“ได้ยินแล้ว” น้ำเสียงของสาริศาเย็นชามาก “แต่ฉันไม่อยากสนใจ”
ท่าทีเฉยเมยของสาริศาทำร้ายธีภพอย่างเจ็บแสบ เขากระชับกำข้อมือของสาริศา ออกแรงอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“คุณยังโกรธเรื่องในงานเลี้ยงอยู่เหรอ” ธีภพควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างยากลำบาก “เรื่องนั้นต้องขอโทษจริงๆ อีกอย่าง เรื่องรูปถ่ายผมไม่รู้เรื่องด้วยเลย คุณต้องเชื่อผมนะ ผมไม่ได้ต่ำช้าขนาดนั้น”
เดิมทีสาริศาไม่อยากสนใจธีภพ แต่เมื่อได้ยินเขาบอกว่า “คุณต้องเชื่อผมนะ” ประโยคนี้ทำให้เกิดแววเย้ยหยันในดวงตาอย่างช่วยไม่ได้ “เชื่อคุณงั้นเหรอ เชื่ออะไรคุณ เชื่อว่าคุณสุดแสนจะอยากให้ฉันเสื่อมเสียชื่อเสียงงั้นเหรอ หรือเชื่อว่าคุณพยายามที่จะอยากทรมานฉันกันล่ะ”
ธีภพสีหน้าซีดทันที ในน้ำเสียงมีความโกรธเล็กน้อย “สาริศา รู้จักกันมานานขนาดนี้แล้ว ผมเป็นคนยังไงคุณไม่รู้เหรอ ต่อให้ผมจะเกลียดคุณแค่ไหน ผมก็จะไม่ทำเรื่องต่ำช้าขนาดนั้น!”
คำพูดของธีภพ ทำให้สาริศายิ่งเบะปากเย้ยหยัน
เพียงแต่ครั้งนี้นอกจากเย้ยหยัน รอยยิ้มของเธอก็ค่อนข้างเศร้าและสิ้นหวังด้วย “ธีภพ คุณจะขอให้ฉันเชื่อคุณ แต่คุณเคยคิดไหมว่า คุณเคยเชื่อฉันบ้างหรือเปล่า”
ธีภพคิดไม่ถึงว่าสาริศาจะมาพูดประโยคนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะอึ้งไป
“พวกเรารู้จักกันนานขนาดนั้น คบกันมาสามปีเต็มๆ ฉันเป็นคนยังไง คุณไม่รู้เหรอ” สาริศาเลียนแบบการพูดของเขา ค่อยๆ พูดช้าๆ ดวงตาอดไม่ได้ที่จะแดง “แต่ตอนนั้น รูปถ่ายไม่กี่ใบ คำซุบซิบจากคนอื่น ก็ทำให้คุณลืมไปหมดว่าฉันเป็นคนยังไง แต่ไหนแต่ไรมาคุณชอบเชื่อทุกสิ่งที่คนอื่นพูด แต่ไม่ใช่ฉัน!”
ธีภพสั่นสะท้านในใจ
สาริศาหมายความว่ายังไง
เป็นการตำหนิเขาที่ไม่เชื่อเธอในตอนนั้นเหรอ
“สองเรื่องนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!” ธีภพอดไม่ได้ที่จะอารมณ์เสียขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล “ได้ ต่อให้สองปีก่อนผมจะเข้าใจคุณผิด งั้นคุณสามารถอธิบายได้ไหมล่ะว่า คุณที่เป็นนักข่าวธรรมดา ทำไมได้แต่งงานกับคุณอาของผม นี่เป็นหลักฐานที่ดีที่สุดไม่ใช่หรือไงว่าคุณพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะเข้าตระกูลใหญ่ ยังมีอีก บก.กองทัพเมื่อครั้งก่อน คุณอย่าคิดนะว่าผมไม่เห็นการโอนอ่อนของคุณ เรื่องนี้ผมไม่คิดบอกคุณอาเล็กก็นับว่าบุญแล้ว เกรงว่าเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาอยู่ข้างนอกน่ะคุณเป็นผู้หญิงแบบไหน!”
มองธีภพที่อยู่ตรงหน้า จู่ๆ สาริศาก็รู้สึกได้ว่าเมื่อครู่ตนโง่มาก ถึงได้พูดคำพูดพวกนั้นกับเขา
ตัวเองในใจของเขา เป็นผู้หญิงที่สกปรกมาตั้งนานแล้ว เธอยังจะคุยกับเขาเรื่องความเชื่อใจอีกเหรอ
เหอะ
เธอนี่มันโง่จริงๆ
เห็นสาริศาไม่พูดอะไร ธีภพยิ่งคิดว่าเธอปฏิเสธไม่ได้ สายตาเผลอไปสแกนรอยแดงที่ยังไม่เลือนหายไปจากลำคอของเธอ สัตว์ร้ายตัวนั้นในอกของเขา เหมือนจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
“คุณบอกว่าผมควรเข้าใจคุณ แต่เราคบกันมาสามปี สิ่งที่คุณให้ผมเห็น มันไม่ใช่ตัวคุณจริงๆ เลยสาริศา!” ธีภพตะคอก “สาริศาที่ผมรู้จัก แค่จับมือก็หน้าแดงแล้ว แต่ตัวคุณจริงๆ ล่ะ บนคอแสดงรอยชัดเจนขนาดนั้น คุณยังเดินอาดๆ อวดโฉมไปทั่ว สาริศา คุณยังมีความละอายอยู่ไหม”
ธีภพรู้ว่าคำพูดของตัวเองมันฟังดูแย่มาก ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาต้องไม่เชื่อแน่ว่าตัวเองจะพูดจาร้ายกาจแบบนี้ออกไป
แต่กับสาริศา เขาเหมือนผีเข้า เปลี่ยนไปไม่เป็นตัวเองเลย
สาริศามองธีภพที่อยู่ตรงหน้า สำหรับคำดูถูกของเขา เธอไม่ได้โกรธ และไม่ได้โต้แย้ง แค่สายตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ
“ธีภพ” จู่ๆ เธอก็พูดเสียงต่ำและเบามาก แต่กลับเย็นชาอย่างยิ่ง “หากวันหนึ่ง คุณพบว่าทุกอย่าง ล้วนเป็นเพียงจินตนาการของคุณเอง ถึงตอนนั้น ต่อให้คุณต้องการขอให้ฉันยกโทษให้ ฉันก็จะไม่มีทางยกโทษให้คุณ”
เมื่อพูดจบประโยคนี้ สาริศาก็สะบัดมือของธีภพทิ้ง ไม่มองเขาอีก หันหลังแล้วจากไป
ตลอดทางเดินออกจากห้องน้ำชา สาริศาเพิ่งรู้สึกว่าอกตัวเองเจ็บร้าว อ้าปากหอบหายใจ เหมือนจะระเบิด
เวลานี้ จู่ๆ มือถือของเธอก็ดังขึ้น
สาริศามองไปยังโทรศัพท์มือถือ ทันทีที่เห็นชื่อที่แสดงบนหน้าจอ เธอพลันอึ้งไป วินาทีต่อมาเธอก็ราวกับคว้าฟางเส้นสุดท้าย กดรับสายทันที
“ธนพัต......” ถึงขั้นที่ว่าคนในสายยังไม่ทันพูด เธอก็รีบพูดเสียก่อน
เสียงทุ้มต่ำของธนพัตที่ปลายสายดังขึ้น “สาริศา คุณอยู่ไหน”
สาริศาตกตะลึงไปทันที เปิดกล่องอาหาร เห็นตรงหน้าว่าเป็นอาหารเลิศรสฝีมือป้าแหวนนั่นเอง
สาริศาเงยหน้ามองธนพัตอย่างซื่อบื้อ “คุณมาที่บริษัทของพวกฉัน เพื่อมาส่งอาหารให้ฉันโดยเฉพาะเหรอ”
บางทีอาจเพราะสาริศามีแววตาแปลกใจมากเกินไป ธนพัตจึงเปิดเปลือกตาอย่างผิดธรรมชาติเล็กน้อย กระแอมไอเบาๆ “เปล่า ผมไปประชุมที่บริษัท มันทางผ่านก็เลยเอามาให้คุณ”
สาริศาหลุดขำพรืดอย่างช่วยไม่ได้
แม้ธนพัตจะเป็นคนฉลาด ก็มีช่วงเวลาที่พูดผิดพลาดเหมือนกัน
บริษัทของเธออยู่ทางทิศตะวันตก บ้านของพวกเขาอยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนบริษัทธนพัตอยู่ตรงกลาง ไหนเลยจะเป็น “ทางผ่าน” อย่างที่พูด
แต่สาริศารู้ว่าธนพัตนั้นหน้าบาง โดยธรรมชาติแล้วจึงไม่จับผิด แค่อุ้มกล่องอาหารไว้ในอ้อมแขน พูดเสียงแผ่วเบาว่า “ธนพัต ขอบคุณนะ”
ธนพัตจึงมองเธออีกครั้ง ในรถอันมืดสลัว ดวงตาของเขาราวกับทะเลดาว ส่องแสงระยิบระยับ
“ไม่ต้องขอบคุณ” เขาพูดเสียงต่ำ น้ำเสียงอ่อนโยนลงมากโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว “เอาขึ้นไปทานเถอะ ทำงานล่วงเวลามันไม่ดีที่จะออกมานานเกินไปใช่ไหม”
สาริศาพยักหน้า เปิดประตูรถและเตรียมจะลงไป
แต่ทันทีที่กำลังจะลงรถ จู่ๆ เธอก็มีความลังเลนิดหน่อย
ทันใดนั้นเธอก็หันหน้าไปมองธนพัต
ธนพัตมองเห็นความลังเลของสาริศา อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย “มีอะไรเหรอ”
มองดูชายหนุ่มหล่อเหลาตรงหน้า สาริศารู้สึกว่าหัวใจตัวเองเหมือนจะอ่อนนุ่ม แทบจะไม่ได้คิดอะไร เอ่ยปากพูดออกไปเสียงเบา “ธนพัต ฉันกอดคุณได้ไหม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หวานเย็น กรุ่นใจ
สวย แต่ โง่ดักดาน แล้วไงคุณนางเอก...
ทำไมนางเอกต้องเป็นควายตลอด...