“อืม” สาริศาพยักหน้าเบา ๆ ตอบกลับอย่างลอย ๆ ในใจยังคงคิดถึงเรื่องของลูก
เห็นสาริศาก้มหน้าทานซุปไม่พูดไม่จา ธนพัตรู้สึกอึดอัด จึงเอ่ยปากทำลายความเงียบ “ริศา วันนี้คุณไปไหนมา ทำไมถึงกลับดึกอย่างนี้”
“ไม่ได้ไปไหน แค่ไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลมาค่ะ” สาริศาตอนนี้ยังไม่อยากบอกเรื่องชาติกำเนิดของตัวเองกับพชิราให้ธนพัต เขาจะต้องคิดว่าตัวเองกำลังเป็นปฏิปักษ์กับพชิราอย่างแน่นอน
“อย่างนั้นร่างกายของคุณแม่ยังสบายดีไหม”
“สบายดีค่ะ”
พยักหน้าแล้ว ธนพัตก็หาหัวข้อเรื่องที่จะพูดไม่ได้ เพราะว่าเขาเดิมทีก็เป็นคนที่คุยไม่เก่ง จึงทำให้เกิดความเงียบระหว่างพวกเขาทั้งสองคนอีกครั้ง
หลังจากทานซุบหมดอย่างเงียบ ๆ สาริศาก็เงยหน้าขึ้นมองธนพัตด้วยความกล้า “ธนพัต ฉันทีเรื่องอยากจะคุยกับคุณ”
“อะไรเหรอ” เห็นสีหน้าที่จริงจังของสาริศา ธนพัตก็รู้สึกอยากรู้ในสิ่งที่เธอต้องการพูดกับตัวเอง
สูดลมหายใจเข้ายาว ๆ แล้ว สาริศาก็เอ่ยปากกล่าว “ฉันต้องการจะเก็บลูกในท้องของฉันไว้ ถ้าคุณยังดึงดันที่จะให้ฉันทำแท้ง อย่างนั้นพวกเราก็หย่ากันเถอะ”
ได้ยินสาริศายืนกรานที่จะเก็บเด็กในท้องไว้ ธนพัตก็อดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นในใจ น้ำเสียงขึงขังขึ้น “ริศา เรื่องนี้คุณจะฟังผมหน่อยไม่ได้เหรอ เก็บเด็กไว้ไม่ได้จริง ๆ!”
“ทำไมถึงเก็บไว้ไม่ได้!” สาริศาก็โมโหเช่นกัน “เมื่อเช้านี้ฉันได้บอกกับคุณไปหมดแล้ว ฉันไม่ได้ถูกข่มขืน นี่เป็นลูกของพวกเรา หรือว่าคุณอยากจะทำแท้งลูกของพวกเราอย่างนั้นเหรอ”
เมื่อสาริศายืนกรานคิดว่าตัวเองไม่ได้ถูกข่มขืน ธนพัตจึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้เธอยอมรับความจริง
ถ้าหากเป็นไปได้ เขาก็อยากจะให้เธอเชื่อแบบนั้นตลอดไป จำความทรงนั้นไม่ได้ จะได้ไม่ถูกความจริงนี้ทำให้เจ็บปวด
แต่ว่าเด็กคนนี้ไม่สามารถเก็บไว้จริง ๆ ถ้าหากสาริศาจำเรื่องนี้ไม่ได้ เกรงว่าเธอคงไม่เต็มใจที่จะทำแท้งเด็กคนนี้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ธนพัตจึงทำได้เพียงพูดอย่างไร้ปรานี “แต่ว่าคุณหมอได้ทำการตรวจแล้ว ผลตรวจก็ออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่า……”
“ฉันไม่สนใจว่าคุณหมอจะพูดอย่างไร” สาริศาขัดจังหวะธนพัตด้วยความโมโห “ฉันจะเก็บลูกคนนี้ไว้ หากคุณไม่เห็นด้วย พวกเราก็หย่ากัน”
หลังจากการทะเลาะกันเมื่อเช้านี้ สาริศาก็เข้าใจดี ที่ตัวเองลองพยายามอธิบายเรื่องนี้ให้กับธนพัตนั้นไม่มีประโยชน์ เขาต้องไม่เชื่อคำพูดของตัวเองอย่างแน่นอน
ในใจของเขานั้นได้ไปแล้วว่าลูกในท้องของเธอนั้นไม่ใช่ลูกของตัวเอง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจึงต้องทำใจให้เข้มแข็ง ไม่ว่าอย่างไร เธอจะต้องเก็บลูกของตัวเองไว้ให้ได้
“ริศา คุณฟังผมพูด……” ธนพัตพยายามเกลี้ยกล่อมสาริศาอีกครั้ง แต่ว่าสาริศากลับขัดจังหวะเขาอีกครั้ง
“ธนพัต คุณไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ฉันตัดสินใจแล้ว คุณไม่เห็นด้วย พวกเราก็หย่ากัน ฉันจะเลี้ยงลูกคนนี้ให้เติบโตด้วยตัวเอง”
เห็นแววตาสาริศาที่แน่วแน่ ธนพัตเงียบไปครู่หนึ่ง
น้ำตาคลอเบ้า สาริศากล่าวด้วยความซาบซึ้ง “ธนพัต คุณเชื่อฉันนะ ลูกในท้องของฉันเป็นลูกของพวกเราจริง ๆ ต่อไปคุณก็จะรู้เอง คุณจะต้องไม่เสียใจกับการตัดสินใจครั้งนี้อย่างแน่นอน”
สาริศาสัญญากับตัวเองในใจ ตัวเองจะต้องหาหลักฐานมายืนยันให้ได้ ว่าพชิรานั้นโกหกใส่ร้ายตัวเอง ถึงเวลานั้นเมื่อเห็นหลักฐาน ธนพัตก็ต้องยอมเชื่อในความบริสุทธิ์ของตัวเอง เชื่อว่านี่เป็นลูกของพวกเขาสองคน
ถ้าหากว่าตัวเองหาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่ได้ อย่างนั้นรอให้ลูกในท้องโตขึ้นอีกหน่อย เธอก็จะสามารถโน้มน้าวให้ธนพัตไปตรวจดีเอ็นเอที่โรงพยาบาล ถึงเวลานั้นความจริงก็จะปรากฏอยู่ตรงหน้า ปมในหัวใจของธนพัตก็จะคลี่คลายลง
เมื่อได้ยินสิ่งที่สาริศาพูด ธนพัตก็ได้แต่ยิ้มเศร้าในใจ จะใช่หรือไม่ใช่ลูกของพวกเขาก็ไม่สำคัญแล้ว ในเมื่อเขารับปากสาริศาแล้ว เขาก็จะต้องทำให้ได้ เขาก็จะต้องทำให้ได้ ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่สามารถการันตีได้ว่าต่อไปจะปฏิบัติกับเด็กคนนี้เหมือนแต่แรกเริ่มหรือไม่ แต่จะไม่ปฏิบัติไม่ดีอย่างแน่นอน
กระชับแขนของตัวเองให้แน่น ธนพัตกอดสาริศาไว้แน่น แล้วกระซิบลงที่ข้างหูของเธอ “ริศา ต่อไปอย่าพูดเรื่องหย่าอีกนะ”
เมื่อได้ยินเสียงสั่นเครือของธนพัต สาริศาก็รู้สึกเจ็บจิ๊ดในหัวใจ เขาถูกคำพูดของตัวเองเมื่อสักครู่ทำให้ตกใจเหรอ ที่แท้ผู้ชายคนนี้ไม่ต้องการที่จะจากตัวเองไป
“อืม” สาริศาพยักหน้าแรง ๆ ซบอยู่ในอกของธนพัต น้ำตาอาบอยู่บนเสื้อของธนพัต ในเวลานี้สาริศาได้สัมผัสถึงความสุขที่หายไปนาน
“ธนพัต วันนี้ฉัน……” ค่อย ๆ ผลักตัวออกมาจากอ้อมกอดของธนพัต สาริศาอยากจะบอกเรื่องที่เกี่ยวกับการชาติกำเนิดของตัวเอง แต่ก็ต้องหยุดชะงักขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าที่ขมขื่นของธนพัต
“มีอะไรเหรอ” ธนพัตถาม
“ไม่มีอะไรแล้ว” สาริศาส่ายหน้า แล้วกอดธนพัตอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...