องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 18

วันรุ่งขึ้น

พระอาทิตย์สาดแสงเจิดจ้า หิมะที่ปกคลุมภูเขาหิมะที่อยู่รอบ ๆ เมืองหลวงก็ค่อย ๆ ละลาย เป็นภาพบรรยากาศอันเงียบสงบ

กำหนดเวลาที่ราชฑูตแคว้นหลางให้ไว้สามวันนั้น วันนี้ก็ถือว่าเป็นวันสุดท้ายแล้ว เหล่าขุนนางน้อยใหญ่ที่อยู่เมืองหลวงต่างก็พากันมาประชุมขุนนางกันหมด

มาระดมความคิดเพื่อแก้ปัญหาที่ยากจะแก้ไข!

ฮ่องเต้หลี่เจิ้งของราชวงศ์อู่ นั่งอยู่ในหมิงถางด้วยท่าทางเคร่งขรึม ราศีแห่งความกดดันของฮ่องเต้แผ่ไปทั่วทุกสารทิศ!

“ฮ่องเต้อายุยืน หมื่นปี หมื่นหมื่นปี”

ขุนนางพากันถวายบังคม

การประชุมขุนนางในวันนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ขุนนางเท่านั้น ทั้งองค์ชายและองค์หญิงต่างก็มากันหมด แน่นอนว่าไม่รวมองค์ชายหกหลี่จุ่นอยู่ในนั้น

หลี่จุ่นถูกห้ามเข้าประชุมขุนนาง นี่เป็นเรื่องที่องค์ชายและองค์หญิงทุกพระองค์รู้ดี แม้แต่ขุนนางใหญ่คนสำคัญในราชสำนักต่างก็รู้เรื่องนี้กันหมด

หลี่เจิ้งพูดอย่างเคร่งขรึม “ทุกท่านไม่ต้องมากพิธี”

หลังจากนั้นก็มองไปยังหวังเหลียนที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะถามว่า “หัวหน้าหวัง ราชฑูตนั่นตอนนี้อยู่ที่ไหน”

หวังเหลียนรีบโค้งตัวตอบกลับไปว่า “เรียนใต้เท้า หนึ่งเค่อก่อนหน้านี้ท่านราชฑูตได้มาถึงประตูเฉียนอวี่แล้ว ตอนนี้น่าจะถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ระยะทางจากประตูเฉียนอวี่มาถึงที่นี่ก็น่าจะใช้เวลาราว ๆ หนึ่งเค่อ (สิบห้านาที)

“ฝ่าบาท โจทย์ปัญหาที่เหลืออยู่สองข้อนั้น...” มีขุนนางใหญ่ในราชสำนักคนหนึ่งถามขึ้นมาทันทีด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“ใช่ ๆ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือโจทย์ปัญหานั้น ถ้าหากแม้แต่คำถามก็อ่านไม่ออก วันนี้ควรทำเยี่ยงไรดี”

“เห้อ ตอนนี้ควรทำเยี่ยงไรน่ะหรือ ราชวงศ์อู่ของเราไม่มีคนอ่านตัวอักษรนี้ออก! อย่างนั้นก็ไม่เสียหน้ากันหมดหรือ”

เมื่อมีคนพูดเปิด ขุนนางคนอื่น ๆ ต่างก็พากันแสดงความคิดเห็น

หลี่เจิ้งมองดูขุนนางพึมพำพูดคุยกันด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก กลับขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อมองไปที่องค์หญิงใหญ่หลี่เหวินจวิน

เมื่อคืนหลี่เหวินจวินไปที่ตำหนักของเขา แล้วกราบทูลว่ามีคนมากความสามารถคนหนึ่งจะช่วยแก้ปัญหาในวันนี้ ดังนั้นเมื่อคืนเขาจึงรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

ทว่าหลี่เจิ้งไม่สามารถผ่อนคลายได้จนกว่าจะถึงนาทีสุดท้าย นี่เป็นเรื่องสำคัญต่อบ้านเมือง ดังนั้นจึงไม่สามารถเฉื่อยชาได้เลยแม้แต่น้อย!

หลี่เหวินจวินก้าวไปข้างหน้าทันที พร้อมกับกราบทูลว่า “เสด็จพ่อไม่จำเป็นต้องวิตกกังวล จะเห็นผลสำเร็จเมื่อราชฑูตมาถึง”

เหล่าขุนนางในราชสำนักพอได้ยินก็คิดว่าโจทย์ปัญหาที่เหลือสองข้อนั้นไม่สามารถหาวิธีแก้ได้ และต้องคืนสิทธิ์ครอบครองให้แก่ราชฑูต สีหน้าต่างก็ยิ่งดูไม่ดีเข้าไปกันใหญ่

“จะทำเยี่ยงไรดี แคว้นหลางนี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว!”

“น่ารังเกียจจริง ๆ!”

“ถ้าเป็นข้าจะรีบเคลื่อนกำลังทหารรุกไปทิศตะวันตกทางด่านฝานหลงสักร้อยลี้ แล้วทำลายความคิดทะเยอะทะยานของพวกหลางมัน!” แม่ทัพคนหนึ่งที่มีนิสัยใจร้อนปริปากพูดออกมากด้วยความโมโห

“ทุกท่าน โปรดอยู่ในความสงบ” หลี่เจิ้งเห็นว่าเสียงความโกลาหลเริ่มดังทั่วทั้งห้องโถงจึงพูดทันที

คณะขุนนางทยอยพากันเงียบลง

“ราชฑูตแคว้นหลางมาถึงแล้ว!”

ในขณะนั้นเองขันทีก็ตะโกนเสียงดังมาจากประตู

“รีบเชิญเข้ามา!”

สีหน้าหลี่เจิ้งเปลี่ยนเล็กน้อย มองไปหลี่เหวินจวินอีกครั้งหนึ่งแล้วบัญชาคำสั่งทันที

ทุกคนในราชสำนักต่างก็กดดันพากันมองไปยังด้านนอกอย่างพร้อมเพรียงโดยไม่ได้นัดหมาย

ในที่สุดก็มาสักที!

หลังจากนั้นไม่นาน ชายสองคนและหญิงนางหนึ่งในชุดแปลก ๆ ก็เข้ามาในห้องโถง และถวายบังคมหลี่เจิ้งที่อยู่บนบัลลังก์ทันที

“กระหม่อมถวายบังคมจักรพรรดิ! จักรพรรดิอายุยืน หมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”

การเรียกฮ่องเต้ราชวงศ์อู่ว่า “จักรพรรดิ” นั่นคือการแสดงถึงการให้ความเคารพแบบหนึ่ง

หลี่เจิ้งพูดด้วยรอยยิ้มทันที “คณะแคว้นหลางทั้งสามท่านไม่ต้องมากพิธี”

ทั้งสามคนลุกขึ้น

หญิงสาวจากหนึ่งในสามคนมีรูปงามและพราวไปด้วยเสน่ห์ นางสวมชุดผ้าชีฟองประดับประดาด้วยลูกปัดหยก ทุกท่วงท่าการย่างก้าวช่างสง่างาม ดวงตาของนางยิ้มแย้มอย่างสดใส ก่อนจะโค้งคำนับในทันที

“ฝ่าบาท วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว หม่อมฉันทั้งสามจะต้องกลับแคว้นให้ทันเวลาตามคำบัญชา มิทราบว่าแคว้นของพระองค์แก้ไขปัญหาสองข้อที่เหลือได้หรือไม่ ในประเทศของท่านมีคนเก่ง ๆ มากมายก่ายกอง น่าจะแก้ปัญหาได้เป็นแน่”

ทันทีที่นางพูดออกไป ราชทูตร่างกายกำยำทั้งสองคนที่อยู่ข้าง ๆ นางก็ยิ้มทันที แต่มองไม่ออกว่าหมายถึงอะไร

อย่างไรก็ตาม ท่าทีเหล่าขุนนางในราชสำนักก็เปลี่ยนไปกะทันหันและสีหน้าดูไม่ดีเล็กน้อย

โดยเฉพาะวลีที่ว่า ‘คนเก่งมากมายก่ายกอง’ ทำให้สีหน้าทุกคนดูไม่ค่อยสู้ดีนัก!

ทันใดนั้นดวงตาของหลี่เหวินจวินก็ขยับเล็กน้อย เดินออกมาแล้วพูดกับหลี่เจิ้ง “เสด็จพ่อ หม่อมฉันมีเรื่องจะทูลเพคะ”

หลี่เจิ้งมองไปทางหลี่เหวินจวินทันทีพร้อมกับสีหน้าดีอกดีใจ ก่อนจะพูดว่า

“ลูกข้า เจ้ามีเรื่องอันใดหรือ”

หรือว่าจะแก้โจทย์ได้แล้ว

หลี่เหวินจวินก็ตอบทันที “หม่อมฉันได้ยินมาว่าท่านหญิงอวี้เจียหนึ่งในสามราชฑูตนั้นฉลาดหลักแหลม มีพรสวรรค์อันล้นพ้น สามวันมานี้อยากจะพูดคุยกับท่านหญิงอวี้เจียสักหน่อยแต่ยังไม่มีโอกาส ก่อนแก้โจทย์ปัญหาทั้งสอง หม่อมฉันอยากจะขอเวลาพูดคุยสอบถามกับท่านหญิงอวี้เจียเกี่ยวกับเรื่องปัญหาทางกวี และมรดกทางประวัติศาสตร์ของแคว้นหลางที่หน้าห้องโถง!”

“ดี ลูกข้ามีใจใฝ่เรียน ข้าขอชื่นชม”

หลี่เจิ้งสีหน้าดีใจ มองไปทางอวี้เจียทั้งสามคนด้วยความลำบากใจ ก่อนจะพูดว่า “เพียงแต่ไม่รู้ว่าท่านหญิงอวี้เจียนั้นจะมีใจพูดคุยศึกษากับลูกของข้าหรือไม่”

ทันใดนั้นอวี้เจียทั้งสามคนก็สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย!

เข้าใจแล้ว!

ดังที่คาดไว้ว่าราชวงศ์อู่ยังไม่มีคนแก้ปัญหาทั้งสองที่เหลืออยู่นี้ได้และนี่กำลังถ่วงเวลา

อวี้เจียผู้ทรงเสน่ห์ก็เข้าใจแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น

ทว่าหลี่เหวินจวินได้กล่าวคำขอร้องต่อหน้าราชสำนัก หากตนไม่ตอบรับ การเดินทางมาเป็นทูตครั้งนี้ถึงแม้จะไม่มีใครในราชวงศ์อู่ที่สามารถตอบปัญหาที่เหลืออยู่สองข้อได้ ก็ยังถือว่าการเดินทางมาเป็นฑูตนั้นประสบความสำเร็จ แต่ก็ถูกทำลายชื่อเสียงไปครึ่งหนึ่งเช่นกัน

จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน

อวี้เจียคิดอย่างสงบไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ อยู่ชั่วขณะหนึ่ง หลังจากนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “หม่อมฉันได้ยินมานานแล้วว่าองค์หญิงใหญ่ทรงฉลาดและมีความสามารถไร้คู่ต่อกร หม่อมฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสพูดคุยศึกษากับองค์หญิงในวันนี้! โปรดองค์หญิงชี้แนะด้วยเพคะ!”

หลี่เหวินจวินยิ้มทันทีและหันไปมองอวี้เจีย รูปโฉมที่ไม่มีใครเทียบได้ของนางเป็นที่น่าจับตามองเป็นพิเศษในตอนนี้ ซึ่งทำให้ทุกคนในราชสำนักรู้สึกวุ่นวายใจ

“ท่านหญิงอวี้เจีย เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าได้อ่านบทกวีชื่อ ‘หลินเจียงเซียน’ ของจินลู่กวีชื่อดังจากแคว้นหลาง แต่งไว้ดีมากยิ่งนัก เช่นประโยคนั้น ‘ก่อนน้ำค้างยามอุษาสาง...’”

หลี่เหวินจวินเริ่มถามอวี้เจียด้วยคำยาก ๆ ในบทกวี

อวี้เจียไม่ใช่พวกที่จะยอมอ่อนข้อ ถึงแม้นางจะไม่ใช่คนของราชวงศ์อู่ แต่ก็เชียวชาญภาษาราชวงศ์อู่เป็นอย่างดี แทบจะพูดได้เหมือนเป็นคนราชวงศ์อู่เลย น่าทึ่งจริง ๆ

ขณะนั้นเองก็ได้ร้อยเรียงต่อทำนองรับส่งกันไปมากับหลี่เหวินจวินที่เปิดประเด็นอภิปรายหน้าโถงราชสำนัก ทั้งสองคนผลัดกันไปมา เรื่องที่สนทนานั้นทำให้ผู้คนในราชสำนักถึงกับได้เปิดโลก

มีบางคำถามที่แม้แต่พวกเขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ในขณะที่แม่นางทั้งสองพูดคุยกันได้อย่างลื่นไหล ราวกับว่ามันเป็นเรื่องที่ง่ายดาย

น่าทึ่งจริง ๆ!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน