องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 15

หลี่จุ่นออกมาอย่างรวดเร็ว และสายตาของหยางจงก็ดูแปลกไป

เหตุใดถึงได้จบเร็วเช่นนี้ล่ะองค์ชาย

เป็นไปได้ไหมว่า...องค์ชายจะทำไม่ได้?!

การคาดเดานี้ทำให้หยางจงรู้สึกประหลาดใจ เขาปิดมันไว้อย่างเงียบ ๆ และไม่กล้าเผยอะไรออกมา

หากองค์ชายทำไม่ได้ก็คือไม่ได้ ดูท่าว่าพระองค์คงต้องหาอะไรมาเสริม

พระองค์ทรงเป็นองค์ชาย และตอนนี้พระองค์ก็ได้แสดงความสามารถออกมาแล้ว จะไม่ทำก็ไม่ได้

หยางจงหมายมั่นปั้นมือไว้อย่างเงียบ ๆ

หลี่จุ่นและหยางจงออกจากหอชุนฮวาอย่างรวดเร็ว หลี่จุ่นครุ่นคิด เขาเดินไปรอบ ๆ แล้วและไม่พบร่องรอยของราชทูตเลย

เป็นไปได้ไหมว่าเขาคิดผิด?

ราชทูตพวกนี้ไม่ชอบแหล่งโสเภณีแบบนี้งั้นเหรอ

ดูท่าว่าจะคิดมากเกินไป

หลี่จุ่นส่ายหัว

ยังไงก็ตามเขาก็ไม่ได้ตั้งใจมาตามหาราชทูตอยู่แล้ว ในเมื่อไม่เจองั้นก็ช่างเถอะ

ทั้งสองกลับไปที่ตำหนักปีกของวัง ทันทีที่เข้าไปพวกเขาก็พบองค์หญิงใหญ่หลี่เหวินจวิน และนางกำนัลอีกสองคนยืนอยู่นอกตำหนัก

“พี่หญิง ท่านมาได้อย่างไร” หลี่จุ่นรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทายนาง

“กระหม่อมขอถวายบังคมองค์หญิงใหญ่!” ท่าทีของหยางจงก็เปลี่ยนไปเช่นกัน และรีบถวายความความเคารพ

“น้องหก ไปไหนมาดึกดื่นขนาดนี้” ใบหน้าอันงดงามของหลี่เหวินจวินแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มและน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“ข้าออกไปเดินเล่นมา พี่หญิงตามหาข้ามีเรื่องอะไรหรือไม่” หลี่จุ่นอธิบายอย่างสบาย ๆ และถามออกมาตรง ๆ

หลี่เหวินจวินถอนหายใจ สีหน้าซีดเซียวเล็กน้อยแล้วพูดว่า

“แคว้นหลางข่มเหงผู้อื่นเกินไปและใช้ภาษาทะเลทิศประจิมเพื่อกลั่นแกล้งราชวงศ์อู่ของเรา ตอนนี้ราชทูตนั่นให้เวลาเราเพียงสามวัน แต่ข้าก็รอและไม่มีความคิดเห็นใด ๆ ถ้าเราทำตามคำขอของพวกเขา อีกสามวันยังตอบไม่ได้ก็ให้ออกจากด่านฝานหลงไปสิบลี้ แล้วศักดิ์ศรีของราชวงศ์อู่เราล่ะ หากในภายภาคหน้าแคว้นหลางแข็งแกร่งขึ้นและเข้ายึดทางตะวันออกของราชวงศ์อู่เรา แล้วประชาชนจะทำอย่างไร น้องหก ข้ารู้สึกกังวลจริง ๆ”

คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นภาษาทะเลทิศประจิม!

หลี่จุ่นรู้สึกประหลาดใจ ไม่แปลกที่หลี่เหวินจวินจะเป็นที่รู้จักในฐานะบุคคลที่ฉลาดที่สุดในโลก ความรู้ของนางช่างกว้างขวางจริง ๆ

เพราะเหตุนี้หลี่จุ่นจึงเลื่อมใสในตัวนาง

แต่ทำไมหลี่เหวินจวินถึงได้มาหาเขา และบอกเรื่องนี้กับเขาล่ะ?

มันแปลกมาก ๆ

หัวใจของหลี่จุ่นสั่นไหวเล็กน้อย และเขาก็ถอนหายใจ

“ตัวอักษรแปลก ๆ นั่นเป็นตัวอักษรทะเลทิศประจิมอย่างนั้นรึ พี่หญิง ตัวอักษรทะเลทิศประจิมนี้เป็นอักษรอะไรกัน”

หลี่เหวินจวินหรี่ดวงตาที่สวยงามของนางเล็กน้อย มองลึกลงไปที่หลี่จุ่นแล้วอธิบายว่า

“ตัวอักษรทะเลทิศประจิมนี้ว่ากันว่าเป็นอักษรที่อยู่ไกลออกไปสุดทะเลทางตะวันตก ข้าเป็นคนสมัยโบราณแห่งที่ราบกลางและเคยติดต่อกับพวกเขา จึงเรียกพวกเขาว่าคนทิศประจิม”

หลี่จุ่นดูเหมือนจะเข้าใจ และพยักหน้าช้า ๆ “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง แต่ว่า ถ้าแม้แต่พี่หญิงยังจำไม่ได้ แล้วใครในราชวงศ์อู่เราที่สามารถจำได้กัน?”

หลี่เหวินจวินมองดูเขา ดวงตาที่สวยงามของนางตะลึงไปเล็กน้อย สักพักก็ส่ายหัวแล้วถอนหายใจ

“นี่เป็นหายนะสำหรับราชวงศ์อู่ของเรา เกรงว่าเราจะไปไม่รอด”

หลี่จุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูด “พี่หญิง ท่านอย่าได้กังวลเลย อย่างที่กล่าวกันว่าทุกปัญหามีทางออก ยิ่งไปกว่านั้นหากเป็นสิ่งที่กำลังคนไม่สามารถทำได้ ถึงพี่หญิงจะกังวลไปมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร เดินไปทีละก้าวและก้าวไปทีละก้าว บางทีสิ่งต่าง ๆ อาจจะพลิกกลับและปัญหาอาจจะถูกแก้ไขได้อย่างง่ายดาย”

เขารู้สึกอยู่เสมอว่าหลี่เหวินจวินคนนี้มีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาก็ไม่สามารถอธิบายได้ เป็นธรรมดาที่เขาคงไม่โง่พอที่จะเปิดเผยว่าเขารู้ภาษาอังกฤษ และได้แต่ปลอบโยนไปอย่างนั้น

“ทุกปัญหามีทางออก?”

หลี่เหวินจวินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมองไปที่หลี่จุ่นด้วยแววตาแปลก ๆ และพูดด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ “น้องหกเปลี่ยนไปจริง ๆ แต่ก่อนน้องหกไม่สามารถพูดวิชาความรู้แบบนี้ออกมาได้”

หัวใจของหลี่จุ่นสั่นไหว เขายิ้มอย่างรวดเร็วและพูดว่า “โธ่ ขายหน้าพี่หญิงเลย ข้าก็แค่เห็นคำบางคำในหนังสือโดยบังเอิญ จะกล้าไปสอนคนที่มีความชำนาญมากอยู่แล้วอย่างพี่หญิงได้อย่างไร”

หลี่เหวินจวินยิ้ม เอื้อมมือออกไปปัดผมที่ยุ่งเหยิงของหลี่จุ่น และพูดอย่างอ่อนโยน

“เอาล่ะ น้องหก ดึกแล้ว พี่หญิงจะกลับไปที่ตำหนักบรรทมก่อน ถ้าน้องหกมีเวลาก็มาหาพี่สาวบ่อย ๆ ตอนเด็กเจ้าติดพี่สาวเจ้ามากเลยนะ”

“ได้เลยพี่หญิง! เดินดี ๆ นะพี่หญิง” หลี่จุ่นส่งหลี่เหวินจวินกลับไป แต่เขาก็เกิดความสับสนในใจ

ตอนเด็ก?

ทำไมเขาถึงไม่มีความรู้สึกประทับใจอะไรตอนเป็นเด็กเลย?

เขาได้รับความทรงจำที่ส่งต่อจากเจ้าของร่างเดิม แต่ดูเหมือนเขาจะไม่มีความประทับใจเท่าไหร่นักเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเด็กเลย

หลังจากที่ส่งหลี่เหวินจวินกลับออกไปแล้ว หลี่จุ่นก็เกิดความสงสัยภายในใจมากมายและไม่เข้าใจอยู่นาน

วันที่สอง

หวังเยียนหรันเป็นยอดหญิงที่มีชื่อเสียงแห่งเมืองหลวง และได้รับคำชื่นชมจากฮ่องเต้เช่นกัน ดังนั้นความสามารถและสติปัญญาของนางจึงมีความเฉพาะตัว

หลี่จุ่นมองลายมืออันอ่อนช้อยบนกระดาษเขียนพู่กัน เต็มไปด้วยความคล่องแคล่ว

ไท่ซานสูงตระหง่าน เด่นงดงามเสียดฟ้า

ถ้ำหินผาแสนอ้างว้าง เปล่าเปลี่ยวเงียบสงบ

ธรรมชาติสรรสร้าง ไร้ซึ่งฝีมือมนุษย์

สถานการณ์ปรวนแปร ความคิดข้าหวั่นไหว

ละทิ้งโลกที่เปลี่ยนแปลง สู่ความสุขสงบแห่งไท่ซาน

หลังจากที่หลี่จุ่นอ่านจบ เขาก็ตกตะลึงทันที

ให้ตายเถอะ นี่มันกลอน ‘บทกวีแห่งไท่ซาน’ ของกวีหญิงเซี่ยเต้าอวิ้นแห่งราชวงศ์เว่ยจิ้นไม่ใช่เหรอ

นี่คือผลงานชิ้นเอกของเซี่ยเต้าอวิ้นยอดหญิงนักกวีผู้มีความสามารถที่สุดตลอดกาล!

ทำไมมันถึงไปปรากฏอยู่ในมือของสาวน้อยคนนี้

แต่ว่ามีคำอยู่หนึ่งคำที่แตกต่างไป นั่นคือคำว่า ‘เด่นงดงาม’ ในประโยคแรก ซึ่งควรเป็น ‘สุดงดงาม’!

หลี่จุ่นไม่เข้าใจว่าทำไมบทกลอนของเซี่ยเต้าอวิ้นถึงได้ปรากฏอยู่ในมือของสาวน้อยคนนี้ แต่เขาก็กล่าวชมอย่างใจเย็น

“สมกับเป็นคุณหนูหวัง ที่สามารถเขียนความยิ่งใหญ่ของภูเขาไท่ซานได้สมบูรณ์เช่นนี้ คุณหนูหวังช่างสมกับเป็นยอดหญิงที่มีชื่อเสียงเสียจริง อย่างไรก็ตาม ข้าคิดว่ามันอาจจะดีกว่าถ้าเปลี่ยนคำว่า ‘เด่น’ เป็นคำว่า ‘สุด’

หวังเยียนหรันหรี่ดวงตาที่สวยงามของนาง มองดูหลี่จุ่นด้วยความประหลาดใจและพูดโพล่งออกมา “องค์ชาย พระองค์ทรงทราบด้วยว่าหม่อมฉันเขียนถึงภูเขาไท่ซาน?”

“เอิ่ม...ไม่ใช่หรอกรึ”

หลี่จุ่นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วรีบพูด “การแต่งกลอนของคุณหนูหวังดีมากจนข้าสามารถบอกได้ทันทีว่ามันคือภูเขาไท่ซาน แต่งได้ดีมาก! ผลงานชิ้นเอกแบบนี้ จะเป็นบทกวีแห่งไท่ซานไปตลอดกาล!”

ใบหน้าที่สวยงามของหวังเยียนหรันเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที นางเขินอายเล็กน้อย แต่ก็ครุ่นคิดถึงการเปลี่ยนคำทันที จากนั้นดวงตาที่สวยงามของนางก็เบิกกว้างและพูดด้วยความประหลาดใจ

“ขอบพระทัยสำหรับคำแนะนำขององค์ชาย หากเปลี่ยนคำว่า ‘เด่น’ เป็นคำว่า ‘สุด’ มันจะดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นและแสดงความงามของภูเขาไท่ซานได้ดียิ่งขึ้นไปอีก! องค์ชาย ท่านทรงมีพรสวรรค์ที่หาใครเทียบมิได้อย่างแท้จริงเลยเพคะ!”

หลี่จุ่นสัมผัสจมูกของเขาอย่างรู้สึกผิด นี่เป็นบทกวีที่สืบทอดกันมานาน หลังจากปรับแต่งมาหลายร้อยปี ข้าจะไม่รู้ว่าเปลี่ยนแปลงอะไรได้อย่างไร

“องค์ชาย บทกลอนนี้ยังไม่มีชื่อ หม่อมฉันสงสัยว่าองค์ชายจะทรงยินดีช่วยหม่อมฉันตั้งชื่อได้หรือไม่” หวังเยียนหรันกัดฟัน มองเข้าไปในดวงตาของหลี่จุ่นและร้องขออย่างกล้าหาญ

หลี่จุ่นแสร้งทำเป็นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ และพูดว่า “อืม ถ้าอย่างนั้นก็ใช้ชื่อว่า ‘บทกวีแห่งไท่ซาน’ แล้วกัน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน