หลังจากโทรศัพท์เสร็จ ฉินเป่ยก็ส่งใบรายชื่อวัตถุดิบยาที่เขาต้องการทั้งหมดไป จากนั้นก็กลับบ้านทันที
เขาตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปรีโนเวทร้านเสียหน่อย เขาอยากให้แม่รู้ว่าเขามีการงานเป็นหลักแหล่งให้เร็วที่สุด แบบนี้ต่อไปแม่จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลมาก
เวลานี้ ณ บ้านตระกูลโจว
โจวเทียนเป่ยผู้นำตระกูลโจวโมโหโกรธาด่าทอเขาเป็นคนไร้ความสามารถทันทีที่เป็นแขนทั้งข้างของอากุ่ยใช้การไม่ได้
“อากุ่ย ตระกูลโจวของเราเลี้ยงดูแกมานานหลายปีขนาดนี้ ปกติแกกับพวกของแกไม่เคยกลัวอะไรใคร ครั้งนี้ฉันให้แกไปออกหน้าเอง แต่กลับถูกไอ้เด็กธรรมดานั่นจัดการ”
“แค่นั้นก็พอแล้ว แกยังปล่อยให้มันทำลายแขนแกไปข้างอีก”
“แกบอกฉันสิว่าแกมันไร้ความสามารถแค่ไหน!”
ความสามารถของอากุ่ย โจวเทียนเป่ยรู้ดี
ถึงความสามารถของเขาจะไม่ถึงกลับไม่ต้องเกรงกลัวใครในหยางตู แต่เขาก็มีฝีมือไม่ร้อย แต่เขาคิดไม่ถึงเลยว่านอกจากจะไม่ได้แขนขาของฉินเป่ยกลับมา ตัวเขายังโดนทำลายแขนไปหนึ่งข้าง
อากุ่ยนอนอยู่บนเปลหาม เขาถูกเพื่อนในทีมแบกกลับมา
สีหน้าของเขาขาวซีด หน้าตาเจ็บปวดสุดชีวิต
“ท่านผู้นำ ครั้งนี้ผมไม่สำเร็จภารกิจเป็นความผิดของผมเอง ผมยอมให้ท่านลงโทษครับ”
“แต่ว่าท่านผู้นำ เจ้าเด็กนั่นร้ายกาจมาก เขาไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ผมสัมผัสถึงกระแสลมปราณจอมยุทธ์ของเขาเลย”
“แต่หมัดนั่นของเขาอย่างนั้นก็ต้องเป็นการบำเพ็ญครึ่งหนึ่งของปรมาจารย์ อีกทั้ง ผมสงสัยว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์ครับ”
“สรุปแล้ว ท่านผู้นำต้องระวังฉินเป่ยไว้นะครับ ไอ้เจ้าเด็กนั่นมันร้ายกาจจริง ๆ ”
อากุ่ยกลัวจนหลอน ตอนนี้ระดับของจอมยุทธ์ถูกแบ่งออกเป็น ทัฬหะนอก ทัฬหะใน นักพรต ยอดนักพรต ปรมาจารย์ระดับชี่ ยอดปรมาจารย์ และราชาจอมยุทธ์…..
ตอนนี้คนที่เป็นปรมาจารย์ในเมืองหยางตูมีไม่เกินห้าคน คนที่เป็นยอดปรมาจารย์มีแค่สามคน ทุกคนล้วนมาจากตระกูลที่ร่ำรวยอันดับต้น ๆ และเป็นจวนเจ้าเมืองกับตำหนักเล็กที่เก้าแห่งตำหนักเทียนอ๋อง
ปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งสามารถเลี้ยงดูตระกูลเศรษฐีได้ทั้งตระกูล
คนที่บำเพ็ญสูงสุดในตระกูลโจวไม่ใช่เขา แต่เป็นโจวเทียนหนานผู้เป็นอารอง ที่ระดับพลังอยู่ครึ่งหนึ่งของระดับปรมาจารย์
อากุ่ยตั้งใจเตือนโจวเทียนเป่ย แต่โจวเทียนเป่ยกลับไม่เชื่อคำพูดของเขา
“อากุ่ย นี่แกเห็นฉันเป็นเด็กสามขวบหรือไง?”
“ไอ้เจ้าเด็กนั่นเป็นปรมาจารย์? ก่อนแกจะพูดคำนี้ออกมาช่วยใช้สมองหน่อยได้ไหม ในเมืองหยางตูมีคนเป็นปรมาจารย์กี่คน? คนไหนบ้างที่โจวเทียนเป่ยคนนี้ไม่รู้จัก?”
“คนไหนบ้างที่ไม่ได้อายุหกสิบเจ็ดสิบ?”
“ไอ้ฉินเป่ยมันเพิ่งอายุเท่าไร? แกบอกฉันว่ามันเป็นปรมาจารย์?”
“เศษสวะ พวกแกมันเศษสวะ”
“ไสหัวไป ไสหัวออกไปให้หมด ตระกูลโจวจะไม่เลี้ยงดูไอ้พวกสวะ!”
โจวเทียนเป่ยออกคำสั่งยุบทีมบอดี้การ์ดตระกูลโจวในทันที แต่ว่าตอนนี้เองที่โจวเทียนหนานน้องชายของเขาเดินออกมาจากห้องด้านหลัง
“พี่ใหญ่ พี่ไม่ต้องโมโหหรอก ผมเข้าใจเรื่องราวแล้ว ให้ผมจัดการเถอะ!”
“ความสามารถของอากุ่ยผมรู้ดี ผมเชื่อคำพูดของเขา เจ้าเด็กฉินเป่ยนั่นร้ายกาจมาก แล้วเขาเป็นปรมาจารย์หรือไม่ เราจะได้รู้กันเร็ว ๆ นี้”
“เมื่อกี้ผมเพิ่งได้รับข้อความมาว่า หงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงครามกลับไปถึงหน่วยผู้บัญชาการแล้ว อีกห้าวันเธอจะมาเปิดตัวที่เมืองหยางตู แล้วก็ประกาศเรื่องสำคัญมากเรื่องหนึ่ง”
“ข่าวนี้จะถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ทั้งเมืองหยางตูใกล้จะได้รู้กันหมด”
“ตอนนี้เราได้ข่าวนี้มาแล้ว ก็จะต้องเตรียมการทั้งหมดให้พร้อม ผมคิดว่าเรื่องที่หงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงครามจะประกาศน่าจะเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยา”
“นี่เป็นสายที่ตระกูลโจวของเราแข็งแกร่ง เราจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้ได้ ขอแค่เราเหยียบไปถึงขั้นหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงคราม อย่าว่าแต่ฉินเป่ยเป็นปรมาจารย์เลย ต่อให้เป็นยอดปรมาจารย์ก็เป็นแค่มดในสายตาหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงคราม!”
“พี่ใหญ่ ผมหวังว่าพี่จะทำเพื่อตระกูลโจวเราเป็นสำคัญ”
“นอกจากนั้น แพทย์เซียนที่มาจากแดนมังกรจะมาถึงหยางตูในอีกสองชั่วโมง ในฐานะผู้นำตระกูลโจว ผมหวังว่าพี่จะไปรอต้อนรับเขาที่สนามบินด้วยตัวเอง”
“มีแพทย์เซียนอยู่ขาสองข้างของเสี่ยวห้าวต้องรักษาหายแน่ เขาจะต้องกลับมายืนได้อีกครั้ง”
“ส่วนเรื่องฉินเป่ย ผมจะให้เขาสนุกอีกสักสองสามวัน แล้วผมจะไปชำระแค้นมันเอง”
คำพูดของโจวเทียนหนานทำให้ความโมโหของโจวเทียนเป่ยมลายหายไปสิ้น เขาพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “น้องรอง ข้อความของนายถูกต้องใช่ไหม?”
“ถูกต้องแน่นอน นี่เป็นข่าวที่ผมได้มาจากกรมการทหารเมื่อกี้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณภรรยาเทพนักรบของผม
ต้องการอ่านต่อต้องทำยังไงคะ...
อยากอ่านต่อต้องทำยังไงคะ...
ไม่ไปต่อแล้วเหรอครับ...
บทที่ 11-14 หายไปไหนเหรอครับ...