บทที่ 90 เธอเกิดปีจอนี่เอง
กานต์ไม่ค่อยพอใจนัก
ทำไมหลังจากแม่มา กิจจาคนนี้ก็มากเรื่องถึงเช่นนี้?
"แม่ แม่เป็นของฉัน"
กานต์กอดแขนของนรมนอย่างแน่นๆ ทำให้นรมนหมดคำพูดจริงๆ
"แม่เป็นของเธอตลอด แต่ว่าเธอไม่รู้สึกหรือว่ากิจจากำลังขาดความอบอุ่น?"
"มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเรา เขามีแม่ของเขาเอง"
กานต์รู้ว่าใครคือแม่ของกิจจา สำหรับผู้หญิงคนนั้นไม่มีความรู้สึกดีๆให้เลยแม้แต่น้อย
เห็นสีหน้าเขาเช่นนี้ นรมนกก็ไม่พูดอะไรมาก
คมทิพย์พานรมนและกานต์ไปทานข้าวที่โรงอาหาร
นรมนไม่เข้าใจว่าอะไรคือเข้าเที่ยงข้าวพิเศษ จนกว่าได้เห็นว่ากิจจาหยิบน่องไก่ให้กับกานต์อย่างอาลัยอาวรณ์ ตาคู่นั้นจ้องน่องไก่อยู่ตลอดเวลา ทำเหมือนกับว่าจ้องไปก็จะได้กินเข้าไปในปากอย่างนั้น
กานต์กลับหยิบมาโดยไม่เกรงใจเลยสักนิด วางเข้าไปในถ้วยของนรมน พูดอย่างหยิ่งยโสว่า"แม่ ลูกชายแม่แย่งชิงมาเพื่อแม่ รีบกิน ในหนึ่งวันก็มีแต่ข้าวเที่ยงนี่แหละอร่อยที่สุด"
พูดอยู่เขาก็กัดกินน่องไก่แบบคำใหญ่ๆ กินจนน้ำมันเลอะปาก
กิจจากลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว
ถึงแม้เขาจะเป็นทายาทบ้านตระกูลโตเล็ก และอยู่ในบ้านตระกูลโตเล็กก็ไม่เคยขาดน่องไก่ แต่ว่าหลังจากมาที่นี่ นอกจากน่องไก่ข้าวเที่ยง อาหารมื้ออื่นๆทำให้เขาทนรับไม่ไหวจริงๆ มันธรรมดามากจนไม่รู้จะธรรมดาแค่ไหนแล้ว อีกอย่างรสชาติยังเทียบกับฝีมือพ่อครัวที่บ้านไม่ได้สักนิด
เดิมทีคิดว่าจะมีน่องไก่ให้กินอย่างอิ่มอกอิ่มใจ แต่ตั้งแต่มาที่นี่ กานต์ก็รังแกเขาอยู่ตลอดเวลา แย่งชิงน่องไก่ของเขา แต่เขาก็สู้อย่างฝ่าฟันไม่ถอย แต่ว่าวันนี้เขาตะกละน่องไก่เหลือเกิน
มองหน้าตะกละของกิจจามันเหมือนกับแมวไม่มีผิด นรมนจึงเอาน่องไก่ในถ้วยตัวเองยื่นให้กับกิจจา
"กินเถอะ"
กิจจาอึ้งไปทันที หันไปมองหน้ากานต์
กานต์ขมวดคิ้วอย่างเข้มขรึม
"แม่ นี่ฉันแย่งชิงมาเพื่อแม่นะ อีกอย่างแพ้ก็ต้องยอมรับว่าแพ้ เขาแพ้ให้กับฉันเอง"
"กานต์ คนเราต้องรู้จักให้อภัย ถึงแม้แม่จะรู้ว่าเธอกำลังกระตุ้นกิจจาอยู่ แต่ว่าการกดขี่ข่มเหงคนอื่นเป็นสิ่งที่ไม่ควร ต้องรู้จักยืดหยุ่น อีกอย่างนี่เป็นน่องไก่ที่เธอให้กับแม่ แม่มีสิทธิ์ที่จะแบ่งให้ใครก็ได้ไม่ใช่หรือ? "
นรมนไม่ได้จะเอ็นดูกิจจา เพราะยังไงซะเขาก็เป็นลูกของเขมิกา แต่เธอดันใจอ่อน
มองตาที่ปรารถนาของกิจจา เธอเหมือนได้เห็นตาคู่นั้นของกมล
ตาทั้งคู่ที่คล้ายกัน หน้าตาที่คล้ายกัน แต่ต่างกันที่โชคชะตาชีวิต นี่อาจเป็นฟ้าลิขิต แต่ว่าเด็กผิดอะไรหล่ะ?
คำพูดของนรมนทำให้กานต์เงียบ
กิจจายังคงมองหน้ากานต์ เหมือนกานต์ไม่พูดจา ตัวเองก็จะไม่กินน่องไก่ ถึงแม้เขาอยากกินมาก
ผ่านไปสักพัก กานต์พูดเสียงต่ำว่า"แม่ให้เธอ เธอก็กินเถอะ แต่ว่าวันนี้เธอต้องฝึกซ้อมเพิ่มหนึ่งชั่วโมง เธอสู้ความแข็งแกร่งของร่างกายฉันไม่ได้ เธอจึงต้องพยายามกว่าเดิม ไม่มีทายาทบ้านตระกูลไหนเอาแต่ใจและขี้เกียจได้"
"รับทราบ ลูกพี่"
กิจจายิ้มแย้มอย่างดีใจขึ้นมาทันที รีบหันไปกอดนรมนและพูดอย่างออดอ้อนว่า" คุณน้า ขอบคุณคุณน้า ฉันจะพยายามต่อไป"
" เด็กดี"
ถูกกิจจากอดไว้ นรมนมีความรู้สึกอีกแบบนึง ไม่เหมือนความรู้สึกที่กอดลูก ไม่เหมือนการออดอ้อนของลูกสาว แต่กลับทำให้เธอชื่นใจ ความรู้สึกแบบอุ่นๆ ความรู้สึกแบบเติมเต็ม
กิจจากินน่องไก่อย่างมีความสุข กานต์ก็หัวเราะ เด็กผู้ชายตบตีกัน มันก็คึกคักดี
คมทิพย์เห็นภาพเหตุการณ์นี้ พูดอย่างสับสนว่า"ความจริงเธอสามารถหลอกใช้ความรักจากกิจจาที่มีต่อเธอไปจัดการกับเขมิกา"
"ฉันไม่ต่ำช้าขนาดนั้นหรอกอีกอย่างฉันเป็นแม่คนนึง ถึงแม้เขมิกาจะเลวแค่ไหน แต่ก็ให้เด็กมาเดือดร้อนไม่ได้เด็ดขาด"
"เธอยังคงใจดีอย่างนี้ ทำแบบนี้กับบุริศร์ไม่ได้นะ"
คมทิพย์กังวล
นรมนหรี่ตา
" วางใจเถอะ สำหรับเขาฉันไม่ใจอ่อนแน่นอน"
ข้าวมื้อนี้ถือว่าอบอุ่นและมีความสุขดี
ตอนเย็นเด็กกับครูไปฝึกซ้อมต่อ นรมนไม่มีธุระอะไร หลังเที่ยวชมสถานที่เสร็จ ก็ได้รับสายจากบุริศร์
วิวที่นี่สวยดี มีเพื่อนซี้และลูกอยู่เป็นเพื่อนอีกด้วย ความจริงนรมนถือว่ามีความสุขดี หากไม่ใช่บุริศร์โทรศัพท์มาแล้วก็
แต่ว่าเธอไม่ได้คิดหนี รับสายของบุริศร์
"อยู่บนเกาะสบายดีไหม?"
"เสียงของบุริศร์ซ่อนความเหนื่อยล้า
" ก็ดี"
นรมนตอบแบบทั่วไป ไม่มีอารมณ์อะไรมาก
บุริศร์นวดขมับตัวเอง รู้ตัวดีว่าเธอไม่อยากคุยกับตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ว่าตอนนี้อยากฟังเสียงเธอจริงๆ
"ฉันไปบ้านคนแก่มา ตอนนี้ถือว่าไม่มีอะไร แต่ว่าต้องรอคนแก่ตื่นขึ้นมาก่อน หลายวันนี้เธอทนลำบากอยู่ที่เกาะไปก่อน กลับไปฉันจะไปรับเธอด้วยตัวเอง"
"อืม"
หลังฟังคมทิพย์อธิบายเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับบุริศร์ ในใจนรมนจึงไม่รู้สึกผิดต่อเขาเลยสักนิด
เป็นเพราะเธอใจอ่อนเกินไป ถึงทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เธอจะประวัติศาสตร์ซ้ำรอยไม่ได้เด็ดขาด
" เห็นกานต์แล้ว? รู้สึกอย่างไรบ้าง?"
บุริศร์ฟังน้ำเสียงที่ลวกๆของเธอออก แต่ว่าเขาก็ยังอยากได้ยินเสียงเธออยู่ดี เธอเพิ่งจากไป บุริศร์ก็รู้สึกว่าเวลามันช่างยาวนานเหลือเกิน
หากไม่ใช่ทางนี้ยังจัดการเรื่องวุ่นวายไม่เสร็จ เขาอยากบินตรงไปหาเธอซะตั้งแต่ตอนนี้เลย
ตรงนั้นมีภรรยาเใของเขาและลูกของเขา ตอนนี้เขารู้สึกว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าลูกและภรรยาของเขาอีกแล้ว
จะอภัยให้กับบุริศร์ไหม?
นรมนไม่รู้ แต่ก็ยังคาดหวังต่อไป หากได้เจอกับพ่อแม่จริง และสามารถตอบแทนพ่อแม่ ชาตินี้เธอก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว
เวลาผ่านไปทุกวินาที นรมนถูกความคาดหวังทำให้มีกำลังใจ รู้สึกว่าอะไรก็ดีไปหมด
เด็กๆยังฝึกซ้อมอยู่ ไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนเธอ เธอจึงได้แต่อยู่คนเดียวในหอพัก
ทันทีนั้น เสียงหน้าต่างของหอพักก็ดังขึ้นมาอย่างกระทันหัน
นรมนขมวดคิ้ว รีบลุกขึ้นมานั่งอย่างระมัดระวัง เธอหยิบกระติกน้ำร้อนมาวางไว้ในมือตัวเอง และเดินมาข้างหน้าต่างอย่างระมัดระวัง จ้องความเคลื่อนไหวของหน้าต่างอย่างไม่ให้คลาดสายตา
หน้าต่างเหมือนถูกคนเปิดออกมาทีละนิด
นรมนตกใจมาก
ความปลอดภัยของที่นี่แน่นหนามากไม่ใช่หรือ?
ทำไมถึงมีคนร้ายเข้ามาได้?
มือของนรมนจับกระติกน้ำร้อนไว้แน่นๆ
ถึงแม้จะรู้ดีว่ากระติกน้ำร้อนจะทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก แต่ตอนนี้สิ่งที่เธอหามาเป็นอุปกรณ์ในการป้องกันตัวก็มีเพียงเท่านี้จริงๆ
ในที่สุดหน้าต่างก็ถูกเปิดออก หัวหมุดเข้ามาทันที
"อ้า"
นรมนร้องเสียงตกใจ จึงโยนกระติกน้ำร้อนในมือออกไป
"อุ๊ย...."
เสียงที่คุ้นเคยร้องออกมา คนตรงข้ามร้องออกมาทันที แต่ไม่ตกลงมา แต่กลับทนเจ็บแล้วหมุดตัวเข้ามาอีกครั้ง
"ช่วยด้วย ช่วย...."
นรมนตะโกนเรียกคนช่วย แต่ถูกคนปิดปากเอาไว้
"อย่าตะโกน ฉันเอง"
คนตรงข้ามกดเสียงต่ำ
นรมนสับสนวุ่นวายไปหมด เธอไม่สนใจคนตรงข้ามเป็นใคร ยิ่งฟังเสียงที่คุ้นเคยของคนตรงข้างไม่ออก เธอตกใจจนทั้งถีบทั้งแตะ รู้สึกว่าแรงที่ถูกปิดไว้ในปากได้ขยับบ้างเล็กน้อย เธอก็อ้าปาก และกัดมือของคนตรงข้ามอย่างแรงๆ
"แมร่ง เธอเกิดปีจอหรือไง? ปกติเห็นท่าทางเธอสง่าดีนิ ทำไมตอนนี้ถึงกลายไปเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องเช่นนี้ ฉันเองฉันเอง"
คนตรงข้ามเจ็บไปทั้งตัว แต่ก็ไม่กล้าปล่อยตัวนรมนหากเธอตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง คนของบุริศร์ต้องมาพบแน่นอน หากวิ่งเข้ามา เขาก็แย่แล้ว
แต่น่าเสียดาย นรมนในตอนนี้ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น แค่รู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกปล้นอยู่
เธอยังมีกมลต้องช่วย ยังมีลูกชายอีก เธอจะเกิดเรื่องที่นี่ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด
คิดถึงตรงนี้ นรมนไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน ใช้แขนของเธอชนเข้าไปที่หน้าอกของคนตรงข้ามอย่างเต็มแรง ฉวยโอกาสช่วงที่คนตรงข้ามเจ็บ และปล่อยตัวชั่วคราว เธอจึงรีบหันตัว และถีบเข้าไปส่วนล่างของคนตรงข้าม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: แค้นรักสามีตัวร้าย
650 ตอนยังไม่จบเลยค่ะ...
หล่อนบอกพฤกษ์ได้ย่ะนังนรมน โง่ซ้ำซาก...
อ้าว ขอตุลยาให้ช่วย แล้วทีงี้ทำไมไม่กลัวคนแอบมองจะรู้ว่าขอให้คนอื่นช่วย ไม่สงสัยเลยเว้ยว่าอาจจะมีกล้องซ่อนอยู่เพื่อแอบดูตัวเอง แทนที่จะขอมือถือใหม่มาใช้ สรุป ตอนนี้ไม่มีโทรศัพท์ โทรขอความช่วยเหลือไม่ได้...
โอ๊ย มีปัญญาบอกพฤกษ์ให้ไปบอกสามีได้ แต่ไม่ยอมบอกเค้าว่ามีคนส่งข้อความมาและคนๆนั้นน่าจะอยู่ในสถานพักฟื้นนี่แหล่ะ แล้วจะยังไง ตัวเองจะปกป้องลูกๆและแม่สามีได้ไง แต่งเรื่องได้ไม่เมคเซ้นส์เลย แต่เราว่าดูแล้วเหมือนไปก๊อปเรื่องอื่นมาแล้วเปลี่ยนชื่อคนเอา แล้วไอ้เรื่องที่เอามามันคงใช้บอทแปลมาอีกที เพราะนอกจากภาษาแหม่ง ๆ ยังใช้สรรพนามมั่ว เดี๋ยวเธอเดี๋ยวเขา เดี๋ยวเรียกลูกว่าคุณเดี๋ยวเรียกหนู เดี๋ยวเรียกยายเดี่ยวเรียกย่า ฯลฯ ถ้าคนเขียนหรือแปล มันไม่น่าจะผิดตรงจุดนี้...
นี่กอีกจุดที่ไม่สมจริง นรมนควรจะรีบบอกบุริษร์ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่โอ้เอ้ ทำนั่นทำนี่ตั้งนาน เพราะก็ต้องเข้าใจสิว่าพ่อก็ทุกข์ใจเรื่องลูกหาย...
รู้ว่ามันฆ่าสามีและวางยาลูกคนเล็ก แต่ก็ทำเฉย เก็บมันไว้ใกล้ชิดกับลูกอีกคน ปล่อยให้มันสร้างฐานอำนาจมากขึ้นๆ แถมไม่แอบบอกลูกด้วยว่าต้องระวังอีนี่ อ่านแล้วงงตรรกะ...
น่าแบ่งคนเป็นสองกลุ่มตั้งแต่ต้น ตัวเองกับไมค์พาคนบุกบ้าน ค้นหาตัวนรมน อีกกลุ่มให้คนสนิทไมค์ซึ่งเป็นเจ้าถิ่นพาไปรับตัวแม่กับลูกออกจากรพ. ไม่งั้นอย่างเลวสุดคือเอาลูกและแม่ออกจากรพ. ได้แล้ว ให้ไมค์พาไปค้นบ้าน ช่วยนรมนออกมาด้วย ลองคิดตามความเป็นจริง พอรเมศรู้ว่าพาคนออกจากรพ.แล้ว มันก็ต้องเอะใจแล้วว่าต้องรีบเปลี่ยนที่ซ่อนนรมน รเมศมันก็ไม่น่าโง่นิ เป็นถึงเจ้าพ่อแถบนั้นได้...
แล้วแทนที่จะบอกลูกน้องว่ารเมศไว้ใจไม่ได้ ขังนรมนไว้และจะวางยากมล ก็ไม่บอกอีก แถมไม่เรียกตำรวจ ไม่ขอกำลังเสริม ทั้งๆที่รู้ว่าเลขากำลังจะโทรสั่งคนที่รพ. คือ ไม่คิดเหรอว่าอาจจะหนีออกจากรพ.ไม่ทัน...
กรูจะบ้า แอบเข้ามาคนเดียวอีกแล้ว ไหนว่ารวยมากมีอำนาจมาก ทำไมอนาถาจัง...
ป้าโอก็ใบ้ไว้ชัดมากนะ พระเอกฉลาดก็น่าจะสงสัยว่านางเป็นแม่แท้ ๆ หรือเปล่า พอฟังแม่พูดแล้ว อาจจะว่านางโอวางยาแม่บุริศร์ พอคลอดเด็กผู้หญิงมาก็แอบเปลี่ยนกับแฝดของตัวเอง เพราะงี้ถึงได้รักพระเอกกับน้องมากๆ แต่ก็งงว่าทำไมวางยากิจจา และทำร้ายกานต์ นั่นหลานแท้ๆนี่หว่า...