คำพูดเหล่านั้นของเวินซูซูทำให้เฉินเหมยลี่โกรธจนปอดแทบจะระเบิดออกมา!
“ยัยผู้หญิงน่าเกลียด แกพูดว่าใครโง่เขลา? แล้วแกพูดว่าใครอัปลักษณ์กันฮะ?”
เฉินเหมยลี่พุ่งเข้าไปหาเวินซูซูด้วยความโกรธ!
เพียะ!
เวินซูซูตบออกไปหนึ่งฉาด และเฉินเหมยลี่ก็เซจนเกือบจะล้มลง
เธองงงวยและโมโห ท่วมท้นไปด้วยความโกรธ
ฉินเป่ยนั่งจิบชาข้าง ๆ อย่างสบาย ๆ แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าเวินซูซูจะอารมณ์ร้อนขนาดนี้ พอพูดคุยกันไม่ลงรอยก็ลงมือแล้ว
โชคดีที่เธอมีภูมิหลังที่ลึกล้ำ ไม่เช่นนั้นฉินเป่ยจะต้องคิดว่าตัวเองมีเรื่องลำบากแล้วเป็นแน่
หญิงแก่เฉินเหมยลี่คนนี้ทำร้ายใครจนเจ็บไม่ได้ แต่เธอข่มขู่คนได้
ฉินเป่ยนั้นไม่อยากเกี่ยวข้องใด ๆ กับเธอ!
“แก กล้าตบฉันเหรอ? แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? !”
ในขณะนี้ เฉินเหมยลี่ปิดหน้าเอาไว้พร้อมกับจ้องมองไปที่เวินซูซู ด้วยสายตาที่แทบอยากจะกินเธอเข้าไป
เพียะ!
เวินซูซูตบออกไปอีกฉาด
“แกเป็นใครฉันไม่รู้และไม่อยากรู้ด้วย แต่แน่นอนว่าแกไม่รู้แน่ ๆ ว่าฉันเป็นใคร! ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสแกมีชีวิตอยู่ต่อ คุกเข่าลงขอโทษคุณฉินซะ!”
“อะไร? แก แกให้ฉันคุกเข่าลงขอโทษฉินเป่ยที่เป็นนักโทษเหรอ?”
“แกคิดว่าแกเป็นใคร แล้วคิดว่ามันเป็นใครกัน?”
“มันคู่ควรแล้วเหรอ?”
เพียะ เพียะ……
เวินซูซูยิ่งตบก็ยิ่งเสพติด การตบสองสามครั้งนี้ทำให้ผิวของเฉินเหมยลี่ฉีก และเลือดเต็มไปหมด!
“โอ้ ๆ ……ฉันจะเอาแกถึงตาย แกรอฉันก่อนเถอะ!”
เฉินเหมยลี่ใกล้จะบ้าแล้ว เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรหาหยางลี่ลูกสาวของเธอ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หยางลี่ก็ปรากฏตัว
“ใครตบแม่ฉัน?”
“ฉินเป่ย? ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
“เป็นนายที่ตบแม่ฉันเหรอ? นายรนหาที่ตายแล้ว!”
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่น่าเศร้าของเฉินเหมยลี่ หยางลี่ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เฉินเหมยลี่เห็นลูกสาวปรากฏตัวมาแล้ว ก็รีบวิ่งไปหยุดตรงหน้าเธอพร้อมพรั่งพรูคำพูดไร้สาระต่าง ๆ มากมาย พูดฉอด ๆ ไม่ยอมหยุด ในตอนนี้ ฉินเป่ยพ่นใบชาที่อยู่ในปากออกมา ก่อนจะกางมือทั้งสองออกและมองไปยังเวินซูซูพร้อมกล่าวขึ้นว่า”เธอลงมือเอง และก็ตบเองนะ ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย!”
พอเวินซูซูได้ยินคำพูดนี้ของฉินเป่ย ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งเมืองหยางตูเธอไม่เคยกลัวใครมาก่อน เธอวางมือข้างหนึ่งลงบนเอวทันที และมืออีกข้างก็ชี้ไปที่ใบหน้าของตัวเอง พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “ฉันเป็นคนตบเอง แม่แกมันไม่มีการศึกษา แถมปากก็เหม็น ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นมลพิษต่อหูของคุณฉินแต่ยังเป็นมลพิษต่อโลกทั้งใบอีกด้วย!”
“ดังนั้น ฉันก็เลยอดที่จะลงมือสอนเธอไม่ได้ ทำไม เธอมีปัญหาเหรอ?”
“แกล่ะ แกจะคุกเข่าลงขอโทษคุณฉินพร้อมกับแม่แกเลยด้วยไหม? หรือว่าจะลองชิมรสชาติตบของฉันดูก่อน?”
“เหอะ ๆ คุณฉินเหรอ? เขาเป็นแค่นักโทษที่ผ่านการบำบัดมาแล้ว จะให้ฉันกับแม่ฉันคุกเข่าขอโทษให้แกอย่างงั้นเหรอ?”“
“เขาคู่ควรเหรอ?”
“แกเป็นใคร? แล้วแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร?”
“เธอได้ยินถูกแล้วล่ะ ฉันชื่อหยางลี่ ตระกูลหยางของฉันจะรวมกับตระกูลระดับสามเร็ว ๆ นี้ และฉันก็เป็นถึงคู่หมั้นของนายน้อยโจวหรือโจวห้าวของตระกูลระดับสามอย่างตระกูลโจว”
“ไงล่ะ? กลัวแล้วหรือยัง? ถ้ากลัวแล้วก็คุกเข่าลงขอโทษแม่ฉันซะ และแกกับฉินเป่ยก็ตบหน้าตัวเองร้อยครั้งซะด้วย!”
“เหอะ ๆ ฉินเป่ย คิดไม่ถึงว่านักโทษที่ผ่านการบำบัดมาแล้วแบบนายจะมีความสามารถขนาดนี้ นังบ้าสองคนที่สมคบคิดกันตอนอยู่ในโรงพยาบาลอยู่ไหนแล้วล่ะ?”
“สมคบคิดกับนังบ้านั่นเร็วขนาดนี้เลยเหรอ? โชคดีที่ฉันแยกทางกับนายไปตั้งนานแล้ว!”
“ไม่งั้น……”
เพียะ!
“เขากำลังช่วยงานหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงครามอยู่ รู้หรือเปล่าว่าหงส์ปัณฑูรเทพีแห่งสงครามเป็นใคร?”
“เหอะ ๆ ทำไมฉันต้องมาเปลืองน้ำลายคุยกับนักโทษที่เพิ่งบำบัดออกมาอย่างนายให้มากความด้วยนะ สรุปคือ ฉินเป่ยฉันจะบอกนายให้นะ คราวนี้นายตายแน่!”
“ฉันจะให้โอกาสนายมีชีวิตเป็นครั้งสุดท้ายละกัน คุกเข่าลงขอโทษฉันกับแม่ฉันซะ จากนั้นก็ไปคุกเข่าขอโทษพี่ห้าวที่โรงพยาบาลต่อ!”
“เห็นแก่ที่เราเคยเกือบได้เป็นสามีภรรยากัน ฉันจะขอร้องให้พี่ห้าวเหลือร่างทั้งร่างของนายกับพ่อแม่นายเอาไว้ให้!”
“โอ้ เป็นเช่นนี้เอง งั้นฉันจะให้โอกาสหนึ่งกับเธอ โทรเรียกใครสักคนมาสิ!”
“ไม่เช่นนั้นเธอกับแม่ของเธอเกรงว่าวันนี้คงออกไปไม่ได้แล้วล่ะ ใช่ไหมแม่นางซูซู?”
ฉินเป่ยมองไปที่เวินซูซู ด้วยท่าทางที่บอกว่าถึงตาที่เธอต้องแสดงต่อแล้ว
เวินซูซูเข้ามารับช่วงต่อ และพูดกับหยางลี่ว่า”เธอควรจะฟังที่คุณฉินพูดนะ รีบโทรเรียกใครมาซะ ไม่งั้นฉันเกรงว่าฉันจะอดกลั้นไม่ไหวจนตบเธอกับแม่ของเธอที่อัปลักษณ์คนนี้จนตาย!”
“ไม่ใช่สิ เธอเองก็อัปลักษณ์!”
“ได้ นี่คือพวกแกสองคนรนหาที่เองนะ!”
หยางลี่กำลังจะบ้าอยู่แล้ว ใบหน้าที่เพิ่งรักษาจนหายดีก็กลับมาเสียโฉมอีกครั้ง ตอนนี้เหลยเทียนหมิงก็กำลังรักษาขาทั้งสองข้างให้กับโจวห้าวอยู่ในโรงพยาบาล และเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ระหว่างเธอกับเหลยเทียนหมิงก็ทำให้เธอรู้สึกผิดเอามาก ๆ
ดังนั้นเธอจึงไม่ได้เตรียมการที่จะโทรไปหาโจวห้าวกับคนในตระกูลโจว แต่โทรไปหาเหลยเทียนหมิงโดยตรง ให้เขามายังที่นี่
เธอเชื่อว่าเหลยเทียนหมิงจะต้องหาความเป็นธรรมให้เธอได้แน่นอน เพราะเขายังอยากเก็บความสัมพันธ์แบบนั้นกับเธอเอาไว้ต่อแน่ ๆ
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง
ในที่สุดเหลยเทียนหมิงก็มาปรากฏตัว แต่พอเขาเพียงเหลือบมองไปที่ประตูของคลินิก เขาก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง”ฮ่าฮ่าฮ่า คลินิกนี้จะต้องดีที่สุดในเมืองหยางตูแน่นอน ฉันอยากได้คลินิกนี้!”
“เฮ้ เจ้านายของพวกแกล่ะ รีบไปพาเขาออกมาเดี๋ยวนี้!”
“แม่นางซูซู เจ้าทึ่มคนนี้เป็นใครกัน? เป็นญาติของพวกเธอเหรอ?”
“จะบ้าเหรอ ตระกูลพวกเราไม่มีญาติแบบเจ้าทึ่มนี้สักหน่อย คุณฉิน คุณอย่ามาพูดจาไร้สาระนะ!”
หลังจากอยู่ด้วยกันในช่วงสั้น ๆ เวินซูซูก็พบว่าฉินเป่ยนั้นลึกลับเกินกว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้เสียอีก และเธอก็พบว่าเขานั้นยังเหมาะกับรสนิยมของเธอมากอีกด้วย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: คุณภรรยาเทพนักรบของผม
ต้องการอ่านต่อต้องทำยังไงคะ...
อยากอ่านต่อต้องทำยังไงคะ...
ไม่ไปต่อแล้วเหรอครับ...
บทที่ 11-14 หายไปไหนเหรอครับ...