องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 131

“ขอรับ ท่านอ๋อง”

หยางจงชำเลืองมองหลินกงกงพลางพยักหน้าเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม แล้วจึงรีบเดินออกไป

สีหน้าของรัชทายาทยังคงไร้ซึ่งอารมณ์อยู่บ้าง ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาประสานกันแล้วเอ่ยด้วยท่าทีเกรงใจ “รบกวนน้องหกแล้ว”

เมื่อหยางจงกลับเข้ามาอีกครั้งเพื่อแจ้งว่าอาหารเช้าถูกจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว

หลี่จุ่นก็รีบลุกขึ้นทันที เขาผายมือออกไปเพื่อเป็นการเชื้อเชิญ

“เสด็จพี่ เชิญ”

รัชทายาทพยักหน้ารับแล้วจึงลุกขึ้นเดินออกไปจากโถงรับแขก

เมื่อมาถึงห้องรับประทานอาหารก็พบว่ามีอาหารวางอยู่เต็มโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

ทั้งเต้าฮวย ซาลาเปา หมั่นโถว เต้าหู้ต้ม เต้าหู้ผัดต้นหอม ไข่ไก่ต้ม เห็ดหูหนูขาวตุ๋น...

เมื่อเห็นอาหารเช้าที่หลากหลายบนโต๊ะ สายตาของรัชทายาทก็เกิดเกร็งขึ้นมา เขามองไปยังหลินกงกงที่อยู่ข้าง ๆ อย่างอดไม่ได้

สายตาของหลินกงกงเองก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจเช่นกัน

อาหารเช้าของจวนอ๋องช่างเยอะเหลือเกิน

“อยู่ที่จวนข้า เสด็จพี่กินให้เต็มที่ได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ”

หลี่จุ่นเอ่ยด้วยรอยยิ้มหลังจากนั่งลง

รัชทายาทพยักหน้า สีหน้าของเขายังคงนิ่งเรียบ

สองพี่น้องนั่งตรงข้ามกันและพากันเริ่มกิน

รัชทายาทรู้สึกประหลาดใจกับอาหารบนโต๊ะเหล่านี้ยิ่งนัก

แม้มิได้เอ่ยอันใดออกมา แต่สีหน้าท่าทางของชายหนุ่มนั้นได้เปิดเผยจนหมดสิ้น ว่าแท้จริงแล้วภายในใจของเขามิได้สงบนิ่งเหมือนดั่งท่าทีที่แสดงออก

หลินกงกงที่ยืนอยู่ข้างกันนั้น เมื่อเห็นว่าองค์ชายของตนกินอาหารได้อย่างเป็นสุข จึงแอบกลืนน้ำลายด้วยนึกอิจฉาอยู่ในใจเป็นอย่างยิ่ง

อาหารบนโต๊ะในมื้อนี้มีความหลากหลาย เกรงว่าจะทำด้วยความประณีตและหลากหลายเสียยิ่งกว่าอาหารเช้าของฝ่าบาทเสียอีก

หรือการที่ฝ่าบาทตั้งใจให้รัชทายาทมากินอาหารเช้ากับจิ่งอ๋อง ก็เพราะรู้ว่าอาหารเช้าของจวนจิ่งอ๋องนั้นล้ำเลิศนักอย่างนั้นหรือ

เกิดความคิดนับไม่ถ้วนอยู่ภายในใจของหลินกงกงขึ้นมาในชั่วขณะนั้น

เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว หลี่จุ่นที่เห็นว่ารัชทายาทกินอาหารเช้าด้วยความพึงพอใจ ก็ใช้ผ้าเช็ดมุมปากเพื่อแสดงว่ากินเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“เสด็จพี่ ท่านพึงพอใจกับอาหารเช้ามื้อนี้หรือไม่” หลี่จุ่นเอ่ยถามออกไป

พอใจมากทีเดียวละ...

รัชทายาทเอ่ยตอบอยู่ในใจ ครั้นเมื่อเหลือบมองหลี่จุ่นแล้วกลับพยักหน้าตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ก็ไม่เลวนัก”

หลี่จุ่นยิ้มรับโดยไม่พูดอันใดที่เป็นการหักหน้า

ไม่เลวนักหรือ

ดูท่าแล้ว รัชทายาทเองก็เป็นคนที่ปากไม่ตรงกับใจน่าดูเชียวละนะ

หลินกงกงรีบพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มทันที “จิ่งอ๋อง ในเมื่อกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็คงไม่รบกวนท่านแล้วละ ขอตัวก่อน”

เมื่อหลี่จุ่นได้ยินก็รีบเอ่ยรั้งทันที “จะอยู่ต่ออีกสักหลายชั่วยามก็ได้ รอกินข้าวกลางวันเสร็จแล้วค่อยกลับไปก็ไม่สายหรอก”

ทว่า หัวข้อในสองวันนี้กลับไม่ใช่จ้าวเฟยเอ๋อร์ แต่เป็นเรื่อง ‘ไซอิ๋ว’

“ช่างเป็นหนังสือลึกล้ำจริง ๆ !”

“นั่นน่ะสิ ข้าไม่เคยพบเจอหนังสือนิยายเล่มใดที่สนุกได้อย่างน่าประหลาดเช่นนี้มาก่อน การได้อ่านหนังสือเล่มนี้ถือเป็นโชคดีในชีวิตนี้แล้วจริง ๆ“

ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างก็พากันพูดถึง ‘ไซอิ๋ว’ โดยถ้วนทั่ว

“ซุนหงอคงอาละวาดสวรรค์นั่นสนุกมากจริง ๆ น่าเสียดายก็แต่เขาดันถูกพระยูไลทับเอาไว้นี่สิ...”

“คุ้มครองพระถังซัมจั๋งไปอัญเชิญพระไตรปิฎกที่ชมพูทวีป นี่มันขี่ช้างจับตั๊กแตนชัด ๆ เลย”

“มนุษย์ต้นไม้นั่นก็ไม่รู้ว่าจินตนาการออกมาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ช่างเลิศล้ำมากเหลือเกิน”

“เสียดายที่สั้นเกินไป ข้าอ่านทั้งคืนก็อ่านจบแล้ว ข้าอยากจะรู้เนื้อหาเล่มต่อไปจริง ๆ”

“นี่ ๆ สหายหลิว ท่านตกต่ำถึงขนาดหลงใหลของชั้นต่ำเช่นนี้ได้อย่างไรกัน บัณฑิตอย่างเราควรใช้หนังสือปราชญ์เป็นการเตือนใจต่างหาก !”

มีคนชอบ ก็ย่อมมีคนดูแคลน

“เฮ้ ๆ สหายจ้าว นี่มันเป็นอคติของเจ้าแล้ว ข้าว่านะ ถ้าเจ้ามีโอกาสก็ลองอ่านนิยายเรื่องนี้ดู ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะชอบก็เป็นได้”

“หึ ข้าอายยิ่งนักที่อยู่กับพวกเจ้า หืม ข้าละอยากจะรู้นักว่าหนังสือเล่มนี้มีดีที่ตรงไหน ถึงได้ทำให้พวกเจ้าลืมคำเตือนจากนักปราชญ์ได้ ไหน ขอข้าดูหน่อยซิ”

“ไปเลย ๆ อยากดูก็ไปซื้ออ่านเองสิ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ !”

หลี่จุ่นและหยางจงค่อย ๆ เดินกันมาจนถึงถนนคนเดิน ได้ยินคนพูดถึง ‘ไซอิ๋ว’ อยู่ตลอดเวลา หยางจงยิ้มร่าอย่างมีความสุขพลางเอ่ยขึ้น

“ท่านอ๋อง ท่านดูสิว่า ‘ไซอิ๋ว’ เป็นที่นิยมมากขนาดไหนน่ะ”

หลี่จุ่นพยักหน้าด้วยความพึงพอใจแล้วเอ่ยขึ้น “อืม ได้เวลาเขียนเล่มต่อไปแล้วละ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน