องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 431

หลิวเซิ่งยังจงใจเรียกแม่ทัพหลายคน อาทิเช่น ผู้บังคับกองพันและผู้บังคับกองร้อยให้ติดตามมาด้วย

จุดประสงค์ก็เพื่อประจักษ์แจ้งว่าหลินชิงทำให้หลี่จุ่นแพ้ในการแข่งม้าอย่างราบคาบได้อย่างไรและทำให้ภาพลักษณ์ของ

หลี่จุ่นในใจของเหล่าทหารยิ่งดูแย่ลง

หลี่จุ่นรู้ความคิดของไอ้หมอนี่ แต่ก็ไม่ถือสา

เมื่อฝูงชนหลั่งไหลมาถึงสนามม้า

ประตูก็ถูกเปิดออกทันที ทำให้เห็นม้าหลายสิบตัวกำลังกินหญ้าอย่างเอ้อระเหยอยู่ข้างใน

หลินชิงรีบพูดว่า “ท่านอ๋อง ม้าพวกนี้ล้วนผ่านการคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันและเป็นม้าที่ดีที่สุดในกองทัพของเรา ท่านอ๋องโปรดวางใจเถิด ข้าน้อยไม่เคยรู้เรื่องของม้าพวกนี้มาก่อน ไม่มีทางฉ้อโกงได้แน่นอน เชิญท่านอ๋องขอรับ”

แม้ปากจะพูดไปอย่างนั้น แต่เขาดูม้าเป็น ส่วนหลี่จุ่นดูม้าไม่เป็น นี่ไม่เท่ากับเป็นการโกงทางอ้อมหรือ

หลี่จุ่นพยักหน้า แล้วมองอาหยวนด้วยสีหน้าค่อนข้างนิ่งเฉยแวบหนึ่ง จากนั้นอีกฝ่ายก็พยักหน้าตอบ

หลี่จุ่นมองดูม้าพวกนี้อย่างละเอียด พูดเลยว่าเหมือนกันมากและดูกระปรี้กระเปร่าทุกตัว กระนั้นจึงยากที่จะแยกว่าตัวไหนวิ่งได้เร็วที่สุดด้วยสายตาของเขา

เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็หันหน้ามาพูดว่า “ท่านกุนซือ เป็นการแข่งม้าตัวต่อตัวและชนะสองในสามรอบใช่หรือไม่”

หลินชิงรีบพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ขอรับ ท่านอ๋อง”

หลี่จุ่นพยักหน้า

ชนะสองในสามรอบ นั่นก็หมายความว่าตนแพ้ได้แค่รอบเดียว

ทันใดนั้นเขาพลันนึกถึงนิทาน “เถียนจี้แข่งม้า” ขึ้นมาได้

ทว่า อย่างน้อยเถียนจี้ก็รู้ว่าม้าที่วิ่งเร็วนั้นเป็นอย่างไร

อีกอย่าง ใครจะรู้ว่าหลินชิงจะใช้กลยุทธ์เอาม้าชั้นดีแข่งกับชั้นดี ชั้นกลางแข่งกับชั้นกลาง หรือชั้นแย่แข่งกับชั้นแย่หรือไม่

ถ้าเกิดเขารู้จักเสริมจุดเด่น หลบเลี่ยงจุดด้อยเหมือนกับเถียนจี้ล่ะ

กระนั้นสิ่งสำคัญสำหรับการแข่งม้าอาจเป็นการดูม้าเป็นจริงๆ ก็ได้...

อาหยวนก็มองอย่างละเอียด ในขณะที่นางกำลังจะบอกให้หลี่จุ่นเลือกตัวไหนดี แต่หลี่จุ่นพลันห้ามนางไว้ แล้วหันหน้าไปถามหลินชิงว่า

“ท่านกุนซือ ขอให้คนของท่าน ขี่ม้าพวกนี้สักหนึ่งรอบให้ข้าผู้แซ่หลี่ดูให้ดีๆ ได้หรือไม่”

หลินชิงรีบส่ายหน้าทันทีและพูดว่า “ท่านอ๋อง ไม่จำเป็นหรอกกระมัง หากทรมานพวกมันเช่นนี้ เมื่อถึงเวลาแข่ง พวกมันอาจจะวิ่งได้ไม่ดีนัก ฉะนั้นเชิญท่านอ๋องรีบเลือกโดยเร็วเถอะขอรับ”

หากให้หลี่จุ่นเห็นพวกมันวิ่งหนึ่งรอบ หากเขาจับเวลาขณะที่พวกมันวิ่งหนึ่งรอบล่ะ

นั่นไม่เท่ากับเป็นการบอกไปตรงๆ ว่าม้าตัวไหนวิ่งได้เร็วหรือ อีกทั้งเขายังเป็นคนเลือกคนแรก เช่นนั้นตนจะไม่แพ้แน่หรือ

กระนั้นจึงให้ดูไม่ได้

หลี่จุ่นแอบสบถด่าและด่าถึงบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของหลินชิงในใจ

หรือว่าทำได้เพียงพึ่งพาโชคช่วยเท่านั้นจริงๆ หรืออาศัยวิชาดูม้าที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือของอาหยวน

หลี่จุ่นครุ่นคิดชั่วขณะก่อนจะพูดว่า “เช่นนั้นแล้ว ก็เชิญท่านกุนซือเลือกก่อนเถอะ”

อะไรนะ!

ให้หลินชิงเลือกก่อนหรือ

ทุกคนต่างตกตะลึงทันทีที่สิ้นเสียงนี้

คนแรกที่ตกตะลึงก็คือหลินชิง

อย่างไรเสียหลี่จุ่นก็เกิดในราชสำนักอันสูงส่ง

การที่บุคคลสูงศักดิ์ให้ความใกล้ชิดกับพวกเขาเช่นนี้ มันทำให้พวกเขารู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจจนหัวใจพองโต

หากท่านกุนซือโกงจริงๆ พวกเขาก็พร้อมที่จะช่วยเหยียดหยามซ้ำเติมด้วยความมีมนุษยธรรม อีกทั้งทัศนคติของพวกเขาที่มีต่อท่านกุนซือก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดี

ในเวลานี้ ถึงกับมีผู้บังคับกองพันหลายคนออกมายืนตะโกนว่า

“ถูกต้องแล้ว หากท่านกุนซือรู้ล่วงหน้ามาก่อนจริง ข้าก็พร้อมที่จะเหยียดหยามท่านกุนซือ”

“ถูกต้อง หากท่านกุนซือโกง ท่านกุนซือก็จะเป็นพวกแพ้ไม่เป็นไปตลอดชีวิต”

“ท่านอ๋องโปรดวางใจเถิด ท่านกุนซือเป็นคนซื่อตรง”

ไม่รู้ว่าเป็นการชมหรือดูถูกกุนซือของตนเองกันแน่ แต่พอหลินชิงได้ยินแล้วก็รู้สึกทะแม่งๆ

ในเมื่อแม้แต่ตัวหลี่จุ่นเองก็ไม่กลัว แล้วเขาจะกลัวอันใด

อย่างไรเสีย เหล่าทหารก็ไม่รู้ว่าหลี่จุ่นดูม้าไม่เป็น และตนชนะอย่างไม่ยุติธรรม

ยกย่องคนอย่างหลินชิงไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะหลินชิงเขาไม่ใช่คนซื่อตรง คนซื่อตรงจะเป็นกุนซือได้อย่างไร

น่าขันสิ้นดี

“ท่านอ๋อง เช่นนั้นแล้ว งั้นข้าน้อยก็ไม่เกรงใจแล้วนะขอรับ”

หลินชิงพูดด้วยรอยยิ้ม

เขาเดินไปเลือกม้าที่เก่งที่สุดในทันใด

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน