บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] นิยาย บท 1676

บทที่ 1676 หยุดกลางคัน

………………..

บทที่ 1676 หยุดกลางคัน

เพียงแค่กระบวนท่าเดียว!

แต่ตี้จวินซึ่งอยู่ในอันดับที่สิบสองในเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ กลับถูกซัดโซเซกลับไปจนกระอักเลือด!

เหตุนี้เกินจินตนาการของทุกคนที่อยู่รอบข้าง

คนผู้นี้… ดูเหมือนจะแข็งกล้ายิ่งกว่าครั้งที่ต่อสู้กับอวี๋ชิวจิงมาก ดวงตาของจวนอวี๋สุ่ยหรี่ลงในขณะอุทานด้วยความตกใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ยิ่งเขาเข้าใจเฉินซีมากเท่าไร ก็ยิ่งสังเกตเห็นว่าพลังของเฉินซีนั้นไม่อาจหยั่งถึงได้เท่านั้น ราวกับพลังไร้ขีดจำกัด และทำให้ผู้อื่นประหลาดใจได้อยู่เสมอ

“นี่…เป็นไปได้อย่างไร?”

“เขาแข็งกล้าเกินไปแล้ว!”

“แม้แต่ตี้จวินก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว?”

เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงล้วนแต่ประหลาดใจ ทั้งยังอ้าปากค้างอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ชั่วขณะหนึ่ง สายตาที่จ้องมองเฉินซีก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทั้งยังไม่เชื่อ

“นึกไม่ถึงว่าข้าจะได้พบกับชายหนุ่มอีกคนที่เหยียบย่างเข้าสู่ขอบเขตมหาวิถีกระบี่ น่าสนใจนัก หากเด็กคนนี้ไม่ตาย แดนเทพโบราณในภายภาคหน้า จะน่าสนใจกว่านี้เป็นแน่แท้….” ในระยะไกล ลั่วฉ่าวหนงดูเหมือนจะจมอยู่กับความคิด และมีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์อย่างยิ่งปรากฏบนริมฝีปาก

เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งนี้ ตี้จวินกลับรู้สึกโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง แม้การโจมตีครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เขาบาดเจ็บมากนัก แต่มันทำให้ตระหนักได้ว่าพลังยุทธ์ของอีกฝ่าย อย่างน้อยก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าตนนัก และแม้แต่เขาก็ไม่สามารถระบุว่าพลังยุทธ์ของเฉินซีนั้นแข็งแกร่งปานใด

หลังจากนั้น เขาก็เริ่มหัวเราะ พลางเช็ดคราบเลือดที่ริมฝีปาก พร้อมกับยืดร่างให้ตรง แล้วจึงมองเฉินซีที่อยู่ห่างออกไป แต่ดวงตากลับทอประกายบ้าคลั่งอยู่ราง ๆ “ไม่เลว ไม่เลวเลย! ข้าไม่ได้สัมผัสความรู้สึกเช่นนี้มานานแล้ว ช่างน่าตื่นเต้นจริง ๆ!”

เสียงแหลมหูดุจสตรี แต่ก็ฟังดูน่าพรั่นพรึงสะท้านขวัญ ทั้งยังทำให้ผู้อื่นรู้สึกราวกับตี้จวินนั่นมีนิสัยวิปริตบิดเบี้ยว

สีหน้าของเฉินซียังคงสงบและไม่แยแส ความสนใจส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่ลั่วฉ่าวหนงที่ยืนอยู่ในระยะไกล สำหรับตี้จวิน ไม่ควรค่าให้ใส่ใจสักนิด

ไม่ใช่ว่าตี้จวินไม่แข็งแกร่งพอ แต่เมื่อเทียบกับลั่วฉ่าวหนงแล้ว ตี้จวินนั้นด้อยกว่ามาก

ก่อนหน้านี้ เฉินซีได้ใช้พลังเต็มพิกัดทันทีที่โจมตี และทำให้ตี้จวินพ่ายแพ้ในคราเดียว การที่เขาทำทั้งหมดนี้ ก็เพื่อแสดงความแข็งแกร่งเพื่อสยบคนอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบ

ในเวลาเดียวกัน เขาก็ทำเพื่อให้ลั่วฉ่าวหนงได้เห็น ต้องการให้ลั่วฉ่าวหนงรู้ว่าจะต้องจ่ายราคาสูงลิ่วเท่าใด หากคิดที่จะจัดการกับตน

นี่คือเหตุผลที่สำคัญที่สุด

ลั่วฉ่าวหนงไม่เหมือนกับผู้เยี่ยมยุทธ์คนอื่น ๆ คนผู้นี้ดำรงอยู่ในอันดับที่สามในเทียบอันดับรู้แจ้งวิญญาณ ดังนั้นเฉินซีจึงรู้สึกกดดันมากเมื่อมีลั่วฉ่าวหนงอยู่ที่นี่

ประกอบกับความจริงที่ว่าจวนอวี๋สุ่ยได้รับบาดเจ็บสาหัสและจวนเจียนสิ้นใจ อีกทั้งยังต้องปกป้องผู้เยี่ยมยุทธ์อีกสามคนที่อยู่ข้างหลัง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เฉินซีทำได้เพียงพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อรับประกันความปลอดภัยของทุกคนก่อน

“เฉินซี เข้ามาเลย! หากเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ ก็เอาหัวของข้าไปซะ ข้ารับประกันว่าตระกูลตี้แห่งเอกภพจักรวรรดิจะไม่ถือสาเอาความ!”

โอม!

ตี้จวินเลียริมฝีปากสีแดงฉาน ท่าทางกระเหี้ยนกระหือรืออย่างยิ่ง ดาบโค้งในมือเปล่งประกายแสงสีเลือดอย่างน่าประหลาด จากนั้นมันก็ย้อมเลือดสวรรค์ทั้งเก้าจนเป็นสีแดง!

ในขณะนี้ ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยจิตต่อสู้ที่ลุกโชนราวกับตะวัน และพุ่งทะยานราวกับหินหลอมเหลว กลิ่นอายน่าเกรงขามมากกว่าก่อนหน้านี้มาก ครั้นมองจากระยะไกล คล้ายกลายเป็นเทพที่โผล่ออกมาจากมหาสมุทรแห่งนรกอันนองเลือด เกิดเป็นเหตุที่น่าสะพรึงกลัวยิ่ง

“คนผู้นี้คลุ้มคลั่งอีกแล้ว!” ร่างของคนอื่น ๆ ที่อยู่ฝ่ายเดียวกับตี้จวินล้วนสั่นสะท้าน เพราะพวกเขารู้ดีว่าทันทีที่คนผู้นี้คลุ้มคลั่ง เขาจะกลับกลายเป็นปีศาจที่เข่นฆ่าไม่กะพริบตา และไม่สามารถหยุดยั้งได้ เว้นแต่คู่ต่อสู้จะสิ้นใจ!

“ระวังด้วย คนผู้นี้เป็นคนคลั่งที่มีชื่อเสียงในเอกภพจักรวรรดิ เขาเป็นคนโหดร้าย กระหายเลือด และมีนิสัยโหดเหี้ยม หากคลุ้มคลั่งเมื่อใด แม้แต่คนในตระกูลก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น!” เสียงกังวลของจวนอวี๋สุ่ย ดังเข้าหูเฉินซีผ่านกระแสปราณ และทำให้ดวงตาของเฉินซีหรี่ลง สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง

ในทางกลับกัน เหตุนรกสีแดงเลือดก็สะท้อนจากดาบโค้งอันวิจิตร นรกนั่นเต็มไปด้วยกองกระดูก เสียงร่ำไห้ของภูตผี เสียงโหยหวนอันโศกเศร้า และเสียงคร่ำครวญของทวยเทพ… มันดูน่าตกใจถึงขีดสุด

เห็นได้ชัดว่าเนื่องจากมันสามารถเปิดเผยเหตุที่น่าสะพรึงกลัวได้ ดาบเล่มนี้จึงเป็นสมบัติวิญญาณธรรมชาติที่มีพลังที่ไม่อาจหยั่งถึงได้!

เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนที่อยู่รอบข้างตกใจ ร่างกายรู้สึกหนาวเย็นประหนึ่งตกลงในบ่อน้ำแข็ง

“เจ้าสมควรถูกทุบตีจริง ๆ” รอยยิ้มเย็นปรากฏที่มุมปากเฉินซี ชายหนุ่มควงยันต์ศัสตรา จากนั้นจึงชี้ปลายกระบี่ไปทางตี้จวิน

นอกเหนือจากการกระทำเล็กน้อยนี้ เจตจำนงกระบี่ที่มหาศาลและกว้างใหญ่ก็หลั่งไหลออกมาจากร่างกายดุจทะเลคลั่ง

เจตจำนงกระบี่เพิ่มขึ้นราวกับมหาสมุทรและไร้ขอบเขตเหมือนหุบเหว มันเติมเต็มฟ้าดิน และเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้กลายเป็นโลกแห่งกระบี่ ซึ่งพื้นที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแหลมคมและดุร้ายอย่างยิ่ง

เหตุการณ์นี้กล่าวได้ว่าเป็นประวัติการณ์ ฟ้าดินอันกว้างใหญ่ที่ตี้จวินยืนอยู่ เปรียบเสมือนนรกสีแดงเลือด ทุกสิ่งแปดเปื้อนไปด้วยโลหิตข้นคลั่ก ทั้งยังอื้ออึงด้วยเสียงครวญครางของเทพและภูตผี

ในขณะที่ฟ้าดินอันกว้างใหญ่ที่เฉินซียืนอยู่ ได้กลายเป็นโลกแห่งกระบี่ การไหลเวียนของกระแสอากาศ แสงสว่าง ฝุ่นผง และแม้แต่ทุกสรรพสิ่งที่อยู่รอบตัว…. ทั้งหมดดูรวดเร็ว ดุร้าย และเปี่ยมพลังเข่นฆ่า ในขณะที่เฉินซีเป็นเหมือนเจ้าเหนือหัวที่ควบคุมกระบี่ทั้งปวง กลิ่นอายดุร้ายและทรงพลังจนพุ่งขึ้นสู่สวรรค์ทั้งเก้า

มีเพียงตัวตนที่บรรลุถึงจุดสูงสุดเท่านั้น ที่สามารถสร้างปรากฏการณ์ที่น่าตกใจเช่นนี้ได้

ทันใดนั้น ฟ้าดินก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการเข่นฆ่า เฉินซีและตี้จวินยืนเผชิญหน้ากันจากระยะไกล

การต่อสู้ที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินกำลังจะปะทุขึ้นระหว่างคนทั้งสอง ทว่าในขณะนี้ เสียงอันเกียจคร้านก็ดังขึ้น “เอาละ ตี้จวิน พอได้แล้ว”

แม้เป็นเพียงประโยคเดียว แต่ก็เหมือนกับเสียงของมหาเต๋า ที่สามารถปลุกคนหูหนวกและให้แสงสว่างแก่คนตาบอดได้ ทั้งยังทำให้จิตสังหารที่อยู่รอบข้างอ่อนแรงลงอีกด้วย

บทที่ 1676 หยุดกลางคัน 1

บทที่ 1676 หยุดกลางคัน 2

บทที่ 1676 หยุดกลางคัน 3

Verify captcha to read the content.ตรวจสอบแคปช่าเพื่ออ่านเนื้อหา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇]