เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า นิยาย บท 2181

สีหน้าของผู้อาวุโสแต่ละคนดูสับสน พวกเขาแทบไม่เคยได้ยินว่าเจดีย์เสวียนเก้ามังกรคืออะไร

พวกเขาเคยเห็นลู่ฝานนำเจดีย์นี้ออกมามากกว่าหนึ่งครั้ง ล้วนมองออกว่าเจดีย์นี้ไม่ใช่สิ่งของสามัญทั่วไป คนที่จะสามารถครอบครองภูติอาวุธชนิดนี้ได้อย่างน้อยก็ต้องมีตำแหน่งอาวุธวิเศษขึ้นไป

แต่ฟังจากน้ำเสียงของผู้อาวุโสใหญ่ ดูเหมือนว่าเจดีย์เสวียนเก้ามังกรจะมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

ทำเอาผู้อาวุโสทุกท่านอดไม่ได้ที่จะคิดหนัก

มีเครื่องมือที่มีอานุภาพร้ายแรงในใต้หล้านี้ คือรูปทรงของเจดีย์หรือเปล่า?

สิ่งเดียวที่พวกเขารู้ก็คือ เจดีย์อันนั้นดูเหมือนจะเป็นเจดีย์ของประเทศตันเซิ่งสินะ

ท่ามกลางเปลวเพลิง ควันสีขาวเริ่มลอยขึ้นมาจากกระบี่หนักไร้คมที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของลู่ฝาน ตัวกระบี่สั่นเล็กน้อย ซึ่งเป็นสัญญาณว่าไม่อาจจะทนได้อีกต่อไป

ลู่ฝานรีบเก็บกระบี่หนักไร้คมเล่มนั้นกลับออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งปล่อยปราณชี่ เกราะเกล็ดมังกรแผ่คลุมไปทั่วร่างกาย และบินไปข้างหน้าต่อ

เนื่องจากเขาบรรลุถึงสภาวะนี้แล้ว เขาจึงไม่ได้ปล่อยเกราะเกล็ดมังกรแบบนี้ออกมาเป็นเวลานานแล้ว

ในยามต่อสู้กับผู้อื่น เขาก็ไม่รู้สึกว่ามีความแตกต่างกันมากนักไม่ว่าเขาจะมีเกราะเกล็ดมังกรหรือไม่

ทว่า ตอนนี้หากเขาจะต้องจัดการกับเปลวเพลิงร้อนระอุ เกราะเกล็ดมังกรก็ยังสามารถช่วยได้ในระดับหนึ่ง

และในขณะที่ร่างกายของลู่ฝานได้รับการพัฒนาขึ้นอีกครั้ง เกราะเกล็ดมังกรที่ลู่ฝานปลดปล่อยออกมาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงราวพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินเมื่อเทียบกับในอดีต

จากชุดเกราะที่ทั้งหนาและหนัก แปรเปลี่ยนมาอยู่ติดกับลำตัวและมีความโปร่งใสแทน

ข้างในก็มีพลังของลู่ฝานไหลเวียนอย่างอิสระ ในขณะเดียวกันชุดเกราะนี้ก็ยังสามารถเพิ่มความเร็วในการดูดรับพลังฟ้าดินจากบริเวณรอบ ๆ ได้อีกด้วย

หากอยู่มาวันหนึ่ง ลู่ฝานไม่ต้องการใช้เกราะเกล็ดมังกรนี้อีกต่อไป และลอกชุดเกราะออกมาจากร่างกายของเขาแล้ว

เกราะเกล็ดมังกรนี้ก็จะกลายเป็นอาวุธเทพชั้นดีอย่างแน่นอน

ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปสองชั่วยาม จำนวนวานรไฟที่อยู่รอบตัวก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ และรูปร่างของพวกมันก็ใหญ่โตขึ้นไม่หยุด จนสุดท้าย มองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยฝูงวานรไฟ ทว่า โชคดีที่วานรไฟฝูงนี้ไม่ได้โจมตีเขาซึ่งก็ไม่ทราบสาเหตุว่าเพราะอะไร ไม่เช่นนั้น ก็จะเกิดปัญหาว่า ลู่ฝานจะสามารถไล่สังหารพวกมันไปได้ตลอดทางหรือไม่

เปลวเพลิงกำลังไหลลงสู่ห้วงเหวลึก แทบจะมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด

กระแสเปลวเพลิงที่อยู่ใต้ฝ่าเท้ากำลังจะหายไป เหลือเพียงหมอกมัวแดงสลัวเท่านั้น

นี่เป็นพิษไฟที่แพร่กระจายออกมาจนหมดแล้ว หากจอมยุทธ์ธรรมดาสูดดมเข้าไป เกรงว่าร่างกายของคนผู้นั้นจะลุกไหม้ไปทั้งตัว

ด้วยสภาพร่างกายของลู่ฝานในตอนนี้ เขาเองก็ไม่ค่อยกล้าที่จะหายใจลึก ๆ นัก

พิษไฟที่แฝงไว้ด้วยพลังแห่งเต๋าดูน่ากลัว หากพิษไฟปล่อยออกไปข้างนอกแม้เพียงนิดเดียวก็เกรงว่าจะสามารถเผาไหม้ป่าเขาได้ถึงพันลี้

ลู่ฝานเดินทางไปข้างหน้าท่ามกลางเปลวเพลิงสีแดง จู่ ๆ ก็มีภาพลวงตาวูบวาบขึ้นมาอยู่ไม่ไกลจากตัวเขา

ภาพของคนที่มีรูปร่างเล็กปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะที่แสบแก้วหู กำลังหมุนอยู่รอบตัวเขา

และส่งเสียงคล้ายกับแมลงและสัตว์ร้าย

นี่น่าจะเป็นภูตผีปีศาจที่สิงสถิตอยู่ในภูเขาและแม่น้ำตามที่เจดีย์เสวียนเก้ามังกรเคยบอกไว้

“มนุษย์เอ๋ย นายไม่ควรจะมาถึงนี่ รีบออกไปจากที่นี่ซะ”

“มนุษย์เอ๋ย เหตุใดบนตัวของนายถึงได้มีกลิ่นอายที่ฉันชอบ”

“ฉันจะกินเขา ฮ่าๆ”

คนตัวเล็กเหล่านี้ที่กำลังวุ่นวายสับสนอลหม่าน เริ่มพากันส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจท่ามกลางพิษไฟ

ดูเหมือนพวกมันเตรียมจะเข้าจู่โจมลู่ฝาน

แน่นอนว่าลู่ฝานย่อมไม่นิ่งดูดายให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แม้เขาจะไม่รู้ว่าพลังของภูตผีปีศาจเหล่านี้จะเป็นเช่นไร แต่คิดดูแล้วน่าจะไม่แตกต่างจากวานรไฟฝูงนั้นสักเท่าไร

และดูจากมุมมองของความสามารถในการพูดภาษามนุษย์ได้ อาจจะเลวร้ายยิ่งกว่านั้นอีกก็เป็นได้

ลู่ฝานเหยียดมือออกแล้วเอามือกดลงไปทันที

ปลดปล่อยปราณชี่ โลกหายไป

ยังมีเรื่องอะไรที่น่าสะเทือนใจไปมากกว่านี้อีกหรือไม่?

ผู้อาวุโสทั้งเก้าท่านก็ยังรู้สึกว่าหัวใจกำลังจะหยุดเต้น

ลู่ฝานฝึกเคล็ดวิชาเต๋าสูญสิ้นด้วยระยะเวลาเพียงสามวันจนสำเร็จได้จริง ๆ !

นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า ? ยังสามารถใช้คำว่ามนุษย์มาพรรณนาตัวเขาได้อีกหรือไม่?

มือของผู้อาวุโสเก้าและผู้อาวุโสแปดเริ่มสั่นเทาซึ่งไม่ได้เป็นเพราะสภาพจิตใจไม่ดี พวกเขาเพียงแค่ตื่นตะลึงไปกับพรสวรรค์ของลู่ฝาน

คนเช่นนี้ ไม่ว่าจะผ่านเก้าด่านสุดยากหรือไม่ แต่ในอนาคตเขาจะต้องเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้าอย่างแน่นอน พวกเขาล่วงเกินลู่ฝานในวันนี้ก็ไม่กลัวว่าลู่ฝานจะกลับมาเอาคืนในภายหลังจริง ๆ หรือ?

ผู้อาวุโสรอง ผู้อาวุโสสามและคนอื่น ๆ ล้วนแต่คิดตรึกตรองกันมากขึ้น

หลังจากพากันเหม่อลอยและตื่นตะลึงในช่วงเวลาอันสั้น สีหน้าพวกเขาก็ย่ำแย่อย่างหาที่เปรียบมิได้

แรกเริ่มเดิมทีลู่ฝานก็มาจากสายเลือดจิ่วเซียว เขาจะต้องเคยศึกษาหนังสือซ่อนพลังชี่ที่อยู่ในมือของหวูเฉินอย่างแน่นอน วันนี้ฝึกฝนเคล็ดวิชาในหนังสือซ่อนวิถีจนสำเร็จแล้ว นั่นย่อมหมายความว่า ตำราสวรรค์สามเล่มก็ได้ฝึกจนสำเร็จไปแล้วหนึ่งเล่ม หรือว่าเขาจะเป็นคนที่สำนักจิ่วเซียวคาดหวังมาตลอดว่าสามารถฝึกเคล็ดวิชาในตำราสวรรค์ทั้งสามเล่มได้สำเร็จคนนั้น?

ตอนนี้มองดูแล้ว ขอแค่หาตำราสวรรค์เล่มที่สามซึ่งก็คือหนังสือซ่อนพลังบู๊เจอ ลู่ฝานก็อาจจะเป็นคนที่สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาในตำราสวรรค์ทั้งสามเล่มนี้ได้จริง ๆ !

หลากหลายอารมณ์ผสมปนเปกันในใจของพวกเขา ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ใจที่เคยมั่นคงแน่วแน่ว่าจะไม่ปล่อยให้ลู่ฝานเป็นเจ้าสำนักได้ก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มสั่นคลอน ผู้แข็งแกร่งขนาดนี้จะไม่ให้เป็นเจ้าสำนักได้งั้นเหรอ ?

ในขณะที่พวกเขากำลังส่งเสียงอุทานและชื่นชมอยู่นั้น ลู่ฝานก็เร่งความเร็วรุดไปข้างหน้า ด้วยความร้ายกาจของเคล็ดวิชาเต๋าสูญสิ้นทำให้ลู่ฝานพุ่งไปข้างหน้าได้หลายสิบลี้ภายในชั่วพริบตา

ทันใดนั้น ลู่ฝานรู้สึกได้ว่าพลังแห่งเต๋าที่อยู่รอบด้านมีการเปลี่ยนแปลงในฉับพลัน ดูเหมือนเขากำลังผ่านม่านแสงอะไรบางอย่างอยู่ จากนั้นร่างมหึมาประหนึ่งขุนเขาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา

เกล็ดดุจดังหินผา แสงสีแดงเอ่อล้นทั่วท้องฟ้า

ดวงตาเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ร้อนระอุ นัยน์ตามังกรพลันเบิกกว้าง

ภาพที่ลู่ฝานเห็นก็คือมังกรยักษ์ที่ทรงพลังและห้าวหาญดุดัน ลำตัวสีแดง เขามังกรที่แหลมคมราวกับใบมีด หนวดเครามังกรที่สั่นเทาเล็กน้อย

“นี่คือ…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า