“ไปเถอะ เราไปดูกันก่อน ให้แน่ใจว่าวันนี้พชิราอยู่ค่อยแจ้งตำรวจ”
เมื่อเห็นว่าสาริศาทานเสร็จแล้ว จึงให้เธอกลับห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปกับเขา
พชิรามีชีวิตและวิ่งได้ ถ้าวันนี้ไม่อยู่บ้านพักคนชรา ให้ตำรวจไปก็เสียเที่ยว
“โอเค งั้นเราไปกัน”
หลังจากสาริศาเตรียมตัวเสร็จแล้ว ก็ควงแขนธนพัตเดินออกไปข้างนอกด้วยกัน
วันนี้สาริศาใส่ชุดเรียบง่าย เพราะต้องทำอะไรหลายอย่าง
เสื้อเชิ้ตสีขาวเข้าคู่กับกางเกงยีนส์ แม้ว่าจะเป็นเสื้อผ้าที่ค่อนข้างเรียบง่าย แต่ก็ยังห่อหุ้มร่างของสาริศาไว้ได้อย่างลงตัว
ธนพัตอดไม่ได้ที่มองอยู่นาน
“คุณว่าพชิรากำลังทำอะไรอยู่” สาริศารู้สึกว่าพชิราไม่ชอบกันยา แล้วทำไมถึงยังอยู่ที่นั่นต่อ
“เพราะไม่มีเงิน”
ธนพัตชี้ตรงประเด็นในประโยคเดียว แต่สาริศากลับคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
ในความคิดของสาริศา พชิราเย่อหยิ่งเสมอเหมือนสัตว์เช่นนกยูง
แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะอาศัยอยู่กับแม่ที่ตัวเองเกลียดเพราะไม่มีเงิน
สาริศาคิดแล้วไม่เข้าใจ ได้แต่อดทนไม่ถามออกไป
เมื่อมองเส้นทางข้างหน้า ไม่รู้เพราะเหตุใด ใจสาริศามักจะรู้สึกเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
เธอไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และเธอไม่รู้ว่าเดี๋ยวพชิราจะถูกจับหรือไม่
สรุปก็คือ สาริศาไม่รู้ว่าความไม่สบายใจของเธอมาจากไหน
แต่โชคดี ที่รถของธนพัตขับไปถึงสถานที่ซึ่งใกล้กับบ้านพักคนชราแล้ว
ทั้งสองลงจากรถ
เพื่อความปลอดภัย ไม่ควรเอิกเกริกเกินไป หากขับรถไปใกล้บ้านพักคนชรา เช่นนั้นจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น
ปกติธนพัตค่อนข้างคิดรอบคอบ จุดนี้สาริศาเองก็เข้าใจ
ทั้งสองเดินเข้าไปใกล้บ้านพักคนชราช้าๆ เห็นว่าในบ้านพักคนชรามีคนอยู่ แต่กลับไม่เห็นพชิรา
ครั้งนี้พวกเขารอไม่นาน ในไม่ช้าพชิราก็เดินออกมา
สาริศากับธนพัตต่างก็เห็นว่าเวลานี้พชิรากำลังยืนและเดิน หัวใจของทั้งสองพลันเต้นเร็วขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่ธนพัตทำอะไรลับๆ ล่อๆ ราวกับมีลับลมคมนัย
ในที่สุดสาริศาก็สามารถนำพชิราเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ ระลอกคลื่นในหัวใจที่สงบนิ่งมานานเริ่มก่อตัว
แต่ที่น่าเสียดายก็คือ พชิราเดินออกมา และกำลังออกไปจากบ้านพักคนชรา
สาริศากับธนพัตซึ่งอยู่ตรงปากประตูไม่มีที่ให้หลบซ่อน จึงถูกค้นพบเข้า
สาริศาสองมือไพล่หลัง เหลือบมองธนพัต แล้วก็มองพชิรา
ดูว่าพชิราจะมีปฏิกิริยาอะไรบ้าง
ตอนแรกพชิราไม่เห็นสาริศากับธนพัต แต่ไม่นานก็เห็น
“ธนพัต? คุณมาหาฉันเหรอ คุณจะหย่ากับนังสารเลวคนนี้แล้วมาอยู่กับฉันเหรอ”
เมื่อพชิราเห็นคนที่ตัวเองคะนึงหาทุกเช้าค่ำ จิตใจก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อต้องการเดินเข้าไปกอดธนพัตแน่นๆ แต่ก็ถูกธนพัตหลบเลี่ยง
พชิราไม่มีที่ยึดเหนี่ยวจึงล้มลงไปกับพื้น
“พชิรา ที่เรามาหาเธอวันนี้ เพราะต้องการมาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องจริงของปีนั้น อ้อจริงสิ แล้วก็ขาของเธอน่ะ หายดีแล้วเหรอ”
สาริศาแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องที่ว่าขาของพชิราหายขาดแล้ว น้ำเสียงของเธอค่อนข้างเจือความแปลกใจ
“ขาของฉันสามารถดีขึ้นได้ ต้องขอบคุณเธอนะนังสารเลว ไม่อย่างนั้นมันคงไม่หายเร็วขนาดนี้” พชิราถลึงตากว้างจ้องสาริศา
ถ้าไม่ใช่เพราะสาริศาบีบบังคับให้เธอต้องหนีไป ขาของเธอจะรักษาหายได้อย่างไร
เดิมทีพชิราวางแผนที่จะซ่อนมันต่อไป แต่ในเมื่อตอนนี้ถูกจับได้แล้ว เช่นนั้นจึงยอมรับอย่างเปิดเผย
“ธนพัต คุณดูสิ ขาของฉันหายดีแล้ว เห็นแก่ความรักที่ฉันมีให้คุณ กลับมาเถอะนะ ฉันรอคุณมาตลอด”
พชิราพูดกับสาริศาจบก็เปลี่ยนท่าทีทันที มองธนพัตด้วยใบหน้าอ่อนโยน
ถ้าไม่ได้เห็นท่าทางร้ายกาจของพชิราเมื่อครู่ พวกเขาคงต้องถูกท่าทีอ่อนโยนของพชิราหลอกเข้า
“รักผมเหรอ รักผมแล้วปีนั้นคุณร่วมมือกับบุรินทร์ทำลายบริษัทของผมทำไม รักผมงั้นเหรอ รักผมแต่คุณไม่ลังเลเลยที่จะทำลายครอบครัวของผมไม่ให้มีช่วงเวลาชีวิตที่ดีน่ะเหรอ รักผมแต่ใจแข็งใส่ร้ายผมได้ขนาดนั้นเลยเหรอ”
ธนพัตได้ยินพชิราบอกรักตัวเองแล้วรู้สึกขยะแขยงอย่างยิ่ง
ได้ยินคำพูดที่บาดลึกจิตใจทุกถ้อยคำของธนพัต มันทำให้พชิราเจ็บปวดในใจ
จากนั้นก็ตะโกนใส่พวกเขาอย่างบ้าคลั่ง “ก็พวกคุณคิดว่าฉันรักธนพัตเพียงเพราะสถานะของเขาไม่ใช่หรือไง ฉันเลยแค่อยากพิสูจน์ให้พวกคุณเห็น ว่าต่อให้ธนพัตจะไม่มีอะไรเลย ฉันก็รักเขา!”
ได้ยินการตะโกนแบบนี้ของพชิรา สาริศาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าวิธีการรักของพชิรานั้นแตกต่างจากคนอื่นไปมากจริงๆ
บางทีพชิราอาจไม่รู้ว่ามีความรักแบบหนึ่งที่เรียกว่าการปล่อยมือ และไม่รู้ว่าการรักใครสักคนคือการเห็นเขาอยู่ดีมีสุข
แต่ถึงอย่างนั้น พชิราก็ยังยืนกรานว่าคนที่ทำแบบนี้คือคนที่ไม่ได้รักเขา
ผลสุดท้ายคือการส่งตัวเองเข้าคุก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...