องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 16

ระยะเวลาที่ราชทูตได้ให้ไว้สามวัน ชั่วพริบตาก็ผ่านไปแล้วสองวัน หลี่จุ่นที่กลับมาจากหอชุนฮวา ก็เอาแต่พำนักอยู่ในราชวัง และไม่คิดที่จะไปแก้ปัญหานี้

วันที่สองหวังเยียนหรันก็มา พร้อมกับพาสาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวจูมาด้วย ทว่าบังเอิญเจอหลี่จุ่นกับหยางจงกำลังหมุนเครื่องโม่ไปมา

ทั้งสองกำลังโม่ถั่ว

ของเหลวที่ไหลออกมาจากการโม่นั้นเต็มไปด้วยกลิ่นถั่วลอยฟุ้งอยู่กลางอากาศ

หวังเยียนหรันปรี่ตรงไปข้างหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะถามว่า “องค์ชาย นี่พวกพระองค์กำลังทำอะไรอยู่หรือเพคะ”

หยางจงหัวเราะคิกคักทันที “องค์ชายบอกว่าจะทำเต้าหู้พ่ะย่ะค่ะ”

หวังเยียนหรันกับเสี่ยวจูจ้องหน้ากันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความงุนงง แล้วถามว่า “เต้าหู้คืออะไรหรือ”

หลี่จุ่นกำลังพยายามออกแรงบดน้ำถั่ว เหลือบมองเธออย่างไร้อารมณ์ ก่อนจะพูดว่า

“เดี๋ยวก็รู้”

หลี่จุ่นไม่คาดคิดมาก่อนว่าราชวงศ์นี้จะยังไม่มีเต้าหู้ ตอนเช้าเขาให้หยางจงไปซื้อเต้าหู้มาให้กิน ผลก็คือหยางจงมีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับหวังเยียนหรัน และถามเขาว่าเต้าหู้คืออะไร

หลี่จุ่นจึงลองนึกย้อนกลับไปที่ความทรงจำเดิมอย่างละเอียด ถึงพบว่าเต้าหู้ยังไม่ได้ถูกคิดค้นขึ้นในยุคนี้ นี่มันเป็นของดีเลยนะ

ทำไมไม่ทำกินกันเนี่ย

ตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา เขาไม่เคยคิดที่จะกินเต้าหู้เลย ตอนนี้พอคิดขึ้นมาก็เลยอยากจะดื่มน้ำเต้าหู้ด้วย จึงลงมือทำเองเสียเลย

หลี่จุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง การคิดค้นเต้าหู้ในจีนโบราณนั้นเกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่น และยังมีคำกล่าวอีกว่ามีมาตั้งแต่สมัยขงจื๊อแล้ว

แต่หลี่จุ่นเชื่ออย่างหลังมากกว่า

โดยทั่วไปพัฒนาการของราชวงศ์อู่นั้นคล้ายคลึงกับพัฒนาการของสมัยฉินและฮั่น ซึ่งยังไม่มีการคิดค้นเต้าหู้ ก็ถือว่าสมเหตุสมผล

ถ้าอย่างนั้นก็ให้หลี่จุ่นคนนี้เป็นผู้ริเริ่มคิดค้น ให้ต้นกำเนิดเต้าหู้เกิดขึ้นในยุคนี้เถอะ!

หวังเยียนหรันและสาวใช้สีหน้าดูประหลาดใจ เดินวนไปรอบ ๆ หลี่จุ่นกับหยางจง ไม่คิดเลยว่าถั่วแช่น้ำกับน้ำที่โม่ออกมาจะเป็นสีขาวและมีกลิ่นคาวเช่นนี้

หวังเยียนหรันพูดด้วยความอยากรู้อยากเห็น “อันนี้ดื่มได้ไหมเพคะ”

กลิ่นถั่วค่อนข้างแรงเล็กน้อย ร่างเล็กเอามือบีบจมูกไม่อยากที่จะสูดดมมากจนเกินไป

หลี่จุ่นเอ่ยขึ้นมา “เจ้าอยากจะกินตอนนี้ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่แนะนำว่ารอให้ข้าทำเสร็จก่อน”

“คาวเหลือเกิน...” เสี่ยวจูก็ยืนหน้านิ่วคิ้วขมวด บีบจมูกอยู่ข้าง ๆ มองดูด้วยท่าทางรังเกียจและสงสัยว่าสิ่งนี้มันกินได้งั้นเหรอ

หลี่จุ่นยิ้มโดยไม่พูดอะไร

หลังจากที่เขากับหยางจงโม่จนเสร็จ ก็เอาน้ำถั่วดิบไปต้มจนสุก ขณะนั้นเองก็เริ่มมีกลิ่นแปลก ๆ ลอยหอมฟุ้งออกมา

หวังเยียนหรันและคนของเธอก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันทีพร้อมกับสูดดมกลิ่นเข้าไปอย่างแรง หยางจงก็ตาส่องแสงเป็นประกาย ก่อนจะพูดว่า “องค์ชาย กลิ่นนี้หอมมากเลยขอรับ...”

หลี่จุ่นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “หัวหน้าหยาง หยิบถ้วยมาสี่ใบ แล้วก็เอาน้ำตาลก้อนมาอีก”

หยางจงรีบวิ่งไปหยิบน้ำตาลก้อนและถ้วยอีกสี่ใบมาให้ทันที

หลี่จุ่นเห็นว่าเดือดได้ที่แล้ว จึงตักน้ำเต้าหู้ออกมาสี่ถ้วย จากนั้นก็เติมน้ำตาลก้อนลงไป

“มา ลองชิมดู”

หวังเยียนหรัน สาวใช้ และหยางจงทั้งสามคนจ้องหน้ากันทันทีพลางหยิบน้ำเต้าหู้ทั้งสามถ้วยขึ้นมา

“กลิ่นนี้หอมอบอวลยิ่งนัก” หวังเยียนหรันสูดจมูกดมกลิ่น ก่อนจะพูดเชยชม

หยางจงหยิบขึ้นมาเป่า แล้วค่อย ๆ จิบ ชั่วขณะต่อมาก็ทำปากจ๊อบแจ๊บ พร้อมแสดงท่าทีประหลาดใจ จากนั้นก็ตะโกน

“องค์ชาย เต้าหู้รสชาติดีมาก ๆ เลยขอรับ!”

เสี่ยวจูก็เริ่มชิมหนึ่งอึก ตอนแรกก็ขมวดคิ้ว หลังจากทำปากจ๊อบแจ๊บ สีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะรีบเรียกคุณหนูให้ลองชิมด้วย

หวังเยียนหรันมองดูทั้งสองคน จากนั้นก็ลิ้มรสด้วยท่าทีสง่างาม แล้วก็ขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนความสุขจะปริ่มขึ้นบนใบหน้า และเอ่ยว่า

“องค์ชายเพคะ รสชาติของเต้าหู้อันนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวยิ่งนัก หวานกลมกล่อม ไม่คิดเลยว่าเมื่อเอาถั่วบดไปต้มแล้วจะมีรสชาติออกมาเช่นนี้ รสชาติดีมากเพคะ!”

หลี่จุ่นก็ยกถ้วยของตนเองขึ้นดื่มบ้าง หลังจากนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ฮ่า ๆ ๆ รสชาติไม่เลวเลย เพียงแต่ว่าสิ่งที่พวกเจ้าดื่มกันมันเรียกว่าน้ำเต้าหู้ ไม่ใช่เต้าหู้”

อืม ต้มน้ำเต้าหู้ที่นี่ครั้งแรกถือว่าออกมาได้ไม่เลวเลย

ถือว่ายังมีรสชาติดั้งเดิมอยู่

ทั้งสามคนดื่มจนหมดถ้วย แต่รสชาติความอร่อยก็ยังคงไม่สิ้นสุด สีหน้ายังคงหวนคิดถึงรสชาตินั้นอยู่

แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่ได้ดื่ม แต่รสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ยังคงค้างอยู่ในคอไม่รู้จบ ทำให้ทั้งสามคนยากที่จะลืมเลือน

ทว่าหลี่จุ่นได้เริ่มลงมือทำเต้าหู้แล้ว

ในห้องพระเครื่องต้นมีดีเกลืออยู่แล้ว เพราะแบบนี้จึงทำเต้าหู้ออกมาได้สำเร็จ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็เป็นรูปเป็นร่างแล้ว

ราชวงศ์นี้น่าสนใจมาก เริ่มมีนาเกลือปรากฏให้เห็น ในยุคจีนโบราณสิ่งนี้จะปรากฏเฉพาะในราชวงศ์ซ่งใต้เท่านั้น

ช่างอร่อยอะไรเช่นนี้!

มันน่าทึ่งจริง ๆ!

หลังจากโม่ถั่วออกมาสามารถทำอาหารที่ทั้งอร่อยและนุ่มนิ่มได้ถึงเพียงนี้ องค์ชายหกผู้นี้คิดออกมาได้อย่างไรกัน

หลี่จุ่นมองทั้งสามคนกินจนเกลี้ยง ก็รีบตักให้พวกเขาอีก ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า

“ค่อย ๆ กิน ในหม้อยังมีอีกเยอะ พอให้พวกเรากินได้อีกสองสามมื้อเลย”

หลี่จุ่นไม่ได้ทำมากมายนัก แต่ถึงกระนั้นก็เป็นหม้อเลยเหมือนกัน ด้วยปริมาณอาหารสำหรับสี่คน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะกินหมดในคราวเดียว

เพราะมันเป็นอาหารที่ทำสดใหม่และรสชาติเยี่ยม หลี่จุ่นเองจึงกินไปเยอะมาก ส่วนพวกหวังเยียนหรันทั้งสามคนที่เหลือนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ทุกคนกินจนแน่นเลย

ใบหน้าสะสวยของหวังเยียนหรันแดงเป็นลูกตำลึง ราวกับว่าสามารถคั้นน้ำออกมาได้เพียงแค่บีบเบา ๆ

หยางจงพูดว่า “องค์ชาย อาหารแบบนี้หายากมากขอรับ ถ้าหากเอาไปขายผู้คนจะต้องแย่งซื้อกันเป็นแน่แท้”

เสี่ยวจูก็รีบพยักหน้าทันที “ใช่เลย องค์ชาย ถ้าหากเอาไปขายจะต้องขายดีมาก ๆ แน่เลยเพคะ”

หลี่จุ่นยิ้มเล็กน้อย “ไม่รีบ ๆ ”

ตอนนี้เขาไม่ได้ขาดแคลนเงิน เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องรีบร้อน

ถ้าหากสักวันขาดแคลนเงินจริง ๆ เขามีแผนการที่ทำให้ร่ำรวยอยู่

หวังเยียนหรันยิ้มพลางพูดว่า “องค์ชาย หากมีสักวันจะต้องเอาไปขาย หม่อมฉันยินดีที่จะช่วยองค์ชายเพคะ”

เต้าหู้อันนี้อร่อยมากจริง ๆ ล้ำค่าราวกับหยกขาว หวังเยียนหรันเธอเองก็ไม่ใช่คนธรรมดา เคยกินอาหารมามากมาย แต่อาหารที่รสชาติอร่อยถูกปากแบบเต้าหู้นี้ ก็เพิ่งเคยเจอครั้งแรก รสชาติไม่มีที่สิ้นสุดจริง ๆ

หลี่จุ่นพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้ ๆ ”

วันนี้เป็นอีกวันที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากระยะเวลาที่ราชทูตกำหนดไว้นี่ก็เป็นการประชุมขุนนางในเช้าวันที่สองแล้ว ทั้งราชสำนักต่างก็ตกอยู่ในความตื่นตระหนก ได้ยินมาว่าฮ่องเต้หลี่เจิ้งโจวจิตใจร้อนรุ่มเป็นไฟ กินไม่ได้นอนไม่หลับ

ตกกลางคืน

เมื่อหลี่จุ่นได้ทราบข่าวจากปากหยางจง เขาก็ยืนเอามือไพล่หลังอยู่ในลานบ้าน แหงนหน้ามองพระจันทร์บนท้องฟ้า มุมปากซ่อนเร้นไปด้วยรอยยิ้ม แล้วจู่ ๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า

“กับอีแค่ภาษาอังกฤษ ดูแล้วน่าจะต้องให้องค์ชายคนนี้ออกโรงเองสินะ!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน