13 : นางไม่ใช่คนดีเท่าใดนัก
ในใจของหลี่ปิงซืออดเสียดายไม่ได้ หากพวกนางยังอยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าจะช่วยเหลือตระกูลหลี่ได้หรอกหรือ ไม่น่าหุนหันพลันแล่น ขับไล่พวกนางออกไปเลย
ครึ่งชั่วยามต่อมา พ่อบ้านหลัวได้กลับมารายงานผู้เป็นนาย หลังจากได้ไปสอบถามกับผู้คนที่อยู่ละแวกนี้แล้ว
“ตระกูลหยวนแห่งเมืองหลวงหรือ” หลี่หวงซวนเคยได้ยินชื่อเสียงพวกเขาอยู่บ้าง
“ขอรับนายท่าน ตรอกหนิงอันแห่งนี้ถูกพวกเขากว้านซื้อเอาไว้ทั้งหมด มีเพียงเรือนของนายท่านที่ไม่ได้ถูกซื้อไปขอรับ”
“แล้วเป็นใครในตระกูลหยวนที่เป็นเจ้าของเรือนด้านข้าง”
“ได้ข่าวว่าเป็นหยวนเหวินเซียว บุตรชายคนที่สามที่เกิดจากฮูหยินรองขอรับ เห็นว่าหม่าหลิงเฟยพาบุตรชาย ย้ายมาอยู่ที่นี่แบบถาวรแล้ว แต่เพราะเหตุผลใดนั้นข้าไม่อาจสืบมาได้ เพราะพวกเขาเพิ่งย้ายมาไม่กี่วันนี้เองขอรับ”
“นี่ไม่น่าแปลกหรือ เพิ่งย้ายมาไม่กี่วัน แต่อนุเฉากลับเข้าไปพึ่งพาอาศัยพวกเขาแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่เข้าใจ
“เลิกเรียกนางว่าอนุเฉาเถอะ นางได้รับหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยาไปแล้ว ต่อไปหากเอ่ยถึงนาง ก็ให้เรียกเฉาซูหลิ่งเป็นพอ” หลี่หงซวนอยากแก้การเรียกขานให้ถูกต้อง
จี้ชิวหรงลอบมองหน้าสามีของตน เห็นเขาคิ้วขมวดยุ่งเหยิงเข้าหากัน ในใจคงสับสนอยู่ไม่น้อย เฉาซูหลิ่งยามนี้ดูเปล่งประกายสดใสกว่าเมื่อก่อน ใบหน้ายังงดงามไม่เสื่อมคลาย ในใจกลับรู้สึกเหมือนมีหนาม ทิ่มแทงอกอยู่ตลอดเวลา
“ท่านพ่อเจ้าคะ ข้าจะเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือไปยังบ้านเดิม แต่ข้าไม่รู้ว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะเห็นด้วยหรือไม่ จึงอยากถามพวกท่านเสียก่อน” จี้ชิวหรงอยากมีตัวตนในสายตาของทุกคน
“สะใภ้สามนับว่ามีน้ำใจแล้ว”
หลี่หงซวนพยักหน้าให้นาง หากตระกูลจี้ยื่นมือช่วยเหลือคงดีไม่น้อย แต่ว่าพวกเขาจะยอมช่วยเหลือทุกคน ในตระกูลหลี่ด้วยหรือ จึงเอ่ยกำชับไปอีกเรื่อง “เจ้าทำอะไรให้เงียบอย่าส่งเสียงดัง ข้าไม่อยากทำให้ตระกูลจี้ต้องลำบากไปด้วย”
“ลูกสะใภ้จะจดจำไว้เจ้าค่ะ”
เก่อจิวลู่ก้มหน้ากัดริมฝีปากตนเองเอาไว้ บ้านเดิมของนางแทบจะตัดขาดหลังเกิดเรื่อง นางคงไม่มีหน้าไปขอความช่วยเหลือเหมือนน้องสะใภ้สาม นี่เป็นการหักหน้านางชัด ๆ
เก่อจิวลู่ “ท่านแม่เจ้าคะในเมื่อเป็นเพื่อนบ้านกัน เราควรไปทักทายพวกเขาดีหรือไม่”
“ตามมารยาทต้องทำเช่นนั้น” ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าเห็นด้วย “ไปดูเสียหน่อยว่าเฉาซูหลิ่งไปอยู่ที่นั่นทำไม และบอกให้หม่าหลิงเฟยรู้ไว้หน่อยก็ดี ว่าหากเฉาซูหลิ่งทำอะไรร้ายกาจขึ้นมา ย่อมไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลหลี่อีกต่อไป”
“เจ้าค่ะท่านแม่” เก่อจิวลู่ขานรับ นางเข้าใจเจตนารมณ์ของแม่สามีแล้ว หันไปทางจี้ชิวหรง “น้องสะใภ้สามเจ้าไปเป็นเพื่อนข้าดีหรือไม่”
“ได้เจ้าค่ะ”
จี้ชิวหรงฝากบุตรชายไว้กับสามี เดินตามหลังเก่อจิวลู่ไปยังเรือนด้านข้าง
บ่าวรับใช้เข้ามารายงานหม่าหลิงเฟย มีสตรีสองนางจากเรือนด้านข้าง มาขอพบนางเพื่อทักทายกัน
“ให้พวกนางเข้ามา”
หม่าหลิงเฟยเอ่ยแล้วหันไปทางแม่นมหู อีกฝ่ายพลันเข้าใจความหมาย สั่งสาวใช้ให้ไปเตรียมน้ำชามาต้อนรับแขก
ทันทีที่ก้าวเข้ามาภายในเรือนของหม่าหลิงเฟย เก่อจิวลู่กับจี้ชิวหรงรู้สึกประหม่าทันที เรือนแห่งนี้เพียบพร้อมไปด้วยเครื่องเรือนราคาแพง บรรยากาศของเรือนก็เงียบสงบ บ่าวรับใช้ท่าทางเหมือนถูกอบรมมาเป็นอย่างดี
“ข้าเก่อจิวลู่เป็นสะใภ้รองตระกูลหลี่เรือนด้านข้าง นี่น้องสะใภ้สามจี้ชิวหรง มาน้อมทักทายหม่าฮูหยินเจ้าค่ะ”
“เชิญพวกท่านทั้งสองนั่งลงก่อนเถอะ” หม่าหลินเฟยอมยิ้มเล็กน้อย คงสืบเรื่องของนางมาแล้วกระมัง ถึงได้รู้จักว่านางแซ่หม่า
สาวใช้ยกถาดน้ำชามาต้อนรับแขกตามมารยาท มีขนมกินเล่นยกตามมาด้วย
“เดิมทีข้าเองก็เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในเรือนหลังนี้ เลยไม่ได้ออกไปทักทายเพื่อนบ้านที่ไหน นับเป็นโอกาสดีที่ได้รู้จักกัน” หม่าหลิงเฟยเอ่ยอย่างเกรงใจ
เก่อจิวลู่เอ่ย “หม่าฮูหยินเจ้าคะ ข้าควรจะมีของติดไม้ติดมือมาเยี่ยมท่าน แต่ว่าเกิดเรื่องที่ตระกูลหลี่ขึ้นเสียก่อน จึงไม่ได้มีทรัพย์สินอันใดติดมือมา ต้องขออภัยหม่าฮูหยินด้วย” เมื่อมาถึงแล้วถึงรู้ว่าตนเองเสียมารยาทเกินไป
“ไม่เป็นไรข้าไม่ถือสาเรื่องนั้นหรอก แค่มาทักทายกันก็พอแล้ว” หม่าฮูหยินยื่นมือไปยกถ้วยชาขึ้นจิบ
จี้ชิวหรงเห็นนางไม่สนใจตนเองกับพี่สะใภ้ เหมือนถามมาตอบไปตามมารยาท จึงมองไปรอบ ๆ บริเวณห้องโถงรับแขก กลับไม่พบเห็นเฉาซูหลิ่งกับลูก ๆ ของนางเลย
“จี้ฮูหยินมองหาใครหรือ” ไม่ได้รอดพ้นสายตาของเจ้าของเรือนไปได้
จี้ชิวหรงถูกถามตรง ๆ ก็สะดุ้งเล็กน้อย
“ไม่ปิดบังหม่าฮูหยิน ข้าได้ยินมาว่าเฉาซูหลิ่งกับลูก ๆ ของนาง มาอยู่ที่เรือนของท่าน เป็นเรื่องจริงหรือเจ้าคะ”
“เป็นเรื่องจริง”
“เหตุใดท่านถึงให้นางมาอยู่ในเรือนได้เล่า” เก่อจิวลู่รีบเอ่ยถาม ท่าทางนางเหมือนมีความลับบางอย่างอยากบอก
“ทำไมรึ” หม่าหลินเฟยทำหน้า เหมือนคนไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน
เก่อจิวลู่รีบมองซ้ายมองขวา “นางไม่ใช่คนดีเท่าใดนัก”
จี้ชิวหรงเอ่ย “พี่สะใภ้รอง”
“เจ้าก็อย่าห้ามข้า เกือบตายก็เพราะนางมาแล้วไม่ใช่รึ”
เก่อจิวลู่ส่งสายตาให้อีกฝ่ายหยุดพูด แล้วหันกลับมาทางหม่าหลินเฟย
“เมื่อห้าปีก่อนสะใภ้สามตั้งครรภ์ ยามนั้นเฉาซูหลิ่งยังเป็นอนุของน้องสามอยู่ นางเกิดริษยาจึงได้วางยาขับเลือด ในน้ำแกงบำรุงครรภ์ สะใภ้สามไม่ได้ระแคะระคายสงสัยนางเลย จนเกิดเรื่องร้ายขึ้น ทำให้ต้องสูญเสียเด็กในท้องไป ช่างน่าสงสารนัก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง