หลิ่วฟู่อวี่ก็เป็นคนที่ไม่พูดมากแต่โหดเหี้ยมเช่นกัน ภายใต้ความโมโหอย่างรุนแรง ก็เงื้อมือขึ้นคิดจะตบหน้ามู่หรงยิ่น
มู่หรงยิ่นไม่ใช่คนที่ฝึกฝนวรยุทธ์ จึงไม่มีการระวังตัวแม้แต่น้อย
แต่หลินหยางที่ยืนอยู่ข้างกายของเธอจะมองอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร เขาจับข้อมือของหลิ่วฟู่อวี่ไว้
มู่หรงยิ่นคิดไม่ถึงว่าหลิ่วฟู่อวี่จะใช้กำลังเอาแต่ใจเช่นนี้ ถึงกับลงมือตบเธอ
“เธอยังคิดจะลงมือทำร้ายคนด้วย?”
ในดวงตาอันงดงามของมู่หรงยิ่นมีประกายเยียบเย็นวาบผ่าน สีหน้าเต็มไปด้วยความเย็นชา
“ตบเธอแล้วเป็นอย่างไร? คุณหนูแบบฉันคิดจะตบใคร ก็ตบคนนั้น! วันนี้ฉันจะตบปากเหม็นๆ ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงของเธอให้แตกไปเลย”
หลิ่วฟู่อวี๋ออกแรงคิดจะหลุดพ้นจากมือของหลินหยาง แล้วลงมือกับมู่หรงยิ่นต่อ
แต่กลับพบว่ามือของหลินหยางราวกับคีมเหล็กก็ไม่ปาน ยากที่จะหลุดพ้นได้
“ไอ้คนไร้ประโยชน์แซ่หลิน ปล่อยฉันนะ!”
หลิ่วฟู่อวี่เลิกคิ้วเรียวดุจใบหลิว ร้องด่าว่า
“หลิ่วฟู่อวี่ มีบางคนที่คุณหาเรื่องไม่ไหวหรอกนะ” หลินหยางพูดพลางปล่อยมือ
“พวกเธอสองคนคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ฉันมีเรื่องด้วยไม่ไหว? คนไร้ประโยชน์แซ่หลิน คำพูดนี้ของนายจะทำให้คนขำตายแล้ว!”
หลิ่วฟู่อวี่พูดกับมู่หรงยิ่นอย่างหยิ่งยโสว่า “เธอรู้ว่าฉันเป็นใครไหม? จะบอกให้ตกใจตาย พ่อของฉันคือหลิ่วเฉิงจื้อ ตอนนี้เธอใช่รู้สึกว่าตัวเองถึงจะเป็นตัวตลกหรือเปล่าล่ะ?”
“เธอตบหน้าตัวเองสองครั้ง จากนั้นขอขมาฉัน วันนี้คุณหนูเช่นฉันก็จะปล่อยเธอไป”
มู่หรงยิ่นส่ายหน้า ไม่สนใจการข่มขู่ของหลิ่วฟู่อวี่แม้แต่น้อย พูดกับหลินหยางว่า “ยังดีที่คุณไม่ได้แต่งงานกับเธอ ผู้หญิงที่โง่เง่าแบบนี้แต่งกลับไปบ้าน ช่างเป็นหายนะเหลือเกิน”
หลินหยางลูบจมูกกล่าวว่า “พอฟังคุณพูดแบบนี้ ผมยังควรขอบคุณที่สกุลหลิ่วผิดคำสัญญายกเลิกการหมั้นหมายแล้ว”
หลิ่วฟู่อวี่เห็นมู่หรงยิ่นกับหลินหยางยังมีอารมณ์พูดเล่นกัน ไม่เห็นเธออยู่ในสายตาแม้แต่น้อย เพลิงโทสะก็ยิ่งโหมกระหน่ำ
“น่าแค้นนัก วันนี้ถ้าฉันไม่สั่งสอนสุนัขตัวผู้ตัวเมียคู่นี้อย่างพวกแก ฉัน หลิ่วฟู่อวี๋จะเขียนชื่อกลับด้านเลย”
“หลิ่วเจี๋ย นายยังมัวยืนนิ่งอยู่อีกทำไม? ตีขาสุนัขของหลินหยางให้หัก จากนั้นตบปากผู้หญิงคนนี้ให้เละ ให้พวกมันได้รู้ว่า ฉันถึงจะเป็นคนที่พวกมันล่วงเกินไม่ได้!”
หลิ่วฟู่อวี่หันไปตะโกนใส่ผู้ชายมากับเธอ
หลิ่วเจี๋ยเป็นลูกพี่ลูกน้องในตระกูลหลิ่วฟู่อวี่ เขามาจากชนบทเพื่อมาขอพึ่งพา จึงถูกหลิ่วเฉิงจื้อมอบหมายให้ไปเป็นลูกน้องคอยถือกระเป๋าให้หลิ่วฟู่อวี่และเป็นบอดีการ์ดพาร์ทไทม์ไปในตัว
นิสัยออกจะทึ่มทื่ออยู่บ้าง ทว่าทนรับความลำบากได้ เขามีเรี่ยวแรงมาก และได้ฝึกวิชาการต่อสู้มาบ้าง
หลิ่วเจี๋ยเดินตรงเข้ามา เฝิงอวี๋เจียวที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดอย่างคนที่กำลังดูเรื่องสนุกและมีความสุขในความทุกข์ของผู้อื่นว่า “คุณหนูหลิ่วยอดเยี่ยมมากค่ะ คนแบบพวกเขาก็ต้องสั่งสอนแรงๆ แบบนี้”
หลินหยางรู้ว่ามู่หรงยิ่นไม่รู้วิชาการต่อสู้แม้แต่น้อย จึงยืนบังอยู่ด้านหน้าของเธอเสียเลย
“อาศัยตัวไร้ประโยชน์แบบนาย ยังกล้าก้าวออกมาอีก! หลิ่วเจี๋ย ลงมือ ทำให้เขาพิการถาวรไปเลย!”
หลิ่วฟู่อวี่สองมือกอดอก ออกคำสั่ง
หลิ่วเจี๋ยวชกหมัดเข้ามา หลินหยางเพียงยกมือปัดออกไป ก็ปัดหมัดของเขาจนเบี่ยงออกไป
ร่างกายของหลิ่วเจี๋ยเอนเอียง จึงถือโอกาสนี้ซัดหมัดกวาดเข้ามา หลินหยางใช้แรงเพียงเล็กน้อย ก็กระแทกหลิ่วเจี๋ยจนถอยกลับไป
หลิ่วเจี๋ยคำรามเสียงต่ำครั้งหนึ่ง รวบรวมพละกำลังอันแข็งแกร่งทั่วร่าง ต่อยหมัดเข้าโจมตีอีกครั้ง
หลินหยางกับออกหมัดโต้ตอบ กำปั้นสั่นสะเทือน ทั่วทั้งร่างของหลิวเจี๋ยลอยกระเด็นกลับไป กระแทกลงบนพื้น กลิ้งไปหลายตลบจนชนเข้ากับกำแพงจึงได้หยุดลง
สองมือของเขาสูญเสียความรู้สึกไปจนหมด ถูกพละกำลังของหลินหยางสะกดไว้อย่างสมบูรณ์ ไม่ใช่ความสามารถในระดับเดียวกันแม้แต่น้อย
หลิ่วฟู่อวี่กับเฝิงอวี้เจียวเมื่อเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงไม่หยุด ไม่กล้าเชื่อว่าหลินหยางจะมีความสามารถเช่นนี้
“ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เขาร้ายกาจมาก อย่างน้อยก็ต้องเป็นยอดฝีมือระดับสาม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง