิกิริยาของบุริศร์ในตอนนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาประโยคหนึ่ง
บุริศร์พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “ป้องบอกว่าที่สุดท้ายที่พบตรินท์คือในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในยูนนาน และตอนที่เขาออกมาอีกครั้งก็ออกมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนั้น งั้นก็พูดได้ว่าถ้าหากว่าตรินท์ในตอนนี้ไม่ใช่ตรินท์ตัวจริงละก็ งั้นก็ไม่ใช่มานานแล้ว ก่อนที่พวกเราจะได้ข่าวว่าเขาตายไปก็ไม่ใช่แล้ว”
“เป็นไปได้ยังไงกัน? งั้นตัวคุณชายรองล่ะ? ”
“ใช่ ตัวตรินท์ล่ะ? ตกลงตรินท์ตัวจริงอยู่ที่ไหน? เขาจะเป็นหรือตาย? แล้วตรินท์ในตอนนี้ล่ะ มันคือเรื่องอะไรกันแน่?”
บุริศร์เองก็พูดไม่ชัดเจน
“สำหรับเหตุผลที่อยู่ ๆ ก็พูดว่าตรินท์ไม่ไปทำงานเพราะว่าไม่สบาย ที่บริษัทมีการคัดค้านอะไรบ้างไหม?”
บุริศร์สงบสติอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้น
พฤกษ์รีบพูดขึ้นว่า “ไม่มีการคัดค้านอะไรครับ ในทางกลับกัน ทุกคนต่างก็หวังว่าประธานบุริศร์จะสามารถกลับไปดูแลบริษัทได้เร็ว ๆ ประธานบุริศร์ครับ คุณกะว่าจะจัดการกับคนที่หน้าตาคล้ายกับคุณชายรองมาก ๆ คนนั้นยังไงบ้างครับ?”
“เขาไม่ได้หน้าตาคล้าย แต่น่าจะทำศัลยกรรมมา ไปสืบค้นมาให้ฉัน จะต้องสืบค้นให้เจอว่าตกลงคนคนนี้คือใคร แล้วก่อนหน้านี้ ให้กักตัวคนคนนี้ไว้ในคฤหาสน์แล้วเฝ้าไว้ให้ดี ถ้าไม่มีคำสั่งจากฉัน ใครก็ห้ามปล่อยเขาออกไปเด็ดขาด”
“ครับ!”
พฤกษ์จากไปพร้อมกับคำสั่ง
บุริศร์จ้องมองเอกสารตรงหน้า แล้วหัวคิ้วก็ยิ่งขมวดเข้าหากันมากขึ้นแล้ว
ตอนที่นรมนนอนตื่นมานั้น ก็เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงเกือบเที่ยงแล้ว
เธอบิดขี้เกียจเล็กน้อย สามารถรับรู้ได้ว่าร่างกายกำลังค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับมา
นรมนลงจากเตียง แต่ก็มองไม่เห็นบุริศร์ เธอคิดว่าเขาคงจะกำลังยุ่งอยู่ แล้วก็หยิบเสื้อนอกมาคลุมไว้ตัวหนึ่งแล้วก็เดินลงไปข้างล่าง แต่กลับมาเห็นบุริศร์พับแขนเสื้อขึ้นและกำลังเตรียมของกินอยู่ในครัวอยู่
เธอพิงราวบันไดไว้ และจ้องมองอยู่อย่างนั้น จ้องมองแสงแดดสอดส่องเข้ามาจากหน้าต่าง แล้วตอนที่ส่องลงบนตัวของบุริศร์นั้นก็เหมือนกับว่าได้เคลือบแสงสีทองไว้ชั้นหนึ่ง ดูไปแล้วดูศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก
พ่อบ้านเห็นภาพนี้ ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณนาย ถ้าคุณชายบุริศร์และคุณนายบุริศร์เป็นอย่างนี้กันตลอดคงจะมีความสุขมากเลยนะ”
“ใช่ ถ้าตระกูลโตเล็กไม่มีเรื่องราวเยอะมากมายขนาดนี้ พวกเขาก็น่าจะเป็นคู่ที่มีความสุขที่สุดคู่หนึ่ง”
คุณนายตระกูลโตเล็กทอดถอนใจทีหนึ่งแล้วพูดเสียงต่ำขึ้นว่า “บุริศร์ทำยังไงกับด้านตรินท์บ้าง?”
“คุณชายใหญ่ควบคุมตัวคุณชายรองไว้แล้ว และตอนนี้ก็ส่งคนไปตรวจสอบเรื่องของคุณชายรองแล้ว”
คำพูดของพ่อบ้านทำให้สีหน้าของคุณนายตระกูลโตเล็กเปลี่ยนไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดเสียงต่ำขึ้นว่า “คนของเราล่ะ?”
“คนของเราจะพยายามขวางกั้นให้ได้มากที่สุด แต่ว่าฝีมือของคุณชายใหญ่เป็นยังไงนั้นคุณก็รู้ กลัวว่าคงจะปิดไม่อยู่แล้ว”
“เฮ้อ!”
คุณนายตระกูลโตเล็กไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ว่าแววตาที่มองบุริศร์นั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปเสี้ยวหนึ่ง
นรมนกับบุริศร์นั่งไปพักหนึ่ง พอรู้สึกว่าร้อนแล้ว ทั้งสองคนถึงได้กลับไปที่ห้องรับแขก และคุณนายตระกูลโตเล็กก็ได้มานั่งอยู่ในห้องรับแขกแล้ว
“เที่ยงวันนี้กินของอร่อยอะไรเหรอ? ฉันรู้สึกว่าคนรับใช้ในห้องครัวสามารถเลิกงานได้แล้ว มีบุริศร์อยู่ก็เพียงพอแล้ว ใช่หรือเปล่านรมน?”
พอได้ยินคำพูดหยอกล้อของคุณนายตระกูลโตเล็ก สีหน้าของนรมนก็แดงขึ้นเล็กน้อย
“คุณแม่ อย่าล้อหนูเล่นซิคะ”
“เปล่าเลย เปล่าเลย เปล่าจริง ๆ ฉันต้องพึ่งใบบุญของเธอ ไม่งั้นไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เจ้าเด็กตัวเหม็นนี่ถึงจะยอมทำอาหารด้วยมือตัวเองเพื่อฉันสักมื้อกัน”
คำพูดของคุณนายตระกูลโตเล็กทำให้บุริศร์อึ้งไปเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มและพูดขึ้นว่า “แม่อยากจะกินอะไรครับ ผมสามารถทำให้แม่ได้ทุกเมื่อเลยครับ”
“ใช่เหรอ? ฉันยังนึกว่าช่วงนี้แกยุ่งมากซะอีก”
คุณนายตระกูลโตเล็กจ้องมองบุริศร์ ในแววตามีความหมายลึกซึ้ง
บุริศร์ยังคงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “ถึงจะยุ่งแค่ไหน ก็ไม่สามารถทิ้งภรรยากับลูกและแม่ได้หรอกใช่ไหมครับ? เมื่อก่อนเป็นเพราะว่าผมเป็นห่วงบริษัทมากเกินไป กลับทำให้ละเลยนรมนไป ต่อไปผมจะเจียดเวลาออกมา มาอยู่เป็นเพื่อนภรรยาสักหน่อย ไม่ก็อาจสามารถพาแม่ออกไปเดินเที่ยวเล่นได้บ้าง”
“ตัวฉันก็ช่างเถอะ แกอยู่กับพวกนรมนเขาเถอะ ตั้งแต่ที่นรมนแต่งงานมาก็อยู่ดีมีสุขได้ไม่กี่วัน ในเมื่อแกคิดตกแล้ว ต่อไปก็อยู่เป็นเพื่อนเธอให้มาก ๆ ก็แล้วกัน ผู้หญิงนั้น ยังไงก็ต้องการให้ผู้ชายมาอยู่เคียงข้างอยู่ดี สำหรับเรื่องของบริษัท แกมอบให้พวกเขาไปจัดการก็พอแล้ว เรื่องอื่นที่ไม่สำคัญ ก็ไม่ต้องไปสนใจแล้ว”
พอได้ยินคุณนายตระกูลโตเล็กพูดแบบนี้ บุริศร์ก็อึ้งไปเล็กน้อย แล้วถามขึ้นว่า “เรื่องที่ไม่สำคัญ? แม่หมายถึงเรื่องอะไรบ้างล่ะครับ?”
“ฉันหมายความว่า ที่แกไปเมืองใต้ดินมาก็สักพักหนึ่งแล้ว แล้วก็ลำบากมาไม่น้อย ก็ถือโอกาสช่วงระยะเวลานี้พักผ่อนสักหน่อย อย่าให้เหนื่อยมากเกินไปล่ะ”
บุริศร์จ้องมองคุณนายตระกูลโตเล็ก แล้วอยู่ ๆ ก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “รู้แล้วครับ ขอบคุณครับแม่ แต่ว่าก่อนที่ผมจะอยู่เป็นเพื่อนเธอนั้น ยังไงก็ต้องขจัดภัยอันตรายรอบตัวเธอให้หมดจดไปก่อน แม่ว่าใช่หรือเปล่าครับ?”
สีหน้าของคุณนายตระกูลโตเล็กเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
อยู่ ๆ นรมนก็รู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลก ๆ
นี่มันใช่การต่อต้านกันใช่ไหม?
แต่ก็ไม่เหมือน
แต่ว่าก็ไม่เหมือนว่าภายนอกดูไปแล้วจะมีความสุขกัน
ตกลงระหว่างคุณนายตระกูลโตเล็กและบุริศร์นั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมอยู่ ๆ เธอถึงรู้สึกถึงความแปลกหน้ากัน? คุณนายตระกูลโตเล็กไม่พอใจที่บุริศร์แย่งอำนาจของตรินท์มาเหรอ?
หรือจะบอกว่าเธอจะแทรกแซงเรื่องราวระหว่างพวกเขาสองพี่น้องเหรอ?
ชั่วขณะหนึ่งนรมนไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีแล้ว ถึงจะเหมาะสม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...