หลินหยางก็ไม่เต็มใจที่จะพูดถึงเรื่องส่วนตัวในเรื่องนี้ต่อคนนอกมากเกินไปเช่นกัน กลับเป็นมู่หรงยิ่นที่แสดงจุดยืนของตนเองต่อว่า
“ด้วยความสามารถในตอนนี้ของคุณ การจัดการกับฉินโม่หนงนั้นง่ายมาก ฉันก็เต็มใจที่จะออกเรี่ยวแรงอันน้อยนิดเช่นกัน”
“ผมไม่รีบ ค่อยๆ เล่นเป็นเพื่อนหล่อนถึงจะสนุก”
มุมปากของหลินหยางปรากฏรอยยิ้มอารมณ์ดีขึ้นมา
มู่หรงยิ่นแอบถอนใจว่า “ฉินโม่หนง คุณกับฉันได้รับการขนานนามด้วยกัน หากพูดถึงความสามารถและรูปโฉมแล้ว ฉันไม่แน่ว่าจะเอาชนะคุณได้”
“แต่ท้ายที่สุดคุณก็ยังคงสู้ฉันไม่ได้ ต้องพ่ายแพ้ให้ฉัน! คุณพลาดหลินหยางที่เป็นขุมสมบัติอันมหาศาลนี้ไป ส่วนฉันกลับสามารถสานสัมพันธ์กับเขาได้ ไม่อย่างนั้นอาศัยเพียงฐานะที่คุณเป็นแม่บุญธรรมของเขา เกรงว่าในอนาคตตระกูลมู่หรงก็ต้องถูกคุณเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าแล้ว”
หนึ่งปีมานี้ ฉินโม่หนงแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก มีวี่แววรางๆ ว่าจะเอาชนะมู่หรงยิ่นได้
ในวงสังคมเมืองลั่วมีเสียงกล่าวว่า แม้มู่หรงยิ่นจะงดงาม ทว่าเมื่อเปรียบกับฉินโม่หนงแล้วกับขาดเสน่ห์และรสชาติของผู้หญิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถึงได้ด้อยกว่าอยู่เล็กน้อย
นอกจากนี้มู่หรงยิ่นมีชาติกำเนิดที่ดี มีพื้นฐานฐานะที่มั่งคั่งอยู่แล้ว ทว่าฉินโม่หนง หลังจากที่คู่สามีภรรยาตระกูลหลินตาย ยังสามารถดูแลกิจการของซิงเย่ากรุ๊ปจนกิจการใหญ่ขึ้นเรื่อยๆได้ ด้านความสามารถจึงนับว่าเก่งกว่ามู่หรงยิ่นอยู่เล็กน้อยเช่นกัน
ในฐานะหนึ่งในสองสาวงามที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของเมืองลั่ว เมื่อมู่หรงยิ่นได้ยินคำพูดพวกนี้ แน่นอนว่าในใจย่อมไม่ยินยอม แอบแข่งกับฉินโม่หนงอยู่ลับๆ
แต่ตอนนี้ในใจของเธอกับรู้สึกสบายอย่างมาก เพราะไม่ว่าอย่างไร อาศัยความสัมพันธ์ที่มีกับหลินหยาง เธอก็สามารถเอาชนะกลับได้ยกหนึ่งแล้ว
“คุณหลิน คุณลองดูว่าที่บ้านยังขาดอะไร คุณเขียนรายการให้ฉัน ฉันจะให้คนซื้อมาให้ จากนั้นคุณดูว่าต้องการแม่บ้านหรือไม่ หากต้องการฉันจะจัดการให้คุณ รับรองว่าคุณจะต้องพอใจอย่างแน่นอน”
มู่หรงยิ่นตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับหลินหยางไว้
“ผมเคยชินกับการอยู่คนเดียว เรื่องการซื้อของเดี๋ยวผมจัดการเอง ไม่รบกวนคุณ”
หลินหยางเคยประสบกับการถูกแทงข้างหลังจากฉินโม่หนงสองแม่ลูกมา กับคนอื่นแล้วจึงรักษาระดับความระมัดระวังตัวอยู่ตลอด ไม่เชื่อใจคนอื่นง่ายๆ นัก
มู่หรงยิ่นเป็นผู้หญิงชาญฉลาดที่รู้กาลเทศะ จึงไม่ได้รีบร้อนจนทำเกินขอบเขต
“ได้ค่ะ ถ้าหากมีความต้องการอะไร ก็บอกฉันมาได้เลยนะคะ”
หลินหยางเดินไปรอบๆ วิลล่าทั้งชั้นบนชั้นล่างรอบหนึ่ง ทำการรีโนเวทใหม่ทั้งหมดแล้วจริงๆ มีเพียงสวนดอกไม้เท่านั้นที่ยังคงรักษาสภาพเดิมไว้
“คุณหลิน นี่ก็สายแล้ว ไม่ทราบว่าจะโชคดีได้กินข้าวเช้ากับคุณไหมคะ?”
“เรื่องดีเช่นการกินข้าวเช้ากับคุณหนูมู่หรงเช่นนี้ ใครจะปฏิเสธได้กัน? ถือเป็นเกียรติของผมครับ”
แม้ว่าหลินหยางจะยังมีใจระมัดระวังในตัวมู่หรงยิ่น แต่ความประทับใจนั้นเป็นเรื่องจริง นอกจากนี้ บนตัวของมู่หรงยิ่นยังมีเสน่ห์ชนิดหนึ่งที่ทำให้คนยากจะปฏิเสธอีกด้วย
หลินหยางเป็นคนธรรมดา เมื่อเผชิญหน้ากับสาวงาม เขาก็ยากที่จะไม่ทำตัวเหมือนคนทั่วไปได้
มู่หรงยิ่นขับรถพาหลินหยางมาที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุด
“ไม่ได้จะไปกินข้าวหรือครับ?” หลินหยางถาม
“สถานที่กินข้าวอยู่ชั้นบนสุด ฉันจองที่ไว้แล้วค่ะ ตอนนี้เวลายังเช้าไปหน่อย พวกเราไม่สู้เดินเล่นในห้างก่อน ซื้อเสื้อผ้าให้คุณสองสามตัว”
มู่หรงยิ่นกล่าวอย่างใส่ใจ
“ได้สิ อย่างนั้นก็ขอรบกวนคุณหนูมู่หรงช่วยแนะนำผมสักครั้ง”
ที่หลินหยางสวมอยู่บนตัวเป็นสินค้าแบกะดินที่ไร้ราคา ซักจนแทบจะขาวซีดแล้ว จำเป็นต้องจัดหาเสื้อผ้าเพิ่มสองสามชุดจริงๆ
“คุณก็วางใจมอบตัวเองให้ฉันเถอะค่ะ รับรองว่าจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่”
มู่หรงยิ่นกะพริบตาให้หลินหยางครั้งหนึ่ง เผยรอยยิ้มซุกซนที่เห็นได้ยากออกมา
มู่หรงยิ่นพาหลินหยางมาที่ร้านเฉพาะของกุชชี่ ในขณะที่กำลังจะเข้าไป โทรศัพท์มือถือของมู่หรงยิ่นก็ดังขึ้นมา
“ขอโทษด้วยค่ะ ฉันต้องรับโทรศัพท์ คุณเข้าไปลองดูก่อน อีกครู่เดียวฉันจะตามไปนะคะ” มู่หรงยิ่นกล่าว
หลินหยางพยักหน้า เดินเข้าไปในร้าน มีพนักงานขายเข้ามาต้อนรับในทันที
“สวัสดีค่ะ คุณผู้ชาย ยินดีต้องรับสู่กุชชี่” พนักงานสาวประจำร้านคนหนึ่งทักทายหลินหยางอย่างกระตือรือร้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง