แม่คะ แม่ช่วยหนูแบบนี้ แล้วก็...”
ดังนั้น อาการป่วยของกันยาเกิดจากการที่เธอไม่ยอมกินยาเอง พอไปถึงโรงพยาบาลแล้วให้น้ำเกลือ อาการของเธอก็ดีขึ้นทันที
แต่ทั้งหมดนี้ สาริศาไม่รู้เรื่อง กันยามองไปทางสาริศาที่อยู่ตรงหน้า และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ
จึงได้แต่มองมั้งสองคน แต่ไม่พูดอะไร
สาริศามองไปทางกันยาที่ก่อนหน้านี้พูดจาฉะฉาน ตอนนี้กลับเป็นแบบนี้? ในใจงุนงง แต่ก็ยังพูดขึ้นมา
“อาหารเสริมพวกนี้คุณกินด้วย ของมีประโยชน์ทั้งนั้น มันดีต่อร่างกายของคุณ กินหมดแล้วถ้าคุณอยากได้อะไรเพิ่ม คุณก็โทรไปบอกฉัน เดี๋ยวฉันซื้อมาให้”
สาริศาอธิบายเรื่องที่ควรระวังทุกปีออกมาอย่างรอบคอบ ส่วนกันยาก็คอยสังเกตสีหน้าและท่าทางของสาริศาทุกอย่าง
หลังจากพูดจบ กันยาก็เพียงแต่พยักหน้า
สาริศามองดูเวลา มันเย็นมากแล้ว จึงตั้งใจจะพาธีร์กลับบ้าน
“หนู... จะมาอีกไหม?” สีหน้าของกันยาดูไม่อยากให้กลับ แล้วมองด้วยสายตารอคอย
พอสาริศาเห็นแบบนี้หัวใจก็สั่นคลอน เธอรู้สึกว่าถ้าไม่ตอบออกไปในตอนนี้ เธอคงจะอกตัญญูมาก
“อืม มาค่ะ”
หลังจากได้ยินคำตอบของสาริศา กันยาก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
“ลาก่อนครับคุณยาย” หลังจากที่ธีร์บอกลากันยาเสร็จ ทั้งสองก็ขับรถตรงกลับบ้าน
“หม่าม๊าครับ ผมรู้สึกว่าคุณยายแปลกมากเลยครับ สายตาของเธอ ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ” ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ธีร์ก็รู้สึกได้แล้ว แต่เขาแค่ไม่ได้พูดออกมาเท่านั้นเอง เขารู้สึกไม่กล้าพูด
แต่ตอนนี้ออกมาแล้ว เขาจึงพูดกับสาริศา ให้สาริศาระวังไว้บ้าง
สาริศาย้อนกลับไปคิดเล็กน้อย และรู้สึกว่ามีบางครั้งที่แปลกจริงๆ แต่ว่าอาจเป็นเพราะช่วงแรกรู้สึกอึดอัดแค่นั้นเอง
พอคิดแบบนี้ สาริศาก็รู้สึกสบายใจมากกว่า
“เอาล่ะจ้ะ น้องธีร์ไม่ต้องคิดมาก ตอนนี้เรากลับบ้านไปรอปะป๊ากลับมา แล้วกินข้าวเย็นพร้อมกัน น้องธีร์รีบเข้านอน พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแล้ว”
สาริศานึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้ธีร์ต้องไปโรงเรียนแล้ว ดังนั้นเธอจึงอยากให้ธีร์เข้านอนเร็วๆ
ธีร์เชื่อฟังมาก จึงทำตามการจัดเตรียมของสาริศา
เช้าวันรุ่งขึ้น สาริศาไปทำงานที่บริษัท แล้วเห็นมิลินนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง
ปกติแล้วมิลินมาเร็วกว่าสาริศาอยู่แล้ว
“อรุณสวัสดิ์ริศา” มิลินกล่าวทักทายสาริศา
แต่สาริศาสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ ถ้าเป็นเมื่อก่อนมิลินจะเคารพเธอเหมือนพนักงานเข้าใหม่
ตอนนี้กลับเรียกตนเองว่าริศาเหมือนชัชวาล ทำเหมือนตนเองอายุน้อยกว่า
ในตอนแรกสาริศาคิดว่าจะเรียกชื่อออกไปตรงๆ แต่พอได้ยินแบบนี้ สาริศาก็รู้สึกเสียใจทีหลัง
“เอ่อ… เรามาปรึกษากันก่อนว่าฉันต้องเรียกเธอว่าอะไร” สาริศาคิดว่าควรปรึกษาเรื่องนี้กับ มิลินก่อนจะดีกว่า
“อุ๊บส์” มิลินหัวเราะออกมา คิดว่าสาริศาน่ารักจริงๆ ที่ถึงกับต้องกังวลกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้
“มีอะไรหรือเปล่า?” สาริศาไม่คิดว่าคำถามที่เธอถามออกไปจะน่าตลกตรงไหน
“เรียกมิลินก็พอแล้ว ไม่ต้องคิดอะไรมาก” หลังจากพูดจบ สาริศาก็สบายใจขึ้นบ้าง
ในเมื่อมิลินบอกว่าให้ตนเองเรียกเธอด้วยชื่อของเธอตรงๆ ถ้าอย่างนั้นก็เรียกชื่อเถอะ
“อรุณสวัสดิ์มิลิน” สาริศานึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้มิลินเพิ่งทักทายเธอ ส่วนเธอยังไม่ได้ทักทายกลับ จึงรีบกล่าวทักทาย
แต่มิลินกลับหัวเราะออกมาอีกครั้ง แล้วพูดว่าสาริศาน่ารักมาก
สาริศาหัวเราะตามมิลินสักพัก แต่ได้ยินเสียงของหัวหน้าบรรณาธิการดังขึ้นมา
“ทุกคนเงียบก่อนนะ” หัวหน้าบรรณาธิการยกมือหยุด แล้วมองไปยังทุกคนที่ยังคงพูดส่งเสียงดังอยู่ในตอนนี้
“นี่คือพนักใหม่ของบริษัทเรานะ ชื่อฌอน ทิวะศิริ”
พอมองไปที่หนุ่มน้อยตรงหน้า สาวๆ ส่วนใหญ่ก็มีแววตาตื่นเต้น ที่สำนักพิมพ์ไม่มีหนุ่มหล่อแบบนี้เข้ามานานแล้ว ทุกคนต่างก็อิจฉา
ฌอนมองไปที่สาริศา ไม่ได้รู้สึกอะไร ขอแค่ได้คุยกับสาริศาก็พอแล้ว
ทำงานมาตั้งแต่เช้า ฌอนถามคำถามแค่สองสามข้อ เพราะฌอนกับมิลินเหมือนกัน พวกเขามักจะให้เวลากับตัวเอง เพื่อใช้คิดเอง
มีแค่ต้องทำแบบนี้เท่านั้น ถึงจะสามารถพัฒนาความสามารถของตัวเองได้
“ริศา เข้ามานี่หน่อย”
สาริศาได้ยินเสียงของบรรณาธิการ จึงเดินตามเธอเข้าไปในห้อง
“เธอเตรียมตัวด้วย พรุ่งนี้ไปทำข่าวนอกสถานที่ แล้วพาฌอนไปด้วย ให้เขาได้ศึกษางานด้วย”
ปกติแล้วหัวหน้าบรรณาธิการจะไม่เลือกปฏิบัติกับพนักงานมาใหม่ ในทางกลับกัน เธอชอบฝึกสอนคนใหม่ เพราะแบบนี้ พวกเขาถึงสามารถมีอาชีพเลี้ยงตัวเองได้
เพราะจุดนี้ ธนพัตถึงได้เลือกเธอ
“อืม ได้ค่ะ” การไปทำข่าวนอกสถานที่สำหรับสาริศาแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ถึงแม้จะพาคนใหม่ไปทำงานด้วย แต่เขาไปเพื่อเรียนรู้งาน ไม่สามารถช่วยงานสาริศาได้มากเท่าไหร่ อย่างมากก็ช่วยเธอถือของเท่านั้น
แต่การเดาของสาริศาผิดไปแล้ว ฌอนไม่ได้ทำอะไรไม่เป็นอย่างที่สาริศาคิดไว้ แต่กลับแสดงความคิดเห็นหลายประเด็นออกมา
สาริศามีความคิดหนึ่งขึ้นมาในสมองเธอแก่แล้วจริงๆ ไม่เข้าใจหนุ่มสาวสมัยนี้แล้ว
คุณกำลังล้าหลัง ส่วนสังคมกำลังพัฒนา นี่คือจุดที่น่าเศร้าที่สุด
แต่โชคดี ที่สาริศายังไม่ถือว่าแก่เกินไป
“อาจารย์ครับ ดูตรงนี้สิครับ พวกเราควรเปลี่ยนวิธีการถาม ถ้าถามแบบนี้ น่าจะดีกว่านะครับ”
ฌอนมองไปที่คำถามที่ดูตรงเกินไป ถ้าถามแบบนี้ออกไปอีกฝ่ายจะต้องอึดอัดใจมากแน่ๆ
“ไม่เป็นไร ฉันตรวจสอบประธานของบริษัทนี้แล้ว ดูจากการจัดการปัญหาของเขาแล้ว ถึงจะถามแบบนี้ออกไปก็ไม่เป็นไร”
ทุกครั้งที่สาริศาออกมาทำข่าว เธอมักจะตรวจสอบข้อมูลไว้ก่อน รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...