องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 449

เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของจี้จงชิง พวกหลินชิงทั้งสามคนก็มองหน้ากัน ทุกคนไม่เห็นอะไรผิดปกติเลย

นี่เป็นเรื่องธรรมดา จี้จงชิงชายชราผู้นี้เป็นยอดคน อยากจะหาจุดบกพร่องจากสีหน้าของเขานั้น คงจะต้องฝึกฝนความสามารถอีกนานถึงจะดูความจริงจากคนนั้นออก

แน่นอนว่าจี้จงชิงนั้นถือว่าไม่ได้โกหก

สิ่งที่เขียนไว้หกคำบนนั้นคือ แดนเหนือสงบ อ๋องหกบัญชา จริง ๆ!

แต่ว่าหลี่จุ่นเป็นคนเขียน!

จี้จงชิงคิดไม่ถึงว่าหลี่จุ่นจะรู้จักอักษรซางโบราณ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้เยอะด้วย และภายในใจเขาก็ดูสงบนิ่งมาก

เมื่อก่อนนั้นเขาเคยศึกษาอักษรซางโบราณมาจริง ๆ แต่ว่าอ่านไม่ออกแม้แต่คำเดียว อันที่จริงมันไม่ใช่ง่าย ๆ นะ แถมยังเคยไปศึกษากับหลี่เหวินจวินอีกด้วย แต่ทั้งคู่ไม่ได้อะไรเลย!

และนี่ก็คือความจริง!

พวกหลินชิงทั้งสามคนอยากจะไปให้หลี่เหวินจวินยืนยันงั้นหรือ

ก็ไปเลยสิ ถ้าหาเจอนะ!

ด้วยเหตุนี้ ต่อให้จี้จงชิงจะโกหกก็ไม่กลัวคนเปิดโปง

เขานับถือกลยุทธ์ของหลี่จุ่นเป็นอย่างมาก โชคดีที่หลี่จุ่นยังคิดวิธีนี้ได้เพื่อปลุกปั่นใจคน

หกคำนี้ไม่ใช่แค่กระจายไปในดินแดนตอนเหนือเท่านั้น แต่ตอนนี้คงแพร่กระจายไปทางเหนือทางใต้กระจายไปทั่วทุกหนแห่งแล้ว

ถึงอย่างไรมันเป็นก็สิ่งที่น่าอัศจรรย์จริง ๆ นะ!

“ท่านอัครมหาเสนาบดี ท่านช่วยบอกหน่อยหกคำนี้หมายความว่าอะไร” หลินชิง หลิวเซิ่ง และจางฟ่างต่างก็มองหน้ากัน จากนั้นก็ลองหยั่งเชิงถาม

จี้จงชิงสีหน้าดูสงบพลางพูดช้า ๆ

“คำว่า ‘แดนเหนือสงบ’ เข้าใจได้ไม่ยาก น่าจะหมายถึงความสงบในดินแดนเหนือ หรืออาจพูดได้ว่าดินแดนทางตอนเหนือต้องการความสงบ แต่สำหรับท่อนหลัง ‘อ๋องหก’ หมายความว่าอะไร ข้าเองก็ไม่มีปัญญา...แต่ความหมายบ่งชี้ไปว่าดินแดนทางตอนเหนือถ้าอยากจะสงบสุข จำเป็นต้องให้อ๋องหกอะไรนั่นมาเป็นผู้นำ หรืออาจหมายถึงให้อ๋องหกอะไรนั่นมานำทัพ...”

ใบหน้าของพวกหลินชิงทั้งสามดูตึงเครียด และสีหน้าก็ดูไม่ได้ในทันที

จางฟ่างรีบพูดทันที “ท่านอัครมหาเสนาบดี! ไม่น่าจะหมายความว่าอย่างนี้แน่นอน ท่านอัครมหาเสนาบดีเข้าใจผิดแล้ว!”

“ใช่ ข้าก็คิดว่าท่านอัครมหาเสนาบดีก็คงเข้าใจผิด!” หลิวเซิ่งก็เห็นด้วยทันที “นอกจากจอมทัพแล้ว ใครกันจะไปเป็นผู้บัญชาการคนใหม่ชายแดนทางตอนเหนือของเราได้”

จู่ ๆ สีหน้าของจี้จงชิงก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา และพูดอย่างเย็นชาว่า “โอ้ ท่านแม่ทัพทั้งสองหมายความว่าข้าเป็นคนที่พูดจาส่งเดชงั้นหรือ หรือจะบอกว่าความรู้ของท่านแม่ทัพทั้งสองนั้นมีมากกว่าข้าผู้นี้หรือ”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา สีหน้าของสองคนนั้นก็เปลี่ยนไป ทำอะไรไม่ถูกในทันที

หลินชิงรีบกล่าว “ท่านอัครมหาเสนาบดีอย่ากริ้วไปเลยขอรับ ท่านแม่ทัพทั้งสองไม่ได้หมายความเช่นนั้น...”

“งั้นกุนซือหลินพูดมาสิว่าแม่ทัพทั้งสองนั้นหมายความว่าอย่างไร”

จี้จงชิงกัดไม่ยอมปล่อย “หากความรู้ของท่านแม่ทัพทั้งสองเหนือกว่าข้า งั้นข้าก็จะถือว่าที่ผ่านมาไม่ได้พูดอะไรเลย”

จางฟ่างกล่าวทันที “ท่านอัครมหาเสนาบดีโปรดอภัยให้ข้าด้วย พวกข้า...ไม่ได้หมายความเช่นนั้น!”

“ขออภัยท่านอัครมหาเสนาบดี...ข้าหลิวเซิ่งผู้นี้ก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้น” หลิวเซิ่งกัดฟันเช่นกัน

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นแม่ทัพสามารถสั่งการกองกำลังทหารนับหมื่นนับพันนายที่ชายแดนทางตอนเหนือ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าหุนหันพลันแล่นกับจี้จงชิงแม้แต่น้อย

จี้จงชิงมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทุกทิศไม่ใช่แค่บุคคลธรรมดา สถานะของเขาทั้งสองไม่สูงพอที่จะท้าทายกับจี้จงชิง

“นี่…”

พวกหลินชิงทั้งสามคนพากันสีหน้าหม่นหมอง

ดินแดนตอนเหนือจะเกิดสงครามจริงหรือ

เป็นไปได้อย่างไร!

อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ จี้จงชิงคงจะไม่เอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่น เพราะฉะนั้นนี่ไม่ใช่เรื่องโกหกแน่ ๆ!

จางฟ่างถามทันที “ท่านอัครมหาเสนาบดี ศัตรูนี้มาจากที่ใด ทำไมข้าไม่ได้รับข่าวอะไรเลย”

จี้จงชิงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ถ้าอยากรู้มากกว่านี้พวกเจ้าต้องถามท่านอ๋องด้วยตนเอง ครานี้ท่านอ๋องมาทางเหนือโดยมีโทษติดตัวมาด้วย แต่จริง ๆ แล้วแอบสืบสวนอยู่ ข้าและท่านอ๋องทั้งคู่ได้รับกระแสรับสั่งจากฝ่าบาท”

“อะไร”

“นี่มัน…”

ทั้งสามคนไม่รู้ว่าควรจะแสดงสีหน้าแบบไหน ในขณะนี้ทั้งรู้สึกผิดหวังนิด ๆ ตกใจหน่อย ๆ ไม่เต็มใจเล็กน้อย ถึงขนาดที่เริ่มกลัวเบา ๆ

“จางฟ่าง หลิวเซิ่ง หลินชิง พวกเจ้าทั้งสามรับราชโองการ!”

จู่ ๆ จี้จงชิงก็หยิบราชโองการออกมาจากอ้อมแขนพลางพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ฝ่าบาทอายุยืนหมื่นปี หมื่น ๆ ปี!”

ทั้งสามคนได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที ก่อนจะรีบคุกเข่าลง!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน