เมื่ออาทิตย์ลอยขึ้นสู่ฟากฟ้า
"นายท่าน พระชายาอ๋องเดินทางมาเจ้าค่ะ!"
อวิ๋นซีรีบวิ่งเข้ามารายงานในห้อง
ซูอวี้เออร์นั่งอยู่ตรงหน้ากระจกสีทองแดง นางกำลังเลือกสีผึ้งทาปากอยู่ แล้วยิ้มเยาะเมื่อได้ยิน
"เมื่อวานนี้นางเพิ่งสูญเสียลูกพี่ลูกน้องไปคนหนึ่ง อัปมงคลยิ่งนัก อย่านำสิ่งชั่วร้ายมาปนเปื้อนข้า บอกนางไปว่าข้าไม่สบาย ไม่อาจพบแขกได้ ไว้ค่อยมาวันหลัง"
"เจ้าค่ะ"
อวิ๋นซีออกไปรายงานคำพูดของซูอวี้เออร์ให้กับเซี่ยเชียนฮวันฟัง
เซี่ยเชียนฮวันรู้ดีว่าซูอวี้เออร์คงไม่อยากเจอตน จึงหัวเราะด้วยความเยือกเย็นว่า “ทักษะด้านการแพทย์ของข้าสูงส่ง ให้ข้าดูอาการนางเถอะ"
เมื่อกล่าวจบนางก็เดินตรงเข้าไปข้างใน
อวิ๋นซีตกตะลึงแล้วรีบเข้าไปรั้งเอาไว้ "พระชายาอ๋องช้าก่อนเถิด บัดนี้คุณหนูซูไม่จำเป็นต้องให้ดูอาการ นางเพียงอยากพักผ่อน สักเล็กน้อย"
"เจ้ารู้ว่าข้าคือพระชายาอ๋อง? และในจวนอ๋องแห่งนี้ข้าจึงจะเป็นนาย นางเป็นเพียงแค่อนุภรรยาผู้ต่ำต้อยซึ่งมาอาศัยอยู่ด้วย ในเมื่อข้าเดินทางมาที่นี่ ต่อให้นางป่วยก็ต้องออกมาต้อนรับข้า"
เซี่ยเชียนฮวันกล่าวด้วยน้ำเสียงดังลั่น ตั้งใจให้ซูอวี้เออร์ที่อยู่ในห้องได้ยิน
อวิ๋นซีรู้สึกทำตัวไม่ถูก “บ่าวเพียงแค่เกรงว่าอาการเจ็บป่วยจากคุณหนูซู จะส่งต่อไปถึงพระชายาอ๋อง"
"เสี่ยวตง ลงมือได้"
เซี่ยเชียนฮวันไม่อยากจะเอ่ยเรื่องไร้สาระเหล่านี้อีกต่อไป
นางเลิกคิ้วขึ้นเป็นการสื่อสาร จากนั้นเสี่ยวตงก็พับแขนเสื้อขึ้น จัดการกับบ่าวสาวรับใช้ที่เข้ามาขวางทาง ในลานเกิดเสียงโอดครวญขึ้นทันใด
"หยุดนะ! เหตุใดพระชายาอ๋องจึงต้องทำให้คนรับใช้เหล่านี้ต้องเจ็บตัวเล่า โบราณว่าฟ้ามีตา หากต้องการหาเรื่องก็ให้มาหาเรื่องข้าเพียงคนเดียว อย่าเอาผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้องไปข้องเกี่ยวด้วย เช่นนี้จะไม่ดูไร้คุณธรรมไปหน่อยหรือ"
ซูอวี้เออร์แสร้งทำท่าทางเหมือนเจ็บป่วยเดินโอดโอยออกมา นางดูไม่มีเรียวแรง น่าสงสารเหลือเกิน แต่แววตาที่สื่อถึงความยั่วยุยากที่จะปิดบัง
ไม่เสียแรงที่เรียนรู้ทักษะเสแสร้งมาตั้งเนิ่นนาน ไม่คิดรู้สึกละอายใจจริงๆ เลยเชียว
“ใครบอกว่าข้าจะมาหาเรื่องเจ้า? ข้าเพียงได้ยินว่าแม่นางซูไม่สบาย จึงได้เดินทางมาเยี่ยมเยียน"
"ขอบพระทัยในน้ำใจของพระชายาอ๋องยิ่งนัก”
ซูอวี้เออร์ยิ้มขึ้นหางตาไม่กระดิก
เซี่ยเชียนฮวันจ้องไปที่นางแล้วกล่าวด้วยความเย็นชาว่า “ดูท่าทางเจ้าน่าจะเหนื่อยล้า เมื่อคืนนี้คงออกไปข้างนอกและไม่ได้พักผ่อนเพียงพอสินะ"
"นายท่าน นี่คือปิ่นปักผมของท่าน"
จู่ๆ อวิ๋นซีบ่าวรับใช้ที่อยู่ข้างกายก็เอ่ยขึ้น
นางยังเอ่ยเตือนซูอวี้เออร์ว่า "เมื่อไม่กี่วันก่อน เจ้านายพบข้าวกับแม่นางเมิ่งเตี๋ยที่ถนนมิใช่หรือ นางกล่าวว่าชื่นชอบปิ่นปักผมเล่มนี้ของท่าน ดังนั้นท่านจึงยกให้นางไป"
“แม่นางเมิ่ง... อ๋อใช่สิ เมิ่งเตี๋ย ข้าให้ปิ่นนี้กับเมิ่งเตี๋ยไปแล้ว"
ซูอวี้เออร์แสดงสีหน้าท่าทางเหมือนเพิ่งนึกได้ แล้วกลับคืนสู่ความสงบดังเดิม
อวิ๋นซียิ้มขึ้นแล้วกล่าวอีกว่า "นายท่าน แม่นางเมิ่งผู้นั้นไร้เหตุไร้ผล ยืนกรานจะขอปิ่นนี้จากท่านไปให้ได้ แต่กลับทำสิ่งของที่ท่านให้หาย ช่างไม่รู้จักคุณค่าของมันเอาเสียเลย"
"เมิ่งเตี๋ยก็มีนิสัยเช่นนี้ ต้องขอพระทัยพระชายาจ้านอ๋องที่เก็บมันมาคืนให้ข้า"
ในใจของซูอวี้เออร์รู้สึกชื่นชมอวิ๋นซีที่มีความคิดอันว่องไว มุมปากนางเผยอขึ้นเล็กน้อยและตั้งใจจะยื่นมือไปจับปิ่นในมือของเซี่ยเชียนฮวันกลับคืนมา
เซี่ยเชียนฮวันหดมือกลับไม่ให้ซูอวี้เออร์แย่งปิ่นปักผมกลับคืนไป นางด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "สองนายบ่าวพวกเจ้าช่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย ยามโกหกเจ้าหาได้สะทกสะท้าน”
“พระชายาอ๋องพูดถึงเรื่องใดกัน ข้าไม่เคยโกหกเพื่อให้ได้รับความโปรดปรานแต่อย่างใด เรื่องนี้ท่านอ๋องรู้จักข้าดี"
หลังจากที่ซูอวี้เออร์สงบสติอารมณ์ลงได้แล้ว ก็รู้ว่าเซี่ยเชียนฮวันไม่อาจทำสิ่งใดนางได้ จึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเพื่อเป็นการยั่วยวน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลังหย่า ราชาสงครามอ้อนขอข้าคืนดี
มาอัพเพิ่มไวๆๆนะคะ...
มาอัพต่อเร็วๆนะคะ...
นางออกควายไงคะ ไม่รู้อะไรซักอย่างตั้งท้อง อยู่ไปวันๆ...
นางเอกหน้าโง่ วันๆไม่ทำเห้ ไร รักษาแต่คน ไม่เคยคิดจะสู้กลับ ไร้น้ำยา...
ทำไมหายอีกแล้ว มาอัพต่อค่ะ...
ดีใจกลับมาอัพต่อแล้ว ขอบคุณแอดมินค่ะ...
รออ่านอย่าใจจดจ่อ อัพต่อพลีสสส...
กลับมาต่อ รออ่านอยู่ค่ะ...
ตามคะ ขอบคุณค่ะ...
ไม่อัพต่อแล้วเหรอค่ะ กำลังสนุกเลย...