ลี่รุ่ยหงเพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาในวันถัดไป สภาพเขาดูอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยาก และดูซอมซ่อสุดๆ
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ลี่รุ่ยหงเสียหน้าอย่างมากขนาดนี้ เรียกได้ว่าอับอายขายหน้าสุดๆ และยากจะยอมรับ
ยิ่งไปกว่านั้น พอกลับถึงบ้าน ก็โดนพ่อของเขาลี่เฟิงหางดุด่าแบบไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย ทำเอาเขาอัดอั้นจนแทบระเบิด
ลี่เฟิงหางยังพูดไว้อย่างชัดเจน ห้ามไปแก้แค้นเด็ดขาด! แถมยังต้องไปขอโทษซ่งเจียอวี่เพื่อให้เธอยกโทษให้อีกต่างหาก
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานรุนแรงมาก จนทำให้ลี่เฟิงหางตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ต้องรีบโทรหาเหล่าผู้นำในเมืองหลวงอธิบายแทบทั้งคืน บอกไปว่า เด็กมันยังไม่เข้าใจโลก วู่วามไปหน่อย แต่ไม่มีเจตนาทำลายสมดุลอะไรทั้งนั้น
ลี่เฟิงหางจึงสั่งให้ลี่รุ่ยหงอยู่นิ่งๆ สักพัก อย่าริอาจไปสุงหางกับพวกฉีเติ่งเสียนอีก ไม่งั้นจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน
เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ทำให้ลี่เฟิงหางได้กลิ่นแปลกประหลาดบางอย่าง เขารู้สึกได้ว่า จังหวัดซีเทียนอาจจะกำลังมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้!
ตำแหน่ง ผู้ว่าฯ ของเขา ก็ไม่รู้ว่าจะรักษาไว้ได้หรือเปล่า
ด้านซ่งเจียอวี่ หลังจากที่ลี่รุ่ยหงมาหาเธอ ก็ไม่ได้ทำตัวเรื่องมากอะไร แค่ยิ้มๆ แล้วพูดแค่ว่าเรื่องมันผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านไป ไม่ต้องเก็บเอามาคิดหรอก
หลังจากลี่รุ่ยหงกลับไปแล้วซ่งเจียอวี่ก็โทรหาฉีเติ่งเสียนทันที “เป็นอย่างที่คุณว่าเลยลี่รุ่ยหงถูกปล่อยตัวออกมา แล้วก็รีบมาขอโทษฉันด้วย”
ฉีเติ่งเสียนตอบเรียบๆ ว่า “ก็ดีแล้วที่มาขอโทษ เรื่องใหญ่ขนาดเขย่าระบบเผิงไหลได้ ต่อให้เป็นลี่เฟิงหางก็แบกไม่ไหวหรอก”
ซ่งเจียอวี่จึงกล่าวว่า “ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องขอบคุณคุณมาก เอาไว้ถ้ามีเวลาว่าง ฉันจะเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ”
ฉีเติ่งเสียนรับปาก แล้วก็วางสายลง หลังจากเรื่องเมื่อวาน เขาก็ถือว่าเปิดตัวอย่างเป็นทางการในหมู่บรรดาผู้นำฝ่ายขาวในจังหวัดซีเทียนแล้วเรียบร้อย
เขาตั้งใจจะไปหาฉีปู้อวี่ แต่พอไปถึงกลับพบว่าไอ้แก่นั่นไม่รู้แว่บไปไหนอีกแล้ว หายตัวไร้ร่องรอย
ฉีเติ่งเสียนได้แต่ส่ายหน้าอย่างหมดคำพูด มีพ่อจิตวิญญาณป่าเถื่อนแบบนี้ มิวายให้ต้องปวดหัวจริงๆ เลย!
“ตอนบ่ายนายไปเจอลู่กั๋วเซวียนกับฉันหน่อย เขาอยากเจอนายมาก ฉันจะไปเซ็นสัญญาเข้าซื้อกิจการกับเขาด้วย” หยางกวนกวนกล่าว “ส่วนเงินน่ะ จะใช้จากบัญชีนายก่อนนะ”
ฉีเติ่งเสียนได้ฟังถึงกับตาค้าง “เดี๋ยวๆ เธอจะซื้อบริษัทของเขา แล้วให้ฉันควักเงินจ่ายเนี่ยนะ!?”
หยางกวนกวนพูดเสียงเรียบ “แน่นอนสิ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ ว่านายไปโกยกำไรจากการฮุบสมาคมหัวเมิ่นที่หนานหยางมาขนาดไหน!”
ฉีเติ่งเสียนรีบแก้ตัว “พระสันตะปาปาน่ะ เอาไปก้อนโตแล้ว ฉันจะเหลืออะไรสักแค่ไหนกัน?”
หยางกวนกวนแค่นหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “นายมีเงินแค่ไหน ตัวนายเองก็รู้ดี อย่ามาทำเนียนจนเกินไปหน่อยเลย!”
“ก็ได้……”ฉีเติ่งเสียนคิดถึงเงินสี่ร้อยหนึ่งสิบล้านที่เขาเพิ่งขูดรีดมาจากจั่วปู้ฝานเมื่อวานนี้ บวกกับอีกหนึ่งร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐที่ปั่นมาจากอวี่เฟิง ตอนนี้ก็รู้สึกว่าจิตใจเริ่มจะสมดุลขึ้นมานิดหน่อยแล้ว
ทั้งสองคนตรงมาที่บริษัทของลู่กั๋วเซวียน และก็ถูกพาเข้าไปยังห้องรับรองทันที
ลู่กั๋วเซวียนเป็นชายวัยกลางคน สวมสูทสีดำดูภูมิฐาน ใบหน้าเป็นทรงสี่เลี่ยมแบบชาวจีน แม้จะปลดประจำการจากกองทัพมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังคงมีอารมณ์ของทหารที่เต็มไปด้วยความซื่อตรงและมุ่งมั่นเฉพาะตัว
หยางกวนกวนแนะนำกับลู่กั๋วเซวียนว่า “พี่เซวียน คนนี้แหละค่ะที่พี่อยากเจอมาตลอด คุณฉีเติ่งเสียน”
ลู่กั๋วเซวียนรีบยืนตรง แสดงความเคารพ จับมือขวาของฉีเติ่งเสียนแน่น แล้วพูดว่า “ได้ยินชื่อเสียงมานานแล้วครับ ผมรู้สึกซาบซึ้งในทุกอย่างที่คุณทำให้ท่านผู้บัญชาการเก่า วันนี้ในที่สุดก็ได้พบตัวจริงสักที”
หยางกวนกวนอ่านเงื่อนไขในสัญญาอย่างละเอียด ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจก็ถามตรงๆ และลู่กั๋วเซวียนก็ตอบตรงไปตรงมา ไม่มีการบ่ายเบี่ยงหรือปิดบังใดๆ
ฉีเติ่งเสียนอดพยักหน้าเงียบๆ ไม่ได้ จริงอย่างที่คิดไว้ เพื่อนดีๆ ต้องดูจากคนจริงๆ ว่าคบกันได้หรือเปล่า อย่างสายสัมพันธ์ของลู่จ้านหลงนั้น ไว้ใจได้แน่นอน ไม่มีใครมีปัญหาด้านนิสัย เป็นพวกที่เชื่อถือได้ทั้งนั้น
เมื่อยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไรในสัญญา หยางกวนกวนก็หันไปบอกฉีเติ่งเสียนโอนเงิน “โอนเงินเลย ฉันเตรียมจะเซ็นแล้ว”
ลู่กั๋วเซวียนชะงักเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ให้น้องฉีเป็นคนจ่ายเงินเหรอ?”
หยางกวนกวนตอบ “ตอนนี้เขาเป็นพ่อค้างานด่วนไปแล้ว ก็ต้องให้เขาออกเงินสิ”
ฉีเติ่งเสียนผู้ขึ้นชื่อเรื่องเกาะกิน พอได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกหงุดหงิดในใจ แต่ก็ยังคงหยิบมือถือออกมา เตรียมโอนเงินสามร้อยล้านให้
ไม่นานนัก การโอนเงินก็เสร็จสิ้น ลู่กั๋วเซวียนได้รับเงินแล้วก็ยิ้มพลางพูดว่า “เงินเข้าเรียบร้อยแล้ว พอเซ็นสัญญาเสร็จ ข้อตกลงนี้ก็ถือว่าเสร็จสมบูรณ์ บริษัทนี้ก็ฝากไว้กับคุณแล้วนะ”
ขณะที่หยางกวนกวนเตรียมเซ็นสัญญา จู่ๆ ประตูห้องก็ถูกเตะเปิดอย่างแรง บอดี้การ์ดของบริษัทหลายคนถูกโยนเข้ามาในห้องรับรองเหมือนหมาตาย
ร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เป็นชายคนหนึ่งที่ดูอวดดีและยโสโอหัง สวมสูทแบรนด์เนมหรูหรา ใส่เสื้อเชิ้ตดำด้านในแต่ไม่ผูกไทด์ กระดุมเสื้อปลดสองเม็ด ดูเท่แบบไม่แคร์โลก
“คุณลู่คือไม่ชอบให้พูดดีๆ ชอบให้ใช้กำลังสินะ? คิดจะขายไจ้เย่กรุ๊ปแบบนี้เลยเหรอ?” ซุนซิงเฉินยิ้มเย็น พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างยิ่ง
ไจ้เย่กรุ๊ป ก็คือชื่อบริษัทนี้เอง ชื่อมีที่มาจาก -- จ้านหลงผู้ไร้ตำแหน่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...