เว่ยจื้อโหยวที่วันนี้ว่างมาก งานพลิกหน้าดินก็ทำเสร็จแล้ว ในระหว่างที่ต้องใช้เวลาตากหน้าดินหลายวัน ในระหว่างรอนางจึงคิดว่าสมควรจะเข้าป่าเพื่อหาของป่านำไปขายเหมือนกับชาวบ้านคนอื่น
ไม่แน่ว่านางที่มาจากอนาคตอาจจะพบเจออะไรที่กินได้แต่ชาวบ้านที่นี่ไม่รู้จักก็เป็นได้ ป่ายังคงความอุดมสมบูรณ์มากขนาดนี้นางมั่นใจว่าจะต้องมีของกินมากมายในป่าที่สามารถทำเงินให้กับนางได้แน่นอน
เมื่อคิดได้ว่าจะเข้าป่ามันก็ต้องมีการเตรียมตัวกันสักนิด ก่อนอื่นต้องหาเสียมเล็ก ๆ หรือพลั่วเล็ก ๆ ติดตัวไปด้วย ต่อมาก็เป็นมีด กระบอกใส่น้ำดื่ม แล้วอาวุธล่ะจะเอาอะไรติดตัวไปด้วย ธนูสามีของนางก็เอาติดตัวไปด้วยแล้ว ลองหาในห้องเก็บของดูเผื่อจะมีหลงเหลืออยู่บ้าง
เว่ยจื้อโหยวค้นหาของในห้องเก็บของนางพบธนูอันใหญ่ที่มีสภาพเก่าแล้วแต่ยังอยู่ในสภาพดี พร้อมทั้งลูกธนูอีก 1กระบอกมีประมาณ 15 ลูกได้ นี่อาจจะเป็นสมบัติตกทอดมาจาดพ่อสามีก็เป็นได้
นอกจากธนูแล้วนางยังเอาเชือกสำหรับกับดักสัตว์ไปด้วย หลังจากหาของที่ต้องการครบแล้วนางก็นำไปใส่ตะกร้าไม้ไผ่อันใหญ่ยกขึ้นสะพายหลังเตรียมเข้าป่าตามที่ตั้งใจเอาไว้
เว่ยจื้อโหยวสะพายตะกร้าออกจากบ้านอย่างอารมณ์ดี จากนั้นเดินไปบอกน้องชายน้องสาวที่แปลงผักหลังบ้าน หากว่านางเข้าป่าไปโดยไม่บอกกล่าวเด็กทั้งสองคงได้ตกใจคิดว่านางหนีไปแน่ ๆ
“อาซวน อาเฟย พี่สะใภ้จะขึ้นเขา หากใครมาเรียกอย่าได้เปิดประตูให้เข้ามาในบ้านเข้าใจหรือไม่ ยกเว้นคนที่บ้านเดิมของข้าเข้าใจหรือไม่ หากเป็นป้าสะใภ้มหาภัยของพวกเจ้ายิ่งไม่ต้องเปิดและไม่ต้องไปฟังในสิ่งที่นางพูดหากนางกล้ารังแกพวกเจ้าข้าจะไปจัดการนางเอง เข้าใจหรือไม่”
“เข้าใจขอรับ”
“เข้าใจเจ้าค่ะ พี่สะใภ้อย่าเข้าไปในป่าลึกนะเจ้าคะ แล้วก็ ป่าด้านซ้ายห้ามเข้าไปเด็ดขาดเจ้าค่ะ พี่ใหญ่บอกว่ามีสัตว์ป่าดุร้ายมาก”
“ได้ ๆ ข้าเข้าใจแล้ว อาหารกลางวันทำเอาไว้ให้แล้วพวกเจ้าอุ่นกินได้เลย แล้วก็ถ้าแดดแรงกว่านี้พวกเจ้าอย่าออกมาถอนหญ้าตากแดดเข้าใจหรือไม่ประเดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้”
“ขอรับ”
“เจ้าค่ะ”
“ดีมาก ข้าไปล่ะ ประเดี๋ยวจะหาของอร่อยมาฝาก”
หลังจากสั่งความเด็กทั้งสองคนแล้วนางก็เดินเข้าป่าไปด้วยความเบิกบานใจ “รอข้าก่อนนะไม่ว่าอะไรที่สามารถกินได้ข้าจะขนให้เกลี้ยงป่า หึ ไม่ว่าใครก็ตามที่ส่งนางมาในที่แห่งนี้อยากจะให้นางมาอดตายอีกรอบใช่หรือไม่ ไม่เห็นเหมือนนิยายที่เคยอ่านเลย อะไรก็ไม่ให้ช่างใจดำอำมหิต แถมยังเกิดศึกสงครามอีกด้วยมันจะเกินไปแล้วจริง ๆ หึ หากเป็นชายส่งข้ามาข้าก็ขอให้ไอ้นั่นใช้การไม่ได้ หากเป็นหญิงส่งข้ามาข้าก็ขอให้ไม่มีสามี โทษฐานที่ส่งให้ข้ามามีสามีแต่ยังไม่ทันได้แซ่บก็ต้องโดนเกณฑ์ไปเป็นทหารเสียแล้ว”
เว่ยจื้อโหยวเดินไปบ่นไป นางไม่รู้หรอกว่าคำพูดของนางและคำสาปแช่งนั้นกระทบกระเทือนต่อใครหลาย ๆ คนในเบื้องบน ที่ตอนนี้กำลังมองลงมาที่นางด้วยใบหน้าดำคล้ำเป็นตับหมู
“ฮ่า ฮ่า ดูท่าว่านังหนูนั่นจะแค้นใจพวกเจ้าสองคนมากนะ ใครให้พวกเจ้าทะเลาะกันแล้วสะดุดเส้นชะตานางขาดก่อนวัยอันควรกันเล่า แถมยังส่งให้นางไปยังโลกคู่ขนานที่ไม่มีในหน้าหนังสือประวัติศาสตร์โลกอีก นางไม่สามารถคาดเดาเหตุการณ์อะไรได้ ก็สมแล้วที่นางก่นด่าสาปแช่งพวกเจ้าอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน” เทพโอสถ
“หุบปากของท่านไปเลย ก็ใครใช้ให้ตาเฒ่าจันทรามาพูดจาล่วงเกินข้าก่อน” เทพพฤกษา
“หนอย ยายเฒ่าต้นไม้ ข้าไปพูดล่วงเกินอะไรเจ้าหรือข้าแค่บอกว่าเจ้าอายุมากนับแสนปีอะไร ๆ มันก็คงเป็นไปตามกาลเวลาที่ข้าพูดไม่ถูกหรือ”
“ข้าว่าพวกเจ้าเลิกทะเลาะกันเถอะประเดี๋ยวก็เกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรอก ดีนะท่านมหาเทพไม่อยู่ไม่เช่นนั้นล่ะก็พวกเจ้าได้ลงไปชดใช้แน่ ๆ แล้วพวกท่านสองคนจะปล่อยให้นางก่นด่าไปเช่นนี้เรื่อย ๆ รึ” เทพโอสถ
“จะทำเช่นใดได้ข้าเองก็ไม่มีอะไรจะให้นาง ความรู้ความสามารถแต่เดิมของนางก็ติดตัวมาจากภพชาติที่แล้วก็น่าจะพอแล้วนี่ ยังจะต้องการอะไรอีก” เทพจันทรา
“โอ ตาเฒ่านี่นอกจากไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีแล้วยังไม่คิดชดใช้ข้าล่ะเชื่อเขาเลย” เทพพฤกษา
“เหอะ ข้าเป็นแค่เทพจันทราตัวเล็ก ๆ จะไปมีอะไรให้นางกัน ข้าก็ให้สามีกับนางแล้วยังไง ยังจะต้องการอะไรจากข้าอีก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตรักภรรยาตัวร้าย