หลังจากคิดได้แล้ว ลู่ม่านก็รีบสั่งเหอเย่ว “รีบไปที่โรงงาน แล้วแจ้งคุณชายจวง บอกเขาว่าเครื่องแยกเมล็ดข้าวกำลังตกอยู่ในอันตราย”
เหอเย่วรีบพยักหน้า และเดินออกไปทางประตูด้านหลัง
จากนั้นลู่ม่านก็จัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย และเดินออกมาจากประตูหน้า โดยถือน้ำผลไม้มาด้วย แล้วพูดว่า “ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ ใต้เท้าซวน”
“แม่นางลู่!” ซวนเหวินลี่แสร้งทำได้เหมือนจริงมาก ถ้าลู่ม่านยังไม่เข้าใจเรื่องราวก่อนแล้ว นางคงจะเชื่อว่าเขาไม่ใช่เฉินจื่อคังไปแล้ว มันต่างจากเมื่อก่อนมากจริงๆ
ความเย่อหยิ่งและอวดดีที่เคยมี หายไปหมดแล้วจริงๆ
ในเมื่อเขาต้องการแสดงความรักต่อชาวบ้าน ลู่ม่านก็จะไม่เกรงใจแล้ว หลังจากวางสิ่งต่าง ๆ ลงบนโต๊ะ นางก็พูดว่า “ใต้เท้าซวน ข้ายังมีธุระที่ต้องออกไปทำด่วน”
พอเขาได้ยินอย่างนั้น ดวงตาของซวนเหวินลี่เป็นประกายขึ้นมา แต่เขาก็ยอมพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ลู่ม่านเดินออกมา นางก็กลับไปที่ลานที่สอง แล้วเอนหลังพิงเก้าอี้โยกและนอนอาบแดดต่อ
หลังจากนั้นไม่นาน เหอซานก็เดินเข้ามาถามอีกครั้ง “แม่นาง คุณท่านมาที่นี่และกำลังคุยกับท่านผู้ว่าการอำเภออยู่ขอรับ”
พอได้ยินว่าตาแก่เฉินมา ลู่ม่านก็พยักหน้า “ไม่เป็นไร”
พอดีเลย สิ่งที่ซวนเหวินลี่ปฏิบัติต่อตาแก่เฉินถึงขนาดนั้น คราวนี้เขามาถึงหน้าประตู ตาแก่เฉิน ก็ใช้โอกาสนี้ให้บทเรียนเขาเลย
ลู่ม่านเอนตัวอยู่พักอยู่ตรงนั้น คิดว่าคิดว่าจะให้บทเรียนก็น่าจะพอแล้ว จากนั้นนางจึงลุกขึ้นและเดินไปที่ลานด้านหน้า
ทันทีที่นางมาถึงทางเข้าห้องรับแขกที่สวนด้านหน้า เขาก็ได้ยินคำพูดของซวนเหวินลี่ “ท่านผู้เฒ่า ถ้าเขตของเรารายงานเครื่องแยกเมล็ดข้าวนี้ไปที่ราชสำนักเอง จะต้องดึงดูดความสนใจจากฝ่าบาทได้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้น เฉินจื่ออานก็จะได้รับความดีความชอบอย่างแน่นอน”
หึ ไม่ยอมรับจริงๆ ด้วย?
ตาแก่เฉินได้ยินอย่างนี้ ก็พูดออกมาเสียงเรียบ “ใต้เท้าซวนมีจุดประสงค์อะไร ไม่ใช่แค่ต้องการใช้เครื่องจักรใหม่นี้ สร้างความดีความชอบให้ตนเองหรือไง”
ตาแก่เฉินพูดอย่างยุติธรรม ลู่ม่านอดที่จะยกย่องเขาไม่ได้ ควรปฏิบัติต่อซวนเหวินลี่แบบนี้ถึงจะถูก
“ท่าน…” ซวนเหวินลี่โมโหมาก ลู่ม่านรีบผลักประตูเดินเข้ามา
“ท่านพ่อ มาแล้วหรือ”
“อืม!” หลังจากที่ตาแก่เฉินพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืน “ข้ายังมีงานต้องทำ กลับก่อนล่ะ” หลังจากนิางเงียบไปสักพัก ก็พูดขึ้นมา “ท่านใต้เท้าเองก็คงงานยุ่งเหมือนกัน ไม่ต้องอยู่รอกินข้าวด้วยหรอก...”
อุ๊บ… ลู่ม่านเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาแล้ว
แต่ว่า ตอนนี้ภาพลักษณ์ของซวนเหวินลี่คือเจ้าหน้าที่ทางการที่ซื่อสัตย์ จึงเห็นเพียงซวนเหวินลี่ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “ท่านผู้เฒ่าพูดถูก ข้าต้องขอกลับก่อน ไว้วันหลัง...”
“ท่านใต้เท้ามีงานต้องทำเยอะ ดังนั้นจากนี้ไปก็อย่ามาอีกเลย...” ตาแก่เฉินกล่าวต่อ
พอเห็นแบบนี้ ที่ปรึกษาของซวนเหวินลี่ก็ตะโกนออกมา “บังอาจ เจ้ากล้าพูดกับใต้เท้าแบบนี้ได้อย่างไร ไม่กลัวติดคุกหรือไง?”
ตาแก่เฉินยิ่มเยาะเย้ย “ไม่กลัว!”
“นี่เจ้า...” ที่ปรึกษารู้สึกโมโหมาก เขาเหลือบมองไปทางทหารที่อยู่ข้างหลังเขา “ใครก็ได้ มาจับตัวผู้ก่อกวนผู้นี้…”
มามัดไว้สามคำที่เหลือยังพูดไม่จบ เขาก็ได้ยินเสียงของจวงลี่จ้งดังเข้ามาจากด้านนอก “ใต้เท้า ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะมาที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ในวันนี้ได้ ต้องขอโทษด้วยที่มาต้อนรับช้า”
พอซวนเหวินลี่เห็นจวงลี่จ้งเขาก็ขมวดคิ้วทันที มองออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ชอบจวงลี่จ้งเลยสักนิด
แต่ว่าตำแหน่งของตระกูลจวงในเมืองหลวงนั้นสูงมาก และจวงลี่จ้งก็มีความสนิทสนมกับอ๋องหนิงมาก เพราะสงครามในภาคเหนือ จวงลี่จ้งผู้นี้ยังได้รับรางวัลจากฝ่าบาทอีกด้วย...
พวกเขาหาเรื่องอีกฝ่ายไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงยิ้มออกมา “คุณชายจวง”
หลังจากมาถึง ลู่ม่านไม่ได้พูดจาอ้อมค้อม นางอธิบายเจตนาของนางออกมาโดยตรง และหยิบเอกสารออกมา
“ถ้าคุณชายจวงยังเต็มใจจะร่วมงานกัน ก็เซ็นสัญญากันตอนนี้เลย” หลังจากที่ลู่ม่านพูด นางก็หยิบเอกสารที่ลงนามแล้วยื่นให้จวงลี่จ้ง
จวงลี่จ้งก้มหน้าลงและเหลือบมองลายมือชื่อที่สวยงามบนเอกสาร และมุมริมฝีปากของเขาก็ยกยิ้มเล็กน้อย “เหตุใดแม่นางลู่ถึงยอมตกลงเรื่องนี้”
แกล้งนางหรือ? ลู่ม่านอดที่จะกลอกตามองบนไม่ได้ “ดูเหมือนคุณชายจวงจะไม่อยากเซ็นสัญญาแล้ว ถ้าอย่างนั้น...”
หลังจากที่นางจะพูดจบ ก่อนที่ลู่ม่านจะดึงเอกสารคืน จวงลี่จ้งก็รีบหยิบพู่กันขึ้นมาแล้วเซ็นชื่อของเขาลงไป
เอกสารถือว่าสมบูรณ์แล้ว หลังจากที่ลงนามแล้ว จวงลี่จ้งกับเฉินจื่ออาน และลู่ม่านก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการจัดตั้งโรงงานในอำเภอเฟิงหนาน บอกว่าเขาให้คนเริ่มเลือกสถานที่ไว้แล้ว รอพวกเขาเลือกได้ จะให้ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานไปดู
ลู่ม่านกับเฉินจื่ออานพยักหน้า จากนั้นทั้งสามก็เริ่มคุยกันต่อ จวงลี่จ้งถามว่า “พวกท่านมาในครั้งนี้มีธุระอื่นอีกหรือเปล่า?”
พอได้ยินแบบนั้น เฉินจื่ออานก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “พี่ชายคนรองของข้าออกจากบ้านมาหลายวันแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา พี่สะใภ้รองของข้าเป็นห่วงมาก จึงขอให้ข้ามาตามหาเขา”
จวงลี่จ้งนิ่งคิดเล็กน้อยและพูดว่า “พี่ชายคนรองของท่านคือเฉินจื่อฟู่ใช่หรือไม่”
“คุณชายจวงเห็นพี่ชายคนรองของข้าด้ายหรือ?” เฉินจื่ออานดีใจมาก ขอแค่เคยเห็น นั่นหมายความว่าเฉินจื่อฟู่ไม่เป็นอะไร เขาจึงรู้สึกโล่งอกขึ้นมาทันที
“อืม น่าจะนับว่าเคยเจอ!”
“เจอที่ไหน” เฉินจื่ออานรีบถาม
พอได้ยินแบบนี้ จวงลี่จ้งก็มองไปทางลู่ม่าน ท่าทางลำบากใจที่จะบอก ในโลกนี้ สถานที่ที่ไม่สามารถพูดต่อหน้าผู้หญิงได้ ไม่มีที่อื่นนอกจากหอนางโลม...
ลู่ม่านไม่ใส่ใจ และกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “พูดออกมาเถอะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน
เป็นพอ.ที่กลับกรอก เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ยอกจะออกจากครอบครัวเลวๆนี่ไม่จริงอีก ภาระของนางเอก ถ่วงแข้งถ่วงขาจริงๆ...
เด็กไม่ตายเพราะแม่คลอดยากจะตายเพราะคนรับใช้ป้อนโจ๊กข้าวจนอิ่มตื้อ รอดได้คือดวงแข็งเว่อ...
อ่านไป งงไป ตัดสินประหาร หรืออภัยโทษ?...
หม่อมข้า? ใช้ MS Word ไม่ระวังเลย...
ตั้งแต่ต้นจนถึงตอน 337 แล้ว โดยภาพรวมพระเอกไม่ค่อยมีเสน่ห์ ไม่เฉียบแหลมเลย...
อะไรจะมีปมขนาดนั้น วุ่นวายตอกย้ำเหลือเกินเกี่ยวกับระบบศักดินา ทั้งที่มันเป็นคนละยุคสมัยกัน...
ตอน285-287 หายทำไงดี...
ตอนหายค่ะ 284แล้วกระโดดไป288เลยค่ะ...
บท 285-287 หายค่ะ 284แล้ว288เลย รบกวนด้วยค่ะ...
281-311 รบกวนด้วยค่ะ...