มู่หรงจางมีลูกชายหนึ่ง ลูกสาวสอง มู่หรงเจ๋อผู้เป็นลูกชายไม่ชอบด้านธุรกิจแต่เลือกไปรับราชการ หนทางราบรื่นตลอดเส้นทาง ยามนี้ได้ย้ายไปรับตำแหน่งที่มณฑลหนานตูแล้ว
ลูกสาวคนที่สองมู่หรงยิ่น เป็นราชินีแห่งวงการธุรกิจ ควบคุมดูแลกลุ่มกิจการติ่งเซิ่งที่มู่หรงจางเป็นผู้ก่อตั้ง ในเวลาไม่กี่ปี ก็ทำให้ธุรกิจในเครือของติ่งเซิ่งกรุ๊ปขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าตัว กลายเป็นหนึ่งในผู้นำกลุ่มธุรกิจของเมืองลั่ว
ดังนั้นมู่หรงจางจึงได้เกษียณก่อนกำหนด มอบติ่งเซิ่งกรุ๊ปทั้งหมดให้มู่หรงยิ่นเป็นผู้ดูแล
ลูกสาวคนที่สามมู่หรงหว่านเอ๋อร์อายุน้อยที่สุด นิสัยโลดโผนมีชีวิตชีวา ชอบการต่อสู้ กราบเจียงไห่เซิง หนึ่งในสี่ปรมาจารย์ของเมืองลั่วเป็นอาจารย์
นั่งอยู่ในรถของมู่หรงยิ่น กลิ่นหอมเย้ายวนใจคน
หัวใจของหลินหยางเต้นแรงอยู่บ้าง เพราะไม่ว่าอย่างไร ในยามนี้ผู้ที่นั่งอยู่ข้างกายเขาคือมู่หรงยิ่นที่สูงส่งจนไม่อาจเอื้อมนี่นา!
“หมอเทวดาหลิน ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณอย่างมาก คุณอายุยังน้อยถึงเพียงนี้ ก็มีทักษะการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์และฝีมือที่สูงล้ำเหนือผู้คนเช่นนี้ ความสำเร็จในอนาคตย่อมไม่อาจคาดเดาอย่างแน่นอน
มู่หรงยิ่นเป็นฝ่ายเริ่มสนทนากับหลินหยางก่อน
“คุณหนูมู่หรงชมเกินไปแล้ว”
หลินหยางก็เป็นคนที่เห็นอะไรมากเช่นกัน จึงตอบไปกลับอย่างสงบมั่นคง
“น้อยนักที่ฉันจะชมคนอื่นอย่างจริงใจ แต่คำพูดเมื่อครู่ มาจากใจจริง”
มู่หรงยิ่นทัดผมปอยหนึ่งไปที่หลังหู ทุกอิริยาบถล้วนเต็มไปด้วยความสง่างาม
“เช่นนั้น ผมก็รู้สึกเป็นเกียรติมากครับ”
หลินหยางเป็นคนที่ผ่านประสบการณ์ทั้งการขึ้นสู่จุดสูงและตกต่ำมาก่อน จิตใจมั่นคงเป็นผู้ใหญ่ มิได้รู้สึกลำพองเพราะคำชมของมู่หรงยิ่น ยังคงรักษาท่าทีถ่อมตนและสงบเรียบเฉยไว้เช่นเดิม
“สามารถผูกสัมพันธ์กับหมอเทวดาหลินได้ถือเป็นเกียรติของพวกเรา” มู่หรงยิ่นเยินยอ
ไม่นานนัก รถก็มาถึงคฤหาสน์ของตระกูลมู่หรง ซึ่งตั้งอยู่ข้างแม่น้ำลั่ว
ทั่วทั้งคฤหาสน์กินพื้นที่หลายเอเคอร์ สิ่งก่อสร้างภายในมีกลิ่นอายโบราณ หอเก๋ง ศาลา สะพานยาวคลุมหลังคากลางน้ำ ทุกย่างก้าวทุกทิวทัศน์ล้วนแสดงถึงความมั่งคั่งของตระกูลใหญ่
หลังจากมาถึงคฤหาสน์ตระกูลมู่หรง มู่หรงยิ่นก็มอบบัตรธนาคารใบหนึ่งกับแอปเปิลวอชรุ่นใหม่ล่าสุดให้หลินหยางโดยตรง
“หมอเทวดาหลิน ในบัตรนี้มีเงินสามร้อยล้าน เป็นค่ารักษาของคุณ ช่วยรับไว้ด้วยนะคะ”
หลินหยางก็ไม่เกรงใจ รับไว้ทั้งหมดที่มอบให้
ตอนนี้เขาต้องการเงินอย่างยิ่ง
นับแต่โบราณ การร่ำเรียนเป็นเรื่องของคนยากจน ส่วนการศึกษาศิลปะการต่อสู้นั้นเป็นเรื่องของคนมีเงิน สำหรับคนธรรมดาแล้ว การศึกษาเล่าเรียนเป็นทางออกที่ดีที่สุด
ส่วนการฝึกฝนวรยุทธ์นั้น ต้องการยาสมุนไพรจำนวนมากมาคอยสนับสนุน มิเช่นนั้นหากสารอาหารบำรุงไม่เพียงพอ ต่อให้มุมานะฝึกซ้อมแค่ไหนก็เสียเปล่า กระทั่งยังจะฝึกซ้อมจนร่างกายเสียหายด้วย
“พวกคุณเรียกชื่อผมก็พอ เรียกหมอเทวดาหลิน รู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง” หลินหยางกล่าว
“ท่านเป็นผู้มีพระคุณอย่างยิ่งต่อตระกูลมู่หรงเรา จะเรียกชื่อเฉยๆ ได้อย่างไร ในเมื่อท่านไม่ชอบวิธีเรียกนี้ อย่างนั้นก็เรียกท่านว่าคุณหลินแล้วกัน”
มู่หรงจางรับคำ พลางถือโอกาสส่งสายตาให้มู่หรงหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง
“หลิน…คุณหลิน ขอโทษด้วยค่ะ ขอให้คุณอภัยให้กับความไม่รู้และการล่วงเกินของฉันด้วย!”
มู่หรงหว่านเอ๋อร์ที่ละความเขินอายพูดคำขอโทษออกมาไม่ได้เสียที ในตอนนี้ก็ได้ละความทระนงตัวลงแล้ว โค้งขอขมาต่อหลินหยางด้วยท่าทางจริงใจ
มู่หรงหว่านเอ๋อร์เป็นคนฝึกวรยุทธ์ มีจิตยึดติดกับความแข็งแกร่งอย่างรุนแรง
กับคนที่อ่อนแอกว่าเธอ เธอรู้สึกดูถูก แต่สำหรับคนที่แข็งแกร่งกว่าเธอ เก่งกาจกว่าเธอ เธอก็จะให้การยอมรับนับถือเต็มที่
สิ่งที่หลินหยางแสดงออกมาในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นวิชาแพทย์ที่สามารถชุบชีวิตคนได้หรือความแข็งแกร่งที่สามารถเอาชนะยอดฝีมือขั้นเจ็ดได้ในเสี้ยววินาที ล้วนทำให้มู่หรงหว่านเอ๋อร์ยอมรับและเกิดความนับถืออย่างจริงใจ
หลินหยางมิได้ให้ความสนใจต่อมู่หรงหว่านเอ๋อร์ บนตัวของเธอ หลินหยางมองเห็นเงาบางส่วนของฉินเยียนหราน คนทั้งสองมีส่วนที่เหมือนกันหลายจุด เป็นเหตุให้รู้สึกห่างเหินกับเธอตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้
หลินหยางยกมือขึ้นเบาๆ ไม่ได้แสดงออกอะไร
มู่หรงยิ่นที่อยู่ด้านข้างรีบพูดแก้ไขสถานการณ์ ช่วยลดความตึงเครียดของบรรยากาศว่า “คุณหลิน ฉันได้ยินว่าตอนนี้คุณยังไม่มีที่อยู่เป็นหลัก ฉันมีบ้านหลังหนึ่งอยู่ที่หมู่บ้านตี้เหา หากคุณไม่รังเกียจก็ขอมอบให้คุณแล้วกัน ถือเสียว่าฉันขอโทษคุณแทนหว่านเอ๋อร์ด้วย”
เดินหลินหยางไม่อยากรับผลประโยชน์จากตระกูลมู่หรงโดยไม่มีเหตุผล หลายสิ่งบนโลกนี้ดูเหมือนจะฟรี ทว่าแท้ที่จริงได้ถูกกำหนดราคาไว้แต่แรกนานแล้ว การโลภกับความได้เปรียบชั่วครั้งชั่วคราว สุดท้ายจะต้องจ่ายผลตอบแทนที่แพงกว่าออกไป
แต่เมื่อได้ยินชื่อหมู่บ้านตี้เหา เขากลับหวั่นไหวแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนหมอมังกรระห่ำเมือง