เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 2139

ทั้งร่างกลายเป็นละอองผลึกน้ำแข็ง ล่องลอยไปบนฟากฟ้า

สำหรับขุนพลังสุดเหนือฟ้า การตายจะไม่สามารถหลงเหลือเนื้อหนังใด ๆ ไว้ได้เลย เพราะตราบใดที่ยังมีเลือดเนื้ออยู่แม้เพียงน้อยนิด หากต้องการคืนชีพอีกครั้ง สำหรับขุนพลังสุดเหนือฟ้าก็ไม่ใช่เรื่องยาก

หากต้องการฆ่าขุนพลังสุดเหนือฟ้าสักคน จำเป็นต้องทำให้พลังชีวิตของอีกฝ่ายหายไปจนหมดสิ้น ไม่เหลือโอกาสให้ได้คืนชีพอีก เช่นนั้นยามที่ขุนพลังสุดเหนือฟ้าตาย พวกเขาก็จะหายจากโลกนี้ไปตลอดกาล

ผงเหล่านั้นกลายเป็นเกล็ดละอองเล็ก ๆ ลอยไปตามสายลมไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้อีก

สิ่งนี้เป็นดั่งราคาที่ผู้แข็งแกร่งจำเป็นต้องจ่าย เป็นเรื่องยากจริง ๆ ที่พวกเขาจะสามารถเก็บร่างไว้ให้คนรุ่นหลังเคารพต่อไป

อริยบุคคลน้ำแข็งไม่ใช่ขุนพลังสุดเหนือฟ้าคนแรกที่ตายด้วยน้ำมือลู่ฝานและคงไม่ใช่คนสุดท้ายแน่นอน

เบื้องล่าง คนทั้งหมดต่างเหม่อมองฉากเบื้องหน้าด้วยความตกตะลึง

แล้วอริยบุคคลน้ำแข็งก็ตายไปเช่นนี้งั้นเหรอ?

เมื่อครู่เหล่าผู้แข็งแกร่งจากนานาประเทศ ต่างพากันเตรียมตัวสู้ร่วมกับอริยบุคคลน้ำแข็งอย่างยิ่งใหญ่

ทำให้ทั่วทั้งแดนตะวันออกเกิดความวุ่นวาย จากนั้นก็ทำลายประเทศอู่อานไปพร้อมกัน

ทว่าตอนนี้พวกเขารู้สึกแค่ว่าขาตนเองกำลังสั่น

ความแข็งแกร่งของลู่ฝานไม่ต่างอะไรกับเทพวิญญาณบู๊ ที่จู่ ๆ ก็เข้ามาขวางหน้าพวกเขาไว้ ทั้งยังบอกกับพวกเขาว่า “เลิกฝันได้แล้ว รีบกลับบ้านไปนอนเถอะ ถ้ายังกล้าทำเรื่องอื่นอีก ระวังจะตายด้วยหมัดเดียว!”

รอบด้านมีเพียงเสียงลมหายใจเย็น ๆ ดังขึ้น

ลู่ฝานที่จัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จสิ้นค่อย ๆ ลอยลงมาบนพื้น

คนทั้งหมดต่างกระจายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้ลู่ฝานสักคน

มีเพียงเจ้าดำที่เข้ามาหาลู่ฝานพร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนที่มันจะกระโดดขึ้นบนหัวไหล่ของเขา

สายตาของลู่ฝานกวาดมองสีหน้าของคนทั้งหมด ท่าทางแบบนี้ลู่ฝานเห็นมามากเกินพอแล้ว

ลู่ฝานเดินตรงไปข้างหน้าช้า ๆ ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ของหอเทวาลัยหรือผู้แข็งแกร่งจากแต่ละประเทศ ทั้งหมดต่างหลีกทางให้ลู่ฝาน

“หยุดก่อน!”

ทันใดนั้นด้านหลังชายหนุ่มก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น

ลู่ฝานหยุดเดินก่อนจะหันหน้ากลับไปมอง เขาเห็นเพียงเด็กหนุ่มอายุราวสิบห้าหรือสิบหกปี สวมเสื้อผ้าเนื้อบาง ถลึงตาด้วยความโกรธ มือซ้ายถือพลั่วส่วนมือขวาถือมีดทำครัวจ้องมองมาที่ลู่ฝาน

ลมหายใจติดขัด เนื้อตัวของเขาสั่นเทา แต่เขาก็ยังก้าวออกมาด้วยความกล้าหาญ

เด็กหนุ่มพูดขึ้นเสียงดัง ขณะที่มองลู่ฝานอยู่ “คุณฆ่าคนแล้ว คิดจะจากไปง่าย ๆ แบบนี้เหรอ? ที่นี่เป็นถึงหอเทวาลัยนะ!”

เด็กหนุ่มตีโพยตีพายขึ้นมาเสียงดัง จากนั้นก็ชี้ปลายมีดไปทางลู่ฝาน

ลู่ฝานเพียงแค่มองอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งเรียบ เด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่กับที่ทันที ราวกับทั่วทั้งร่างถูกเชือกพลังฟ้าดินจำนวนนับไม่ถ้วนรวบตัวเอาไว้ ทำให้เขาขยับร่างกายไม่ได้

เด็กหนุ่มยังร้องตะโกนต่อไปอีก “ต่อให้คุณฆ่าฉัน คุณก็จะไปทั้งแบบนี้ไม่ได้ ฆ่าคนต้องชดใช้ด้วยชีวิต คุณฆ่าประมุขของพวกเรา!”

น้ำตาที่เอ่อคลออยู่รอบดวงตาเด็กหนุ่มค่อย ๆ ไหลลงมา ลู่ฝานจ้องมองไปที่เขา นัยน์ตาเลื่อนลอยและพร่ามัวเล็กน้อย คล้ายกับเห็นตนเองในปีนั้น

ไม่ใช่เพราะเด็กหนุ่มคนนี้มีหน้าตาเหมือนเขา แต่เป็นเพราะนัยน์ตาที่เด็ดเดี่ยวของเขาต่างหาก เป็นประกายที่แม้ต้องตายก็ไม่หายไป ทำให้จิตใจของลู่ฝานสั่นไหวเล็กน้อย

เดิมทีลู่ฝานเตรียมจะจากไปแล้ว แต่กลับสนใจในตัวเด็กหนุ่มผู้นี้นิดหน่อย

“นายเป็นศิษย์ของหอเทวาลัยงั้นเหรอ?”

“ฉันเป็นเด็กฝึกงานนอกสำนักของหอเทวาลัย หวังเหมิ่ง!”

ไม่ใช่ทุกคนที่จะจงรักภักดีมั่นคงกับหอเทวาลัยเหมือนเช่นหวังเหมิ่ง

เมื่อได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งของลู่ฝานแล้ว พวกเขาต่างก็ต้องการจากไปโดยเร็ว เพื่อรักษาชีวิตของตนเองไว้ นี่จึงจะเป็นความคิดแรกสุด

ผู้เฒ่าของหอเทวาลัยสองสามคนถอนหายใจออกมา พวกเขาบางคนได้แต่แอบเสียใจ ก่อนจะค่อย ๆ แยกย้าย มีบางคนที่ยังกระอักเลือดออกมาไม่หยุด จนสุดท้ายก็ปลิดชีพตนเอง ณ ที่ตรงนั้น ร่วมเป็นร่วมตายไปกับหอเทวาลัย

ทั้งยังมีคนที่ยังอยากลงมือกับลู่ฝานอยู่ แต่เมื่อเข้ามาถึงครึ่งทางทั่วทั้งร่างก็ลุกเป็นไฟทันที

สำหรับศัตรูแล้ว ลู่ฝานไม่เคยเหลือเยื่อใยให้แม้แต่น้อย

ถางหญ้าต้องตัดรากถอนโคน นี่เป็นเรื่องที่เขารู้และเข้าใจมานานแล้ว

เพียงแต่หวังเหมิ่งที่อยู่ตรงหน้ายามนี้ ลู่ฝานไม่แน่ใจว่าจะฆ่าเขาดีรึไม่

วรยุทธของคนผู้นี้ดูเหมือนจะต่ำเตี้ยจนสามารถมองข้ามไปได้ ดูคร่าว ๆ แล้วก็น่าจะเพิ่งฝึกมาถึงระดับปล่อยพลังปราณ ทว่าเขากลับเชื่อมั่นอย่างยิ่งยวดว่าตนเองเป็นศิษย์ของหอเทวาลัย ทั้งความเกลียดชังลู่ฝานที่ฉายชัดผ่านแววตานั้นอีก ช่างชัดเจนจริง ๆ

จู่ ๆ ใบหน้าลู่ฝานก็เผยรอยยิ้มออกมา ช่างเถอะ เหลือไว้สักคนจะเป็นอะไรไป?

เขาไม่เหมือนกับสามอริยบุคคลหรอกนะ ที่ต้องกำจัดผู้มาคุกคามทิ้งจนสิ้นซาก ตั้งแต่อีกฝ่ายยังไม่ทันได้สยายปีก

จิตใจเขากว้างขวางกว่าสามอริยบุคคลมากโข ลู่ฝานเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหวังเหมิ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา “จำชื่อของฉันไว้ ฉันชื่อลู่ฝาน หากมีวันไหนที่นายแข็งแกร่งขึ้นแล้ว มาหาฉันเพื่อล้างแค้นได้ ไม่ว่าเมื่อไรก็ได้ทั้งนั้น!”

ลู่ฝานตบไปที่ใบหน้ารูปไข่ของหวังเหมิ่งเบา ๆ จากนั้นก็พูดประโยคสุดท้ายกับคนอื่น ๆ อีก “พวกคุณไปได้แล้ว แต่ฉันแนะนำพวกคุณได้อย่างหนึ่ง ไปที่ประเทศตันเซิ่ง จากนั้นแจ้งชื่อฉันไป ประเทศตันเซิ่งจะต้องรับพวกคุณไว้แน่ อีกอย่างข้างนอกก็มีแต่เรื่องวุ่นวาย ไม่สู้หาอะไรทำเป็นชิ้นเป็นอัน จำไว้นะ นี่เป็นแค่ข้อเสนอแนะของฉันเท่านั้น”

พูดจบ ลู่ฝานก็เดินจากไป

เจดีย์เสวียนเก้ามังกรที่อยู่ในร่างลู่ฝานจึงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “เจ้านายผู้ยิ่งใหญ่ ท่านพูดแบบนี้ พวกเขาจะต้องคิดว่าเป็นคำขู่แน่นอน ไม่ไปก็คงไม่ได้แล้วสิ!”

ลู่ฝานยิ้มโดยไม่พูดอะไร

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า