องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 292

ไม่คิดว่าโลกที่ดูเหมือนจะสงบสุขกลับกำลังก่อเกิดความวุ่นวาย และราชวงศ์อู่กำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่

ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลี่จุ่นก่อตั้งกลุ่มลับได้ทันเวลา เขาคงไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร

ช่างมันเถอะ

เลิกคิดเรื่องนี้สักพัก อย่างไรเสียต่อให้ท้องฟ้าถล่มทลายก็ยังมีผู้อยู่เบื้องบนยืนค้ำอยู่ เขาเองเป็นเพียงอ๋องน้อย ๆ แม้แต่ศักดินาก็ยังไม่มี ไม่มีคุณสมบัติไปสนใจเรื่องการบ้านการเมืองหรอก

“หวังว่าด้วยความฉลาดของเสด็จพ่อเผียนอีจะสามารถมองออกว่าวิธีแก้สถานการณ์ที่ดูแค่ผิวเผินนี้เป็นเพียงกับดัก”

หลี่จุ่นแอบบ่นเบา ๆ

แม้ว่าหลี่เจิ้งจะชาญฉลาด แต่ถ้าตอบสนองไม่ทันก็อาจนึกประเด็นนี้ไม่ออกได้ เหมือนกับคำตอบของเขาที่ตอบไปว่า บนท้องฟ้ามีดาวกี่ดวง อันที่จริงเรื่องที่สี่แคว้นร่วมมือกันโจมตีราชวงศ์อู่ ลองคิดดูแล้วแทบไม่อยากจะเชื่อเลยสักนิด

อืม หวังว่าเขาจะคิดมากไปเอง เรื่องราวอาจไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด

หลังจากออกจากห้องของอวี้เซียง หลี่จุ่นก็ลงไปชั้นล่างด้วยสีหน้าพึงพอใจ หยางจงฟังเล่าเรื่องจบแล้ว เมื่อเห็นเขาลงมาก็รีบมารับด้วยรอยยิ้มทันที

“ท่านอ๋อง ได้ยินมาว่าแม่นางอวี้เซียงเคยเป็นนางคณิกาชั้นสูง รูปร่างหน้าตาของนางเป็นรองแม่นางวานวานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ความสามารถในการปรนนิบัติผู้อื่นนั้น…” หยางจงพูดซุบซิบ

หลี่จุ่นเหลือบมองเขา จากนั้นเอามือไพล่หลังเดินออกจากหอชุนฮวา แล้วพูด “ไปเถอะ เดินเล่นกัน แล้วค่อยหาอะไรกินมื้อเที่ยงต่อ วันนี้ไปเดินเล่นเป็นเพื่อนข้าหน่อย”

หยางจงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดทันที “ท่านอ๋อง ข้ารู้มาว่ามีสถานที่แห่งหนึ่งที่สามารถชมดอกท้อได้ขอรับ ช่วงนี้ดอกท้อกำลังผลิบานอยู่พอดี”

ชมดอกท้องั้นหรือ

หลี่จุ่นมองดูสภาพอากาศ แดดไม่แรงเกินไป เมฆไม่หนาเกินนัก เอาล่ะ วันนี้เป็นวันดีที่จะชมดอกท้อ

“ตกลง ไปกันเถอะ!” หลี่จุ่นตอบรับทันที

หยางจงยิ้มร่าทันทีและนำทางไป

ผ่านไปได้ครึ่งทางสองบ่าวนายก็หาสถานที่กินมื้อเที่ยง สองเค่อ(สามสิบนาที)ให้หลังสองบ่าวนายก็มาถึงริมทะเลสาบที่ถูกขุดขึ้นโดยมนุษย์

“ท่านอ๋องสถานที่แห่งนี้คือทะเลสาบอี้สุ่ย มันถูกขุดขึ้นมาในสมัยราชวงศ์ก่อน เมื่อตอนข้าน้อยเพิ่งเข้าวังในฐานะคนรับใช้ เมื่อถึงช่วงหยุดงานก็จะมาพักผ่อนหย่อนใจกับเพื่อน ๆ ที่นี่” หยางจงอธิบาย

หลี่จุ่นพยักหน้า

นี่คือทะเลสาบเทียมขนาดใหญ่ที่ถูกจัดวางไว้อย่างสวยงามไม่น้อยไปกว่าจุดชมวิวระดับ 5A บางแห่งของในยุคหลังเลย

มีเขาจำลอง น้ำเทียม และศาลาโบราณตั้งสูงตระหง่าน

ริมน้ำมีศาลาให้นั่งพักผ่อน

แถมมีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยเลย

ที่นี่นับว่าเป็นสถานที่ที่ไม่เลวเลย ไม่คิดว่าจะมีจุดชมวิวแบบนี้ในเมืองนี้ด้วย

สองบ่าวนายเดินไปที่ศาลาไร้คนริมทะเลสาบ มองดูคลื่นบนผิวน้ำและสัมผัสสายลมที่พัดผ่านเบา ๆ

มีต้นหลิวหลายต้นตั้งสูงอยู่ริมทะเลสาบ

ด้านข้างก็มีดอกท้อที่สวยงามกำลังผลิบาน!

เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการชมดอกท้อจริง ๆ!

“พ่อบ้าน แถวนี้มีร้านขายอาหารหรือเปล่า” จู่ ๆ หลี่จุ่นก็ถามขึ้น

“เฮ้ ท่านทั้งสองช้าก่อน ให้พวกข้าทั้งสองนั่งไปด้วยคนได้ไหม ส่วนเงินพวกเราออกเอง”

สองบ่าวนายกำลังจะลงเรือ ทันใดนั้นก็มีคนพูดขึ้นจากด้านหลัง

หลี่จุ่นหันกลับมาและเห็นชายชราร่างสูงแต่งตัวดูเป็นเศรษฐี โดยมีเด็กน้อยคนหนึ่งอยู่ข้าง ๆ ชายชราจ้องมองหลี่จุ่นด้วยรอยยิ้ม

หลี่จุ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขาอยากจะปฏิเสธ กลับเห็นชายชรายิ้มแล้วพูดว่า “ข้าดูแล้วน้องชายคนนี้ดูไม่ใช่คนธรรมดา เอาอย่างนี้เถอะ ถ้ายอมให้ข้าทั้งสองนั่งเรือด้วย ข้ายินดีที่จะวาดภาพเหมือนตอนอยู่กลางทะเลสาบให้ฟรีเลย”

ภาพเหมือนงั้นหรือ

ชายชราพูดโดยชี้ไปที่อุปกรณ์วาดภาพที่เด็กน้อยข้าง ๆ ถืออยู่

ทันใดนั้นหลี่จุ่นก็ตระหนักได้ว่าเขาเป็นจิตรกรเชียวหรือ

นิสัยก็ดูเข้ากับคนง่ายมาก ๆ

หลี่จุ่นมองดูและเห็นว่าเรือก็ลำไม่เล็ก นั่งได้สี่คนเหลือ ๆ จึงพยักหน้า

“ได้สิ เชิญ!”

กล้าขอก็กล้าให้ และเขาก็อยากเห็นว่าทักษะการวาดภาพในยุคนี้เป็นอย่างไร ลองดูซิว่าจะวาดออกมาได้ดูดีมีเสน่ห์มากแค่ไหน

“ขอบคุณมาก ๆ!”

ชายชราพาเด็กขึ้นเรือ เด็กชายมอบเงินหนึ่งตำลึงให้คนพายเรือไป คนพายเรือก็พายเรือด้วยความคึกคักทันที

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน