ซือเจ๋อเยว่หันไปสอบถามทหารองครักษ์คนหนึ่ง “เมื่อครู่หนิวกงกงหาว่าข้าเป็นสุนัข เจ้าได้ยินหรือไม่?”
ทหารองครักษ์หมอบลงกับพื้น “ได้ยินขอรับ”
ซือเจ๋อเยว่ลองถามอีกหลายคน พวกเขาล้วนตอบว่าได้ยิน
ซือเจ๋อเยว่อมยิ้มแล้วมองหนิวกงกง “หากข้าเป็นสุนัข มารดาข้าก็ต้องเป็นสุนัข”
“หากมารดาข้าเป็นสุนัข บิดาข้าก็ต้องเป็นหมา หากพ่อข้าเป็นสุนัข พี่น้องของเขาก็ต้องเป็นสุนัขด้วยน่ะสิ”
เมื่อหนิวกงกงได้ยินเช่นนั้นพลันเข้าใจทันที ซือเจ๋อเยว่ใช้ป้ายทองคำเชยคางเขาขึ้น “หนิวกงกง เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก ถึงกับด่าทอฮ่องเต้ต่อหน้าธารกำนัล!”
หนิวกงกงรีบตอบ “ข้าเปล่านะ...”
ซือเจ๋อเยว่ใช้ป้ายทองคำตบหน้าเขาแรงๆ “เหอะ ยังกล้าปฏิเสธอีก! เมื่อครู่ทุกคนได้ยินกันทั้งนั้น เจ้ายังคิดจะปัดสวะหรือ!”
หนิวกงกง “...”
เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าคนที่ทำร้ายเขาคือซือเจ๋อเยว่
เขาจึงยิ้มแห้ง “องค์หญิง นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด!”
ซือเจ๋อเยว่เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พอหมิ่นพระเกียรติเสด็จอาเสร็จก็บอกว่าเข้าใจผิด หนิวกงกง เจ้านี่ใจกล้าไม่น้อย!”
“เจ้าวางใจเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังไปเฝ้าเสด็จอาแต่เช้า เพื่อจะได้กราบทูลให้ทราบเรื่องที่มีคนหาว่าพระองค์เป็นสุนัข”
เส้นเลือดบนหน้าผากหนิวกงกงปูดโปน พร้อมกัดฟันตอบ “วันนี้กระหม่อมมาปฏิบัติหน้าที่ ขอองค์หญิงโปรดอย่าขัดขวาง!”
ซือเจ๋อเยว่กอดอกพร้อมกล่าวขึ้น “ข้าขัดขวางเจ้าทำหน้าที่หรือ?”
“เช่นนั้นเจ้าลองบอกข้าสิ เสด็จอาแค่ไม่ให้คนในจวนออกไปข้างนอก แต่เจ้ากลับบุกมาทำลายห้องทำพิธี”
“เจ้าเก่งกล้าสามารถขนาดนี้ ทำโดยพลการเช่นนี้ ถ้าอย่างไรข้าฟาดหัวกบาลเจ้าเสียเลยดีหรือไม่?”
เมื่อพูดจบนางยกป้ายทองคำขึ้นเตรียมฟาดใส่หัวหนิวกงกง
หนิวกงกงอยากจะสับนางให้เละ แต่ด้วยฐานันดรของนาง หนำซ้ำยังมีป้ายทองคำพระราชทาน ทำให้เขาไม่กล้าแม้แต่ตอบโต้
เขาจึงต้องพาทหารองครักษ์ออกจากจวนอ๋องอย่างไม่เต็มใจ
ตอนที่เดินไปถึงหน้าประตู เขาหันมาถลึงตาใส่ซือเจ๋อเยว่
วันนี้แผนการทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เมื่อนางปรากฏตัว ทำให้แผนการของเขาล้มไม่เป็นท่า
ซือเจ๋อเยว่คิดแค่ว่าหมาถลึงตาใส่
นางยืนอยู่บนบันได้ในจวนอ๋อง แล้วตะโกนเสียงดัง “จวนเยียนอ๋องจงรักภักดี เสด็จอาถึงได้ให้ข้าแต่งเข้าจวนเยียนอ๋อง”
“หลายปีมานี้ หากไม่มีจวนเยียนอ๋องคอยเฝ้าชายแดน ปกป้องแคว้นต้าฉู่ ชาวเผ่าต๋าต๋าคงทลายด่านลงใต้มานานแล้ว”
“ชีวิตที่สุขสบายของทุกคนในยามนี้ ล้วนแลกมาด้วยเลือดเนื้อของเหล่าทหารชายแดน”
“จวนเยียนอ๋องแค่พ่ายศึกเพียงครั้งเดียว ก็ทำให้พวกเจ้าลืมความดีของพวกเขาจนหมดแล้วหรือ?”
“รังแกคนชรากับสตรีมันแน่จริงที่ไหนกัน หากแน่จริงก็ไปตัดหัวชาวเผ่าต๋าต๋าที่สนามรบสิ!”
ทหารองครักษ์ตรงประตูทางเข้าถูกต่อว่าจนก้มหน้าลง
ตอนซือเจ๋อเยว่กลับเข้ามาในจวนอ๋อง เหลือบมองหนิวกงกงแวบหนึ่ง “เจ้าเป็นคนใจคอโหดเหี้ยม เข่นฆ่าคนดี มีคนตายด้วยน้ำมือเจ้าหลายชีวิต”
“คืนนี้วิญญาณเหล่านั้นจะมาทวงชีวิต เจ้ากลับไปจัดเตรียมงานศพให้ตัวเองเถอะ”
หนิวกงกงแค่นหัวเราะกับคำพูดของนาง ไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย
ในสายตาของเขา ต่อให้คืนนี้ไม่อาจยั่วยุจนคนในจวนเยียนอ๋องลงมือ แต่อย่างไรครั้งนี้คนในจวนก็ต้องตายจนหมด
ส่วนเรื่องคนที่เคยตายด้วยน้ำมือของเขาเหล่านั้น ก็แค่คนตาย จะทำอะไรเขาได้?
ระหว่างที่เขาเดินไปข้างหน้า รู้สึกปวดข้อพับ จากนั้นยืนไม่มั่น จึงหกล้มลงพื้นดังตุบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: บ่วงดวงชะตา พระชายาหมอดูมือฉมัง