เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าแล้วพูดว่า “ถูกต้อง ชันสูตรศพ ท่านทำไม่เป็นหรือ? ไม่เป็นไร ข้าทำเอง!”
เยี่ยนเว่ยฉือมองผางเหออวี้พร้อมรอยยิ้ม ทำท่าทางกระตือรือร้นที่จะได้ทำหน้าที่
ผางเหออวี้ขมวดคิ้วและพูดว่า “เจ้า...เจ้าบ้าไปแล้วรึ? สวีเหม่ยเหรินกับองค์ชายน้อยสิ้นพระชมน์ไปหลายวันแล้ว อีกทั้งศพก็อยู่ในโลง กำลังรอทำพิธีฝัง เจ้าจะไปรบกวนวิญญาณคนที่ตายไปอย่างสงบแล้วทำไม?”
เยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างไม่เห็นด้วย “ท่านใต้เท้าพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก ในมุมมองของข้า มีเพียงการหาสาเหตุการตายที่แท้จริงและคืนความยุติธรรมแก่ผู้ตายเท่านั้น นั่นถึงจะทำให้ผู้ตายจะได้พบความสงบอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ตามกฎของวังหลวง พระสนมที่มีบุตรจะต้องมีการตั้งศพไว้ในห้องนอนเป็นเวลาเจ็ดวันจึงจะทำการฝังได้ ซึ่งวันนี้ก็เป็นวันที่เจ็ดพอดี!”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการชันสูตรศพ
ฮองเฮานั่งอยู่บนที่ประทับสูงสบสายตากับซ่างกวนหลี โอรสของนาง
ซ่างกวนหลีพยักหน้าเล็กน้อย เป็นการบอกว่าเยี่ยนเว่ยฉือพูดถูก ร่างของสวีเหม่ยเหรินยังไม่ถูกฝัง
ฮองเฮาขมวดคิ้วพลางคิดว่าจะขวางอีกฝ่ายอย่างไร ขณะนั้นฮ่องเต้คังอู่ก็ตรัสอย่างจริงจัง “เช่นนั้นก็ลองชันสูตรดู!”
ทันทีที่ตรัสจบ ฮ่องเต้คังอู่ก็ทรงลุกขึ้นยืน ดูเหมือนทรงตั้งใจจะเข้าไปชมการชันสูตรศพด้วยตัวเอง
……
ณ ตำหนักชิงเหอ
ผู้ดูแลตำหนักชิงเหอคือเสียนเฟย* และสวีเหม่ยเหรินก็อาศัยอยู่ที่เรือนรอง
ฮ่องเต้คังอู่ทรงเมินเสียนเฟยที่มาต้อนรับและตรงไปยังห้องนอนของสวีเหม่ยเหริน
ขณะนี้มีผ้าแพรขาวแขวนไว้ในห้อง และมีควันธูปลอยคละคลุ้ง ยังคงมีสภาพเหมือนโถงไว้ทุกข์ไม่เปลี่ยนแปลง
โลงศพของสวีเหม่ยเหรินเป็นแบบครึ่งเปิดครึ่งปิด โดยเปิดให้เห็นตั้งแต่ช่วงไหล่ขึ้นไป ให้คนได้เคารพศพของนาง
ส่วนร่างขององค์ชายน้อยที่เสียชีวิตตั้งแต่เยาว์วัยนั้น ได้ถูกปิดผนึกโลงศพแล้วส่งไปสวดทำพิธีที่วัดสือหางนอกเมืองแล้ว
ขณะที่ทุกคนเดินเข้าไปในโถงไว้ทุกข์ ผางเหออวี้ก็พูดขึ้นมา “ทูลฝ่าบาท ทั้งสวีเหม่ยเหรินและองค์ชายน้อยต่างก็ถูกเชือดคอด้วยมีด บาดแผลนั้นชัดเจนมาก ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบเพิ่มเติมแล้วจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้คังอู่ทรงเมินผางเหออวี้ และทอดพระเนตรไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ “เจ้าไปดูสิ!”
เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า จากนั้นก็รีบเดินไปที่โลงศพของสวีเหม่ยเหริน
แม้สวีเหม่ยเหรินจะเสียชีวิตไปแล้วเจ็ดวัน ทว่าด้วยอากาศในเดือนสามที่เย็นสบายประกอบกับผงกันเน่าเปื่อยที่โรยเอาไว้ทั่วร่าง สภาพศพจึงค่อนข้างสมบูรณ์และไม่ค่อยมีกลิ่นมากนัก
เยี่ยนเว่ยฉือก้าวไปข้างหน้า พยายามดันฝาโลงศพที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง แต่ไม่ขยับเลย
ฮ่องเต้คังอู่ตรัสเสียงเย็น “ใครก็ได้ไปช่วยนางหน่อย”
เหล่าขันทีและนางกำนัลในตำหนักชิงเหอต่างก็มองไปที่ฮองเฮา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตฟ้าหมอชายากับรัชทายาท