ลู่ฝานตกลงมาอย่างช้า ๆ ในที่สุดผู้อาวุโสใหญ่และไอ้บอดหลัวก็ฉุดขาดจากกันและท้ายสุดเป็นไอ้บอดหลัวที่ชนะไป
ฝ่ามือที่มีพลังวิญญาณนั้นช่างแข็งแกร่งและดุดัน ไอ้บอดหลัวจึงได้ทำให้ผู้อาวุโสใหญ่นั้นถึงกับสงบลง
ในขณะที่พ่นน้ำลาย ไอ้บอดหลัวก็กล่าวว่า
“ตี! ตี! ตี! ตี! นายนี่รู้จักแต่การโจมตี หุยหยุนนั่นตายไปแล้วตั้งไม่รู้กี่ปี นายระเบิดอารมณ์ตอนนี้มันจะไปมีประโยชน์อะไรกัน! ของดีๆในตำหนักนี้มีอะไรบ้างก็ยังไม่รู้ นายเองก็ไม่รู้ว่าเทพบู๊เสินเซียวอาจจะทิ้งบางสิ่งไว้ที่นี่ รู้เพียงแต่ว่าจะรื้อถอนมัน รอให้พวกเราหาจนทั่วแล้ว นายค่อยจัดการรื้อถอนตามใจชอบได้หรือไม่? ไอ้คนเขลา!”
เหลียงหลงเพ่งมองไปที่ไอ้บอดหลัวก่อนกล่าวว่า “นายปล่อยมือฉันซะ เก็บพลังวิญญาณนั่นกลับไป อย่าคิดว่าได้ทำให้ฉันใจเย็นแล้ว ฉันจะเชื่อฟังทุกสิ่งที่นายพูด”
ไอ้บอดหลัวกล่าวตอบ “ไม่สำคัญว่านายจะเชื่อฟังฉันหรือไม่ นายอยากรื้อถอนมันมากใช่ไหม เช่นนั้นฉันขอเวลาเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้นได้หรือไม่”
ลูกตาของผู้อาวุโสใหญ่เหลียงหลงหรี่สูง ทว่า ท้ายที่สุดก็เอ่ยออกมาอย่างจนปัญญาว่า
“ได้ ฉันให้เวลานายหนึ่งก้านธูป”
พูดจบเหลียงหลงก็เก็บอาวุธลงไป
ไอ้บอดหลัวก็ชักมือของตนเก็บลงไป หันไปเอ่ยกับลู่ฝานว่า “เจ้าสำนักลู่ ไปกันเถอะ ถึงเวลาที่เราจะเข้าไปหาของแล้ว”
ลู่ฝานเอ่ยถาม “นายเพิ่งพูดว่าสิ่งที่กําลังมองหาถูกทิ้งไว้โดยเทพบู๊เสินเซียว เท่าที่ฉันเข้าใจ ก็คือหินแหล่งกำเนิดในเวลานั้นใช่หรือเปล่า”
ไอ้บอดหลัวตอบว่า “ใช่ เจ้าสำนักลู่ คุณเดาไม่ผิด มันคือหินแหล่งกำเนิด”
ลู่ฝานกำมือทั้งสองข้างก่อนเอ่ยว่า “ถ้างั้นฉันขอถามหน่อย ของสิ่งนี้ ทำไมจึงจำเป็นนักที่ต้องตามหามันกลับมา”
“เพราะว่า ฉันจำเป็นต้องใช้มัน!”
ผู้อาวุโสใหญ่เองก็ชักทนไม่ไหว จนร้องคำรามออกมาเสียงดัง
ไอ้บอดหลัวอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจพูดว่า “เหลียงหลงเอ๋ย นิพพานของท่านในครั้งนี้ เกรงว่าคงเกิดอารมณ์ระเบิดจริง ๆ! สมองเองก็เกือบจะถูกเผาด้วยความโกรธแล้ว”
ผู้อาวุโสใหญ่สูดลมหายใจลึก ก่อนจะเอ่ยกับลู่ฝานว่า “เจ้าสำนักลู่ ขอร้องให้คุณช่วยฉันหนึ่งสิ่ง หามันให้เจอได้หรือไม่?”
ลู่ฝานมองไปที่ผู้อาวุโสใหญ่ สลับกับมองไปที่ไอ้บอดหลัว หัวเราะเบาๆ พร้อมเอ่ยว่า “ฉันแค่ถามออกมาลอย ๆเท่านั้นเอง สองผู้อาวุโสอย่าตื่นเต้นนัก ผู้อาวุโสหลัวไปกันเถอะ ฉันชักอยากเห็นว่า สิ่งที่เรียกว่าตำหนักเทวทูต มันเป็นยังไงกันแน่”
พูดจบ ลู่ฝานก็เหาะไปข้างหน้า
ไอ้บอดหลัวมองไปที่ผู้อาวุโสใหญ่ก่อนเอ่ยว่า “ทางที่ดีนายอย่าพูดอะไรอีกดีกว่า สมองนายตอนนี้ดูท่าจะยังไม่ได้สติดีนัก”
ผู้อาวุโสใหญ่เองก็ไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา เพียงมองไปที่ไอ้บอดหลัวพร้อมพึมพำ “สมองนายน่ะสิที่ไม่ได้สติ”
ไอ้บอดหลัวเดินไปหยุดอยู่หน้าผู้อาวุโสใหญ่ก่อนกล่าวว่า “ใช่หรือ เช่นนั้นนายบอกฉันมา ว่าทำไมนายถึงได้ตื่นเต้นนัก ไอ้หุยหยุนนั่นทำอะไรไว้กับนาย นายจำได้หรือไม่ มู่หลินชื่อนี้ นายยังพอจะนึกออกหรือไม่?”
ผู้อาวุโสใหญ่ตกตะลึง ทุกส่วนของเขาเหมือนกลายเป็นหิน
เป็นเวลาพักใหญ่ จวบจนริมฝีปากของผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยอย่างสั่นเทา “ฉัน...ฉันคิดไม่ออก บ้าจริง ฉันลืมสิ่งเหล่านี้ไปหมดแล้ว!”
ผู้อาวุโสใหญ่ทุกข์ใจอย่างเห็นได้ชัด ไอ้บอดหลัววางฝ่ามือบนไหล่ของเขาอีกครั้งและปลอบประโลมเขาด้วยพลังวิญญาณของตนเอง
“เฮ้อ นี่มันเป็นความทุกข์ที่พวกเราต้องยอมรับน่ะสิ เหลียงหลง มาเถอะ ไม่แน่ว่าวันนี้พวกเราอาจจะจบสิ้นกันทั้งหมดก็ได้ ไปพาเจ้านายกลับมากัน!”
ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้ารับ เดินตามไอ้บอดหลัวเข้าไปในตำหนัก
ในเวลานี้ ลู่ฝานนั้นได้เข้าไปภายในตัวตำหนักแล้ว
“รีบหยุดเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าฉันไม่กล้าพูดจาบุ่มบ่าม แต่นายจะได้ตายจริงๆแน่”
รังสีอาฆาตของลู่ฝานนั้นชัดมาก เขาเริ่มใช้พลังวิญญาณเพื่อทำลายกายโปร่งใสที่ผูกมัดกับจิตวิญญาณนี้!
“อย่า อย่า อย่า อย่า หยุดแล้ว ยอมหยุดทุกอย่างแล้ว”
ด้วยเสียงร้องของผีวิญญาณถูกผูกพันแสงในตำหนักทั้งหมดก็พลันบรรจบลง
ผู้อาวุโสใหญ่ก้าวไปข้างหน้าและมองผีวิญญาณถูกผูกพันด้วยรอยยิ้มเย็นชา “ฉันจำคนตัวเล็ก ๆ อย่างแกได้ ช่างน่าสมเพศผู้ร่วมก่อกรรมทำเข็ญของเหล่าทูตแห่งเทพ มีชีวิตอยู่เพียงเป็นตัวตามเช็ดล้างให้พวกไอ้สารเลวทูตแห่งเทพน่ะตายไปหมดแล้ว แต่แกกลับมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร”
ผีวิญญาณถูกผูกพันร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาพลันกล่าวว่า “ท่านผู้กบฏต่อเทพที่ยิ่งใหญ่ ฉันเป็นเพียงพ่อบ้านตัวเล็ก ๆ เท่านั้น ฉันจะทำการชั่วหรือไม่ เพียงแต่เจ้านายสั่งอะไรฉันก็ต้องทำตาม ก่อนที่เจ้านายจะตาย เขาให้ฉันเฝ้าอยู่ที่บ้าน ฉันก็แค่ทำหน้าที่เฝ้าบ้าน”
ไอ้บอดหลัวหัวเราะเบาๆว่า “งั้นแกคงเฝ้าไว้ได้ดีมากสิท่า ทั้งตำหนักถึงได้ว่างเปล่าเช่นนี้แล้ว!”
ผีวิญญาณถูกผูกพันตอบโต้เสียงดัง “นั่นไม่ใช่ความผิดของฉัน คนอื่นต่างหากที่เป็นคนชิงไป โดยเฉพาะเจ้ามนุษย์น่าตายเมื่อหลายร้อยปีก่อน เขาขโมยสมบัติทั้งหมดไป ทั้งหมด! ฉันเปิดกําลังป้องกันของตำหนักงทั้งหมดแล้ว ก็ยังไม่มีผลกับเขา เขาทุบร่างกายครึ่งหนึ่งของฉันด้วยหมัดเดียว ทำให้ฉันมีสภาพเป็นเช่นตอนนี้ ทั้งยังเหยียดหยามฉันว่า ผีวิญญาณถูกผูกพันที่มีร่างกายพิการครึ่งตัวเช่นฉัน แม้แต่จะเคลื่อนไหวในตำหนักก็ไม่มีปัญญา ทำได้เพียงแต่อยู่กับที่เท่านั้น!”
“หลายร้อยปีก่อนงั้นหรือ?”
ลู่ฝานมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา
ที่เจ้านี่พูดถึงคงไม่ใช่ถึงเทพบู๊เสินเซียวหรอกนะ!
ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยขึ้นมาว่า “สมควรโดนแล้ว และนี่เป็นคําพูดของฉัน ฉันจะฆ่าแกเสียตรงนี้แหละ!”
ไอ้บอดหลัวผลักผู้อาวุโสใหญ่ออกไปก่อนเอ่ยว่า “หยุดคิดแต่จะฆ่าได้หรือไม่ มาเถิด ผีวิญญาณถูกผูกพันที่น่าสงสาร ฉันจะถามคำถามแกเสียหน่อย แกจงตอบตามความจริง เข้าใจไหม ก่อนอื่นบอกฉันทีว่าที่นี่คือที่ไหน เหตุใดจึงมีตำหนักอยู่ในเขตแห่งความยุ่งเหยิงได้!”
ผีวิญญาณถูกผูกพันตอบว่า “เขตแห่งความยุ่งเหยิงอะไรกัน นี่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ที่ทูตแห่งเทพใช้สื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นเขตที่ใกล้ที่สุดที่ทูตแห่งเทพอาศัยอยู่ และผู้ที่มีตำหนักอาศัยในที่แห่งนี้ก็เป็นผู้วิเศษที่สุดในหมู่เทวทูต เจ้านายของฉัน แต่ว่าเทวทูตฝ่ายซ้ายหลิงเหยานั้นเป็นกองกำลังของทูตแห่งเทพหุยหยุน!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนบู๊ ทะลวงชั้นฟ้า
อ่านถึง 2276 แล้ว อยากอ่านต่อช่วยแนะนำหน่อยครับ ว่าอ่านต่อได้ทางช่องทางไหน...
รอนานมากครับเมื่อไรจะแปลต่อครับ...
มีใครรู้วิธีอ่านต่อมั้ยครับ ผมอ่านถึง2276เป็นรอบที่3แล้ว ก็ยังไม่มีต่อเลย จะหาอ่านต่อได้างช่องทางไหนบ้างครับ...
เจ้าของนิยายเนี่ยมันวิปริตหรือเปล่าวะเขียนๆอยู่แล้วก็จบแบบงงหลายเรื่องแล้ว...
ปู่เชี่ยไรเรียกหลานตัวเองว่านาย นิยายย้อนยุคมึงแปลซะ ทันสมัยเลย ไอ้เวร...
ช่องทางซื้ออ่านก็ไม่มี...
2276จบค้างเลยมาต่อเร็วๆนะ...
รออ่าน2277...
เสียดายมาก อ่านมาถึงหน้า 2276 มา2รอบแล้ว กำลังสนุกเลย ช่วยแปลตาอให้หน่อยนะครับ...
ถ้าไม่แปลต่อเรื่องต่อไปก็คงเหมือนเรื่องนี้หรือเปล่าครับไม่จบสักเรื่อง...