เช้าวันต่อมา หยางเทียนเข้าเมืองกับหยางเสี้ยว สองพ่อลูกออกเดินทางตั้งแต่ปลายยามเหม่า วันนี้ทั้งสองคนรับหน้าที่นำสัตว์ป่าที่ล่ามาได้ของทุกคนไปขาย หยางเสี้ยวเอาเห็ดเยื่อไผ่แห้งบางส่วนพร้อมทั้งส่วนหมวกของเห็ดที่ตากจนแห้งดีแล้วไปด้วย
หยางเทาไปช่วยพี่น้องบ้านลู่ตัดไม้ไผ่ หยางเชวียนพาน้อง ๆ ไปขุดหน่อไม้พร้อมทั้งหาเห็ดเยื่อไผ่ไปด้วย แต่ว่าวันนี้พวกเขาโชคไม่ดีไม่พบเห็ดเยื่อไผ่เลย อาจจะเป็นเพราะว่าฝนยังไม่ตกลงมาด้วยก็เป็นได้
เด็ก ๆ ขุดหน่อไม้อย่างสนุกสนาน พวกผู้ใหญ่เองก็เร่งมือตัดไม้ไผ่ วันนี้พวกเขาไม่กลับไปกินข้าวที่บ้าน แต่เตรียมข้าวมากินที่ป่าไผ่ เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการเดินไปเดินกลับ
ลู่จื้อเห็นว่าควรตัดไม้ไผ่เอาไว้ให้มาก ตอนกลับบ้านในตอนเย็นค่อยขนกลับไปด้วย และจะช่วยกันขนทั้งหมดในวันที่ตัดไม้ไผ่วันสุดท้าย ทำแบบนี้จะได้ไม่เสียเวลามาก เพราะบ้านพวกเขาอยู่ห่างจากป่าไผ่มากกว่าบ้านของหยางเทียน
หยางเทียนเดินเท้าเข้ามาในเมือง เขาไม่ได้เร่งฝีเท้าให้เร็วมากนักเพราะกลัวว่าลูกชายจะเดินตามไม่ทัน หยางเสี้ยวรู้สึกอบอุ่นใจมาก ถึงแม้ว่าท่านพ่อคนนี้อาจจะใช่หรือไม่ใช่พ่ออาทิตย์ของเขาเมื่อชาติที่แล้ว แต่เขาสัมผัสได้ถึงความรักของพ่อที่มีต่อลูกคนหนึ่ง
เด็กชายรู้ว่าทุกคนรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง แต่ไม่มีใครซักถามเอาความกับเขา เรื่องนี้ทำให้เด็กชายได้รู้ว่า ต่อให้เขาเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ทุกคนในครอบครัวก็ยังรักเขาเสมอมา
ไม่ว่าเด็กชายจะตัดสินใจทำอะไร ท่านพ่อกับท่านแม่ไม่เคยกังขาในตัวเขา ในทางกลับกันพวกท่านพร้อมที่จะสนับสนุนเขาทุกครั้ง หยางเสี้ยวตั้งใจว่าจะต้องทำให้ครอบครัวอยู่ดีกินดี มีรากฐานที่มั่นคง น้อง ๆ ต้องได้เรียนหนังสือ ถึงตอนนั้นเขาจะได้เรียนรู้กับน้องชาย ความจริงแล้วเขาสามารถอ่านออกเขียนได้ หยางเสี้ยวคิดว่าน่าจะเป็นของขวัญที่พระเจ้ามอบให้เขาตอนที่เขาทะลุมิติมายังที่แห่งนี้ แต่เขาไม่กล้าบอกใครว่าเขารู้หนังสือ เพราะมันจะเป็นที่สงสัยมากไป เขาไม่อยากหาข้อแก้ตัวหรือโกหกอีกแล้ว
“เหนื่อยหรือไม่ลูก อดทนอีกหน่อยเกือบจะถึงแล้วล่ะ”
“ไม่เหนื่อยเลยขอรับท่านพ่อ ถ้าหากวันนี้การค้าราบรื่นดี ข้าอยากจะซื้อหนังสือฝึกคัดตัวอักษรไปให้น้องชายฝึก ถึงเวลาที่พวกเราจะส่งน้องชายไปเรียนที่โรงเรียนส่วนตัวในหมู่บ้านป่าหยกแล้วนะขอรับ”
“พ่อเห็นด้วย เดี๋ยวพ่อจะไปสอบถามอาจารย์ดูก่อนว่าต้องเตรียมตัวอย่างไร และค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ว่าแต่ลูกไม่อยากไปเรียนแน่นะ ไม่ต้องห่วงทางบ้านตอนนี้ พ่อรู้แล้วว่าภูเขาอู๋หลงไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น พ่อกับท่านลุงของเจ้าสามารถขึ้นเขาหาของป่าได้ ส่วนลูกไปเรียนพร้อมกับน้อง ๆ เสีย ยังมีพวกอาเชวียนอีก วันหยุดพวกลูกค่อยขึ้นเขาดีหรือไม่”
“เรื่องนี้คงต้องปรึกษาท่านปู่ก่อนนะขอรับ ส่วนเรื่องที่ท่านพ่อจะให้ข้าไปเรียนนั้นข้าไปกับน้องชายก็ได้ขอรับ แต่ข้าบอกไว้ก่อนนะข้าไม่อยากเป็นขุนนาง ข้าอยากเป็นชาวนาที่ร่ำรวย”
“ตกลง ๆ พ่อตามใจลูก พ่อรู้ว่าลูกของพ่อเก่งที่สุด”
“เก่งเหมือนท่านพ่อขอรับ”
สองพ่อลูกเดินคุยกันมาจนในที่สุดก็มาถึงประตูเมือง หยางเทียนเดินนำลูกชายไปที่โรงเตี๊ยมเยี่ยนไหลเพื่อขายไก่ฟ้าและกระต่ายป่า เมื่อเสี่ยวเอ้อร์เห็นหยางเทียนเดินมาก็รีบให้การต้อนรับอย่างดี
“หลงจู๊อยู่ด้านในขอรับ ตามข้าน้อยมาทางนี้เลยขอรับ”
“อ้าว หยางเทียนวันนี้มีของดีอันใดมา รีบ ๆ เข้ามา เอามาให้ข้าดูเร็วเข้า” หลงจู๊รีบทักทาย
“คารวะหลงจู๊ขอรับ วันนี้มีเพียงไก่ฟ้าและกระต่ายป่า ส่วนนี่เป็นลูกชายของข้าขอรับ”
“คารวะหลงจู๊ขอรับ”
“โอ้ สวัสดีเด็กน้อย ตามสบายไม่ต้องมากพิธีคนกันเองทั้งนั้น เดี๋ยวข้าให้คนเอาไก่กับกระต่ายพวกนี้ไปชั่ง เด็กน้อยในตะกร้าของเจ้ามีอันใดอยู่รึ”
“เห็ดเยื่อไผ่ตากแห้งขอรับ”
“อะไรนะ! เจ้าว่าเห็ดอันใดนะ”
“เห็ดเยื่อไผ่ตากแห้งขอรับท่านหลงจู๊”
“หะ..เห็ดเยื่อไผ่หรือ? รีบเอาออกมาให้ข้าดูเร็วเข้า”
“นี่ขอรับ ไม่ทราบว่าท่านหลงจู๊รับซื้อหรือไม่ขอรับ”
“รับสิ ต้องรับแน่นอนอยู่แล้ว แต่ขอข้าดูหน่อยว่าใช่เห็ดเยื่อไผ่จริงหรือไม่”
“นี่ขอรับ ท่านหลงจู๊ตรวจสอบได้เลยขอรับ” หยางเสี้ยวยกห่อผ้าที่ใส่ส่วนหมวกของเห็ดเยื่อไผ่เอาไว้ออกจากตะกร้า
“โอ้ เห็ดเยื่อไผ่จริง ๆ ด้วย อีกทั้งยังตากจนแห้งสนิท คุณภาพดีมากเลยทีเดียว ข้าไม่ได้เห็นเห็ดเยื่อไผ่มากี่ปีแล้วนะ นี่มันสมบัติล้ำค่าชัด ๆ เจ้าเด็กน้อยเจ้าช่างเป็นดาวนำโชคของข้าแท้ ๆ”
“ท่านหลงจู๊กล่าวเกินไปแล้วขอรับ เดิมทีข้าตั้งใจจะเอาไปขายให้กับร้านสมุนไพรน่ะขอรับ”
“ไม่ได้ ๆ เจ้าต้องขายให้ข้าสิ ข้าเป็นคนพบก่อน รับรองเลยข้าไม่กดราคาเจ้าแม้แต่อิแปะเดียวเลย”
“แล้วท่านรับซื้ออย่างไรเล่าขอรับ”
“จินละ 10 ตำลึง เจ้าพอใจหรือไม่”
“10 ตำลึงหรือขอรับ” หยางเสี้ยวไม่รู้ราคาเห็ดเยื่อไผ่ สำหรับเด็กชายแล้วเขาแบ่งมาขายเพียงสามส่วน อีกส่วนเก็บเอาไว้กินในครอบครัว เมื่อหลงจู๊เห็นเด็กชายเงียบไม่ตอบตกลงก็ร้อนใจเป็นอย่างมาก
“ จินละ 15 ตำลึง ข้าให้มากที่สุดได้เท่านี้แล้ว ว่าไงเจ้าหนูตกลงเจ้าพอใจหรือไม่”
“ตกลงขอรับ” หยางเสี้ยวตอบด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า
“เดี๋ยวให้คนเอาไปชั่ง เจ้ามาได้เวลาพอดีเลย ฮูหยินของนายท่านของข้ากำลังตั้งครรภ์ นางอยากกินเห็ดเยื่อไผ่ แต่ด้วยยังไม่ถึงฤดูกาลของเห็ด แต่ต่อให้ถึงฤดูกาลก็ใช่ว่าจะหาเจอได้ง่าย ๆ เจ้านับว่าช่วยให้ตำแหน่งของข้ามั่นคงขึ้นอีกนิด ขอบใจเจ้ามากเจ้าหนู”
“ไม่เป็นไร หามิได้ขอรับ ข้าเพียงแต่นำของมาขาย ท่านเองก็ให้ราคาที่ยุติธรรมสำหรับข้า เป็นข้าที่ต้องขอบคุณท่านขอรับ”
“ดี ดี ดีมาก เจ้าเด็กนี่อยู่เป็นจริง ๆ”
ในระหว่างที่หยางเสี้ยวกับหลงจู๊กำลังตกลงการค้ากันอยู่นั้น หยางเทียนได้แต่ตกตะลึงตั้งแต่ได้ยินว่า เห็ดเยื่อไผ่จินละ 10 ตำลึงแล้ว ตอนนี้สติรับรู้ของเขาหายไป ยืนนิ่งเป็นก้อนหินไปแล้ว เสี่ยวเอ้อร์ที่นำไก่ฟ้ากับกระต่ายป่าไปชั่งกลับมาพร้อมเงินค่าสัตว์ป่า เขายื่นเงินให้กับหลงจู๊แล้วนำเห็ดเยื่อไผ่ไปชั่งทันที
“นี่เงินค่าสัตว์ป่าของเจ้า ไก่ป่าทั้งหมด 30 ชั่ง ชั่งละ 20 อิแปะ เป็นเงิน 600 อิแปะ ส่วนกระต่ายป่า 20 ชั่ง ชั่งละ 18 อิแปะเป็นเงิน 360 อิแปะ นี่เจ้ารับไป”
“ท่านพ่อ ท่านพ่อขอรับ เป็นอันใดไปขอรับ” หยางเสี้ยวเขย่าแขนผู้เป็นพ่อ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หยางเสี้ยว หนูน้อยหัวใจแกร่ง