องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 17

ตำหนักชิ่งหนิง

โคมไฟถูกจุดหมดทุกดวง

เปลวไฟสว่างไสว ส่องแสงราวกับเวลากลางวัน

หลี่เหวินจวินขมวดคิ้ว ใบหน้าอันงดงามของนางเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง และกังวลเกี่ยวกับการประชุมราชสำนักในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ สาวใช้ในวังถึงขนาดไม่กล้าเข้าใกล้ เพียงรอปรนนิบัตินางจากระยะไกล

“องค์หญิง”

ในขณะนั้นเอง!

ขันทีคนหนึ่งวิ่งปรี่เข้ามารายงานด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน

“มีจดหมายส่งมาจากนอกวังหนึ่งฉบับพ่ะย่ะค่ะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับคำตอบทั้งสามข้อของราชทูต ต้องให้กระหม่อมส่งให้ถึงมือองค์หญิงด้วยตนเอง กระหม่อมมิบังอาจชักช้า จึงรีบนำมากราบทูลองค์หญิงทันทีพ่ะย่ะค่ะ”

แววตาหลี่เหวินจวินชะงัก ก่อนจะรีบมองไปยังขันทีผู้นั้น

“ส่งมา!”

คำตอบของโจทย์ปัญหาทั้งสามงั้นหรือ

จริงหรือปลอมกันนะ

ภายในใจของหลี่เหวินจวินอดที่จะระมัดระวังไม่ได้ เพื่อป้องกันคนที่จะฉวยโอกาสมาทำร้ายตน ทว่าสถานการณ์ปัจจุบันนั้นมันบีบบังคับ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลข่าวสารอะไร นางจะเมินเฉยไม่ได้

โจทย์ปัญหาทั้งสามข้อที่ราชทูตแห่งแคว้นหลางได้ให้ไว้ ไม่รู้ว่าถูกแพร่งพรายออกไปถึงหูประชาชนได้อย่างไร

มันก่อให้เกิดความปั่นป่วนโกลาหลและเสด็จพ่อก็โกรธเพราะเหตุนี้

วันพรุ่งนี้นับว่าเป็นวันสำคัญอย่างยิ่ง

ถ้าหากแก้ปัญหาที่เหลืออยู่สองข้อไม่ได้ล่ะก็ ราชวงศ์อู่ก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก หากไม่ยอมถอยทัพออกจากด่านฝานหลงไปสิบลี้ ก็ต้องยอมรับว่าราชวงศ์อู่ไร้คนมีความสามารถ!

แต่ไม่ว่าจะผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ก็จะโดนผู้คนหัวเราะเยาะ และประชาชนก็จะสูญเสียความเลื่อมใส!

หลี่เหวินจวินได้รับขนานนามว่าเป็นบุคคลที่ฉลาดที่สุดในใต้หล้า ฉะนั้นความกดดันที่นางแบกรับไว้ก็ไม่ได้น้อยไปกว่าฮ่องเต้หลี่เจิ้งเลย

ขันทีจึงรีบถวายให้ด้วยความเคารพแล้วกล่าวว่า “กระหม่อมได้ตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว จดหมายฉบับนี้ไม่มีอะไรผิดปกติ องค์หญิงวางใจได้พ่ะย่ะค่ะ”

“ดี”

หลี่เหวินจวินฉีกซองทันทีแล้วหยิบจดหมายข้างในออกมา ข้อความเขียนลงบนกระดาษชนิดพิเศษและมีกลิ่นหอม

สิ่งแรกที่เห็นคือลายมือตัวอักษรที่เรียวบางและเป็นสง่า ซึ่งแปลกมาก แต่ก็ดูสบายตายิ่งนัก

ผู้เขียนท่านนี้มีท่วงทำนองของนักเขียนอักษรที่เก่งมาก!

“องค์หญิงใหญ่ กระหม่อมทราบมาว่าราชฑูตแห่งแคว้นหลางนำคำถามและคำตอบข้อที่สองและข้อที่สามมาจากตัวอักษรทะเลทิศประจิม หากองค์หญิงอยากทราบ ก็ลองมาที่หอเทียนอี กระหม่อมจะรอการมาเยือน!”

ลงชื่อ หยางหมิงผู้สันโดษ

ทันใดนั้นดวงตาของหลี่เหวินจวินถึงกับชะงัก!

อีกฝ่ายรู้ว่าอักษรพวกนั้นเป็นตัวอักษรทะเลทิศประจิม!

และการเรียกชื่อนางแบบนี้มีเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่เคยพูด คนแรกคือเสด็จพ่อ อีกคนก็คือน้องหก!

คาดไม่ถึงเลยว่าท่านหยางหมิงผู้นี้จะรู้ด้วย

เขาเป็นใครกัน

ทำไม่ถึงไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย

หรือว่าเขาจะรู้จริง ๆ

หัวใจหลี่เหวินจวินราวกับถูกแช่แข็ง ดวงตาไหวติง ความสงสัยมากมายก่อเกิดขึ้นมาในใจ

จู่ ๆ ท่านหยางหมิงก็ปรากฏตัวขึ้นมา และยังจงใจเขียนจดหมายมาให้ตน บอกว่ารู้คำถามและคำตอบ มีเป้าหมายอะไรกันแน่

หลี่เหวินจวินถือกระดาษอย่างเหม่อลอยเล็กน้อยพลางขมวดคิ้วครุ่นคิด ผ่านไปชั่วขณะจึงจะพูดว่า

“ให้คนเตรียมเกี้ยว!”

หอเทียนอี

สิ่งเหล่านี้เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงเย็น ก่อนหน้านั้นสถานที่แห่งนี้เป็นพียงบ้านที่ว่างเปล่า และข้อความบนแผ่นป้ายนั้นก็ใหม่มาก

หลี่เหวินจวินเดินมาหยุดที่ประตูและเงยหน้าขึ้นมองแผ่นป้ายที่ประตูภายใต้แสงไฟจากตะเกียง มองเห็นร่องรอยตัวอักษรที่เพิ่งเขียนใหม่ ๆ ได้อย่างชัดเจน ด้านหลังมีองครักษ์ถือดาบรายงานด้วยความเคารพและน้ำเสียงแผ่วเบา

“องค์หญิง หอเทียนอีแห่งนี้เพิ่งจะปรากฏเมื่อช่วงเย็น ได้โปรดองค์หญิงระมัดระวังตัว ไม่แน่อาจจะเป็นกับดักพ่ะย่ะค่ะ”

หลี่เหวินจวินพยักหน้าให้คนไปเคาะประตู

ไม่นานประตูก็ค่อย ๆ เปิดออก ชายคนหนึ่งซึ่งแต่งตัวเป็นคนรับใช้เดินออกมา เมื่อเห็นหลี่เหวินจวินพร้อมพรรคพวกก็รีบโค้งตัวถวายบังคมก่อนจะพูดว่า

“ที่แท้แขกที่มาก็คือองค์หญิงใหญ่งั้นหรือ คุณชายของเรามารอหลายเพลาแล้วขอรับ”

หลี่เหวินจวินพยักหน้าตอบรับอย่างมีมารยาท ก่อนจะพูดว่า “ข้าตอบรับคุณชายของเจ้าเพื่อมาเจรจา”

“เชิญขอรับองค์หญิง!”

คนรับใช้ผู้นั้นเชิญหลี่เหวินจวินพร้อมพรรคพวกเข้าไปด้านในอย่างสุภาพทันที แต่เมื่อเขาเห็นว่าหลี่เหวินจวินพาองครักษ์มาเจ็ดแปดคนพร้อมกับดาบ เขาก็หยุดทันทีแล้วพูดว่า

“คุณชายของข้าน้อยได้กำชับไว้ว่า องค์หญิงสามารถพาคนไปได้แค่สองคน ได้โปรดขอให้ท่านอื่นรออยู่ตรงนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

“บังอาจ!”

หลี่เหวินจวินดุนางกำนัลให้ถอยไปทันที นางกัดฟัน ก่อนจะถามว่า “ใยท่านจึงไม่ให้คำตอบและการแปลโจทย์คำถามในตอนนี้เลย”

เสียงชราหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า

“ข้าน้อยเพียงแค่ต้องการให้องค์หญิงรับปากคำขอร้องของข้า แล้วข้าน้อยก็จะมอบคำตอบพร้อมคำแปลของโจทย์ปัญหาไปให้ ตอนนี้ยังไม่สามารถให้องค์หญิงได้ มันก็มีเหตุผลของข้าน้อยเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”

“แต่ว่าท่าน เวลาคับขันยิ่งนัก ข้าต้องการคำตอบและคำถามที่แปลแล้วตอนนี้! ได้โปรดท่านมอบให้แก่ข้าเถิด ข้าสามารถรับปากข้อแม้ของท่านได้!” หลี่เหวินจวินพูดทันที

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม!

คนที่นั่งหันหลังให้ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ในเมื่อองค์หญิงรับปากแล้ว โปรดกลับไปเถิด ข้ารักษาสัญญาแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

หลี่เหวินจวินไม่เต็มใจมากนัก!

เพียงแต่!

ตอนนี้ไม่มีความหวังอะไร คนที่อยู่ตรงหน้าถึงแม้จะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูเหมือนไม่ได้โกหก

ถึงแม้สถานะของหลี่เหวินจวินจะสูงส่ง แต่ก็มิอาจรีบร้อน ณ ที่นี้ได้

“กลับวัง!”

หลี่เหวินจวินยกมือขึ้น ทำได้เพียงออกไปพร้อมกับนางกำนัลส่วนตัวสองคนเท่านั้น

พอถึงด้านนอกหอเทียนอี นางกำนัลด้านข้างก็ถามเสียงแข็งทันที “องค์หญิง ทำไมเราไม่จับเขาเค้นถามไปเลยล่ะเพคะ”

หลี่เหวินจวินส่ายหน้า “คนผู้นี้ตั้งแต่แรกจนจบก็หันหลังให้ข้า ถึงแม้จะไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริง แต่ฟังจากทำนองการพูดแล้วไม่ใช่คนธรรมดา ตอนนี้ปัญหาใหญ่อยู่ที่โจทย์ปัญหา ถ้าหากมีความหวังสักนิด ข้าจะไม่ยอมปล่อยมันไปเด็ดขาด ตอนนี้ยังไม่สามารถลงมือกับคนผู้นี้ได้”

“เพคะ...องค์หญิงทรงคิดอย่างรอบคอบแล้ว” นางกำนัลคนนั้นก้มหน้าลงทันที

“เอาเถอะ รีบกลับวังกัน เรื่องนี้ข้าจะต้องรีบกราบทูลเสด็จพ่อ!”

หลี่เหวินจวินรีบกลับขึ้นไปบนรถม้า แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหายเข้าไปในความมืด

ผ่านไปชั่วขณะหนึ่ง หลี่จุ่นในชุดสีขาวราวกับหิมะและหยางจงที่กำลังปาดเหงื่อ ทั้งสองเดินออกมาจากด้านในหอเทียนอี

“องค์ชาย ไม่ใช่ว่าท่านกำลังหลอกองค์หญิงใหญ่หรอกหรือขอรับ ท่านรู้จักตัวอักษรนั้นจริง ๆ รู้คำตอบของโจทย์ทั้งสามงั้นหรือขอรับ”

หยางจงรู้สึกใจหายเล็กน้อย

ท่านหยางหมิงเมื่อครู่ ก็คือองค์ชายของเขาที่ปลอมตัวไปนั่นเอง ก่อนหน้านี้องค์ชายได้สั่งให้เขาเตรียมตัว เขาก็สงสัยอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าองค์ชายจะทำอะไร

พอองค์หญิงใหญ่มาถึง เขาถึงได้ตกใจ คาดไม่ถึงว่าองค์ชายของตนเองจะกล้าเพียงนี้ แผนการที่วางไว้ทั้งหมดนี้เตรียมไว้เพื่อปิดบังองค์หญิงใหญ่

หลี่จุ่นแหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์ พลางพูดด้วยรอยยิ้ม

“หัวหน้าหยาง ฮาวอาร์ยูว? แอมไฟน์ แต้งกิ้วแอนด์ยู้ว”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน