เมื่อพูดจบ หินที่อยู่ในมือลู่ฝานก็กลายเป็นกระแสอากาศอุ่นเบา ๆ เข้าสู่ร่างกายเขา
ลู่ฝานไม่รู้ว่าทำไมเจ้าหินพรรค์นี้ถึงได้ปรากฏอยู่ในประตูว่างเปล่าของสวรรค์แห่งความเพ้อฝันได้ หรือว่ามันตั้งใจจะขวางทางเขาโดยเฉพาะในขณะที่เขากำลังจะกลับ
อย่างไรก็ตาม ของสิ่งนี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อลู่ฝานแต่อย่างใด มันสามารถซึมซับเข้าสู่เขาได้อย่างสมบูรณ์
เขาดูดรับกระแสพลังจากหินไปพร้อมกับหันไปดูสีหน้าของผู้อาวุโสแต่ละท่าน
ทันใดนั้นเอง เขาก็พบว่าในบรรดาผู้อาวุโสทั้งเก้า มีเพียงผู้อาวุโสใหญ่เท่านั้นที่มองเขาด้วยสายตาที่เปล่งประกายและใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม
หัวใจของลู่ฝานสั่นระริกเล็กน้อย เวลานี้เขานำผู้อาวุโสใหญ่มาเชื่อมโยงกับก้อนหินนี้เข้าด้วยกันในทันที
เขาไม่เข้าใจว่าผู้อาวุโสใหญ่พยายามจะทำอะไร แต่ดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อเขา
ผู้อาวุโสแปดไม่มีทางเลือกแล้ว เมื่อเห็นลู่ฝานออกมาจากสวรรค์แห่งความเพ้อฝัน ก็เป็นการยืนยันว่าด่านที่สองที่เขาจัดตั้งไว้นั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
คำพูดในทำนองที่บอกว่าจะทำให้ลู่ฝานตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และจะต้องแพ้อย่างแน่นอน ก็เหมือนเป็นการตบหน้าเขาจนเกิดเสียงดังเพียะ
ผู้อาวุโสแปดลุกขึ้นด้วยความไม่เต็มใจอย่างยิ่ง พร้อมเอ่ยกับลู่ฝากด้วยน้ำเสียงแห้งผาก "ขอแสดงความยินดีด้วย ลู่ฝาน เก้าด่านสุดยาก นายผ่านด่านที่สองแล้ว!"
ลู่ฝานยิ้มและพยักหน้า และลูกศิษย์สายเลือดเสินหวงที่อยู่รอบด้านก็เริ่มทยอยออกไปจากที่นี่
เหล่าผู้อาวุโสก็เตรียมตัวที่จะเดินออกไปด้วยเช่นกัน พวกเขาต่างรู้สึกผิดหวังมากกับผู้อาวุโสแปด ล้มเหลวเพียงครั้งเดียวก็แล้วไปเถอะ แต่นี่กลับล้มเหลวถึงสองครั้งติดกัน?
ถ้าเช่นนั้น แม้ครั้งที่สามลู่ฝานจะล้มเหลว แต่ดูเหมือนคงจะไม่ทำให้ลู่ฝานหน้าแตกสักเท่าไรละมั้ง
ในทางกลับกัน หากเรื่องราวแพร่กระจายออกไปก็มีแต่จะทำให้ผู้คนคิดว่าสายเลือดเสินหวงอย่างพวกเขาไม่ค่อยจะได้เรื่องได้ราวนัก
มีการยืนยันว่าจะเล่นงานลู่ฝานให้ถึงตาย แต่ก็ยังปล่อยให้เขาผ่านด่านได้ถึงสองครั้งติดกัน
นี่แสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของลู่ฝานได้รับการพิสูจน์ถึงสองรอบต่อหน้าพวกเขาแล้ว
นอกเสียจากผู้อาวุโสใหญ่แล้ว ผู้อาวุโสที่เหลือต่างพากันส่ายหัว
แต่ในขณะนั้นเอง ลู่ฝานก็เอ่ยขึ้นว่า "ผู้อาวุโสทุกท่าน ในเมื่อยังพอมีเวลา สู้ที่จะนำด่านที่สามออกมาเลยดีกว่านะ!"
ประโยคเดียวถึงกับทำให้ทุกคนที่กำลังจะออกไปก็พากันหยุดเดินทันที
ดวงตาของผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสห้าหรี่ลง แววตาที่มองไปยังลู่ฝานฉายแววดุร้ายเล็กน้อย
ไอ้หนุ่มนี่ ได้รับผลประโยชน์ไปแล้วยังแสร้งทำตัวใสซื่อ!
นี่เป็นการเย้ยหยันหรือเปล่า?
แม้ว่าคำพูดของลู่ฝานฟังดูจะเรียบนิ่ง แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกว่าลู่ฝานกำลังเยาะเย้ยว่าพวกเขาไม่ได้เรื่อง
ผู้อาวุโสรองอดไม่ได้ที่จะเอ่ยว่า "ลู่ฝาน เก้าด่านสุดยาก ด่านต่อ ๆ ไปจะอันตรายมากยิ่งขึ้น นายเพิ่งผ่านด่านที่สองไป ร่างกายจำเป็นต้องพักผ่อนและจิตใจก็จำเป็นต้องได้รับการฟื้นตัว เอาเป็นว่าอีกสามวันถัดไป ค่อยมาทดสอบด่านที่สามอีกครั้งเถอะ!”
ลู่ฝานยิ้มและพูดว่า "ขอบคุณสำหรับความหวังดีจากท่านผู้อาวุโส ฉันเพียงแค่รู้สึกว่าสภาพของฉันกำลังดีอยู่ไม่น้อย ฉันเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บสักเท่าไรในด่านที่สองนี้ ฉันจึงอยากถือโอกาสตีเหล็กตอนกำลังร้อนบุกเข้าไปยังด่านที่สาม ท่านผู้อาวุโสทุกท่านได้โปรดช่วยให้ฉันสมปรารถนาทีเถิด!”
ริมฝีปากของผู้อาวุโสรองสั่นระริก จนเกือบจะโพล่งคำว่า "อวดดี" ออกมา
แต่ยังดีที่เขากลั้นเอาไว้ได้ ถึงอย่างไร ลู่ฝานก็เพิ่งจะผ่านด่านที่สองไป อีกฝ่ายก็มีคุณสมบัติที่จะคลั่งได้เหมือนกัน ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในฝ่ายที่ "ล้มเหลว" หากพูดจาจาบจ้วงอีกครั้ง ก็ดูจะเสียกิริยาท่าทางมากไปหน่อย
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวว่า "ลู่ฝาน นายอยากทดสอบด่านที่สามตอนนี้จริง ๆ หรือ? จำเป็นต้องเร่งรีบขนาดนี้เชียวรึ?"
ลู่ฝานพยักหน้าและพูดว่า "เวลาไม่เคยรอใคร หากเร่งได้ฉันก็อยากจะรีบทำให้เสร็จสิ้น ทุกท่านล้วนอาศัยอยู่ในหุ้นตุ้น ไม่รู้สถานการณ์ด้านนอก ตอนนี้ฉันต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วแล้วจริง ๆ"
ผู้อาวุโสเจ็ดเปล่งเสียงอุทานออกมาด้วยความไม่พอใจเบา ๆ และพูดว่: "ใช่ ถ้านายตาย ก็จะสิ้นสุดอย่างรวดเร็วจริง ๆ นั่นแหละ ลู่ฝาน ในเมื่อนายใจร้อนขนาดนี้ งั้นก็มาเถอะ ภูเขาหลางเซียว ตำหนักหยุนหยา!"
หลังจากพูดจบ ผู้อาวุโสเจ็ดก็บินนำไปยังที่ห่างไกล บินไปทางภูเขาหลางเซียว
ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ทยอยเผยรอยยิ้ม เมื่อพวกเขาได้ยินคำว่า “ตำหนักหยุนหยา” พวกเขาก็รู้แล้วว่าผู้อาวุโสเจ็ดคิดจะทำอะไร
“ลู่ฝาน จะรอดูว่านายจะยังใช้กลเล่ห์เหลี่ยมอันใดได้!”
ผู้อาวุโสแปดกัดฟันพูด แม้ว่าผู้อาวุโสเก้าจะไม่พูด แต่รอยยิ้มที่ดูเหี้ยมโหดกลับฉายแววขึ้นมาในดวงตาของเขา
ผู้อาวุโสพากันออกจากที่นี่ และลูกศิษย์ทุกคนของสายเลือดเสินหวงที่อยู่รอบ ๆ ก็เริ่มทะยานตัวไปยังภูเขาหลางเซียวทันที
คิดไม่ถึงว่า ลู่ฝานจะต้องทดสอบถึงสองด่านติดกัน ไม่เอ่ยถึงเรื่องอื่น ความกล้าหาญของเขาใช้ได้ทีเดียว หรือจะเรียกว่า "อวดดี" ก็ได้!
ลูกศิษย์ของสายเลือดเสินหวงก็ไม่คิดจะพักแล้ว พวกเขาก็แค่อยากจะดูว่า ลู่ฝานจะสามารถผ่านได้กี่ด่าน หรือจะตายที่ด่านไหน
หากพลาดช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดไป พวกเขาจะต้องรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิต
สำหรับการพักผ่อน? จะพักเมื่อไรก็ได้ทั้งนั้น
ท่ามกลางฝูงชน เฟิงเสี่ยวชี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และพูดพึมพำ "ตำหนักหยุนหยา ชื่อนี้ฟังดูคุ้น ๆ เดี๋ยวนะ อาจารย์อา นั่นไม่ใช่สถานที่ที่ท่านอาบรรลุพลังความเป็นความตายวนเวียนเหรอ?"
ไอ้อ้วนตงหยิบน้ำเต้าใส่เหล้าออกมาอีกครั้ง พูดไปดื่มไป "ถูกต้อง หากนายได้ไปที่นั่นสักครั้ง นายคงไม่คิดอยากจะไปอีกเลยในชาตินี้ ไอ้ผีเฒ่าเจ็ดนั่นก็เลือกเก่งจริงๆ คราวนี้ลู่ฝานกำลังจะมีปัญหาแล้วล่ะ ”
เฟิงเสี่ยวชี่พูดด้วยความประหลาดใจ "ไม่สิคะ อาจารย์อา ลู่ฝานก็ได้ฝึกวิชาพลังความเป็นความตายวนเวียนเหมือนท่านด้วยไม่ใช่เหรอ? คงจะไม่เกิดเรื่องอะไรกับเขาหรอกมั้งคะ?"
ไอ้อ้วนตงส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น "ไม่เกิดเรื่อง? ฉันบอกนายเลยว่า ตอนที่ฉันบรรลุพลังความเป็นความตายวนเวียนก็เกือบจะตายที่นั่น! ลู่ฝาน ฉันเกรงว่าเขาจะฝึกได้มากสุดถึงท่าที่หก เขายังห่างชั้นอยู่มากนัก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า
อ่านถึง 2276 แล้ว อยากอ่านต่อช่วยแนะนำหน่อยครับ ว่าอ่านต่อได้ทางช่องทางไหน...
รอนานมากครับเมื่อไรจะแปลต่อครับ...
มีใครรู้วิธีอ่านต่อมั้ยครับ ผมอ่านถึง2276เป็นรอบที่3แล้ว ก็ยังไม่มีต่อเลย จะหาอ่านต่อได้างช่องทางไหนบ้างครับ...
เจ้าของนิยายเนี่ยมันวิปริตหรือเปล่าวะเขียนๆอยู่แล้วก็จบแบบงงหลายเรื่องแล้ว...
ปู่เชี่ยไรเรียกหลานตัวเองว่านาย นิยายย้อนยุคมึงแปลซะ ทันสมัยเลย ไอ้เวร...
ช่องทางซื้ออ่านก็ไม่มี...
2276จบค้างเลยมาต่อเร็วๆนะ...
รออ่าน2277...
เสียดายมาก อ่านมาถึงหน้า 2276 มา2รอบแล้ว กำลังสนุกเลย ช่วยแปลตาอให้หน่อยนะครับ...
ถ้าไม่แปลต่อเรื่องต่อไปก็คงเหมือนเรื่องนี้หรือเปล่าครับไม่จบสักเรื่อง...