องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 465

ในกระโจมที่เรียบง่าย

มีสตรีผู้หนึ่งสวมชุดผ้าไหมสีขาว ปักปิ่นสีทองอยู่บนศีรษะ สวมผ้าคลุมหน้า เผยให้เห็นเพียงดวงตาหงส์คู่งาม กำลังนั่งอยู่อย่างเชื่อฟัง และคอยเงยหน้ามองทางเข้าอยู่ตลอดเวลา

พักใหญ่ ในที่สุดร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาในกระโจม สตรีผู้งดงามยืนขึ้นทันที และพูดขึ้นด้วยความเคารพ :

“ข้าน้อยคารวะจอมทัพ !”

เจิ้นเป่ยอ๋องเพียงพยักหน้าเล็กน้อย

เดินไปนั่งลงตรงข้ามสตรีผู้นั้น โบกมือให้องครักษ์ซ้ายขวาออกไป เหลือไว้เพียงรองแม่ทัพคนสนิท

“จอมทัพ สามวันก่อนอำนาจทางทหารของชายแดนทางตอนเหนือถูกเปลี่ยนมือแล้ว ตอนนี้กำลังทหารแสนนายตกไปอยู่ในมือของจี้จงชิง จอมทัพมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง ?”

สตรีชุดขาวค่อย ๆ พูดขึ้น

ราวกับว่านางต่างหากที่เป็นนาย ค่อย ๆ รินน้ำชาให้หลี่ทงหนึ่งถ้วย น้ำเสียงแผ่วเบา

สีหน้าของเจิ้นเป่ยอ๋องไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงใด ๆ แสดงออกถึงความสงบนิ่งอย่างยิ่ง และพูดว่า :

“แม่นางปันอยากฟังอะไรล่ะ ?”

สตรีชุดขาวที่ถูกเรียกว่าแม่นางปันหัวเราะออกมา แล้วพูดว่า :

“อาจารย์ของข้าน้อยคิดว่าฝ่าบาททรงลงมือแล้ว ดังนั้นข้าน้อยจึงอดไม่ได้ที่จะมาเตือนจอมทัพ”

เจิ้นเป่ยอ๋องพยักหน้า “แม่นางมีอะไรก็พูดมาตรง ๆ เถอะ”

“อาจารย์ของข้าน้อยคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่จะให้......ทัพใหญ่ข้ามแม่น้ำ หากล่าช้าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้” สตรีชุดขาวพูดขึ้น

เจิ้นเป่ยอ๋องยังคงพยักหน้า

ครั้งนี้ค่อย ๆ หยิบถ้วยชาที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดื่ม

จังหวะที่ถูกถ้วยชาบดบังสายตา ก็ปรากฏเจตนาฆ่าอันเย็นชาออกมาแวบหนึ่ง

ทว่า เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น

จากนั้นสีหน้าของเจิ้นเป่ยอ๋องก็ยังคงสงบนิ่ง และค่อย ๆ พูดขึ้นว่า :

“ในใจของข้ามีคำถามข้อหนึ่งที่อยากถามอาจารย์ของเจ้ามาตลอด รบกวนแม่นางปันช่วยนำกลับไปบอกอาจารย์ของเจ้าด้วย”

สีหน้าของแม่นางปันเปลี่ยนไปเล็กน้อย

แต่ถูกผ้าคลุมหน้าปิดบังไว้ จึงมองไม่ออกนัก

ดวงตาหงส์คู่นั้นราวกับมีแววตาของความฉลาดหลักแหลมเผยออกมาแวบหนึ่ง

รู้จักกับเจิ้นเป่ยอ๋องผู้ยิ่งใหญ่มาตั้งหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเจิ้นเป่ยอ๋องเป็นฝ่ายถามคำถามขึ้นมาก่อน

สิ่งนี้ทำให้เกิดความรู้สึกเหนือความคาดหมาย

แม่นางปันเม้มปาก เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน :

สตรีชุดขาวลุกขึ้นทันที รีบหนีหัวซุกหัวซุน โดยไม่สนใจรูปลักษณ์แม้แต่น้อย วิ่งตรงไปยังทางหลวงด่านเหิงกู่

ผ่านไปสักพัก

ชายชุดคลุมยาวสีเทา สวมผ้าโพกศีรษะเดินเข้ามาในกระโจม ทุกการเคลื่อนไหวของชายผู้นี้ล้วนดูสง่างามอย่างยิ่ง

“จอมทัพ หากท่านต้องการฆ่านาง ทำไมต้องทำให้ยุ่งยากเช่นนี้ด้วย ?” ชายชุดคลุมยาวกล่าว

เจิ้นเป่ยอ๋องเงยหน้ามองผู้ที่เดินเข้ามา แล้วพูดว่า :

“กุนซือ หรือเจ้าไม่สงสัยว่าอาจารย์ที่อยู่เบื้องหลังแม่นางปันผู้นี้คือใครกันแน่ ? ติดต่อกับข้ามาตั้งหลายปี เอาแต่ปิดบังตนเองอยู่ตลอด ช่างน่าขายหน้านัก แม้แต่ศิษย์ของเขายังเป็นเช่นนี้ ตอนนี้ยังจะให้ข้าหลีกทางให้อีก ช่างน่าขำสิ้นดี !”

ชายชุดคลุมยาวผู้นี้คือ เสนาธิการฝ่ายขวา หนึ่งในสองเสนาธิการทหารของกองทัพพิทักษ์อุดร และเป็นคนสนิทที่เจิ้นเป่ยอ๋องไว้วางใจที่สุด

ชายชุดคลุมยาวค่อย ๆ พยักหน้า แล้วพูดว่า : “ท่านอ๋องแสร้งติดต่อกับคนผู้นี้มาหลายปี เพียงแค่ต้องการรู้ความจริงเรื่องการกบฏอย่างกะทันหันของท่านอ๋องสามในตอนนั้น จากปากของพวกเขาก็เท่านั้น ตอนนี้อีกฝ่ายทนไม่ไหว ต้องการรวมแคว้นต่าง ๆ เข้ากับจงหยวน......ถึงเวลาแล้วที่จอมทัพควรทำให้อีกฝ่ายได้รู้ว่า ราชวงศ์อู่มีเพียงแซ่หลี่เท่านั้น การไล่ล่าแม่นางปัน เพียงต้องการบอกกับอีกฝ่ายว่า หากต้องการรวมแคว้นต่อ ก็ให้อีกฝ่ายมาด้วยตนเอง”

“ถูกต้อง !”

สายตาของเจิ้นเป่ยอ๋องเย็นชา ร่างกายแผ่ซ่านไปด้วยรัศมีที่น่ากลัว “ไม่ว่าบ้านเมืองของสกุลหลี่เราจะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องในครอบครัวของสกุลหลี่เรา คนนอกไม่มีสิทธิ์ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยว !”

ชายชุดคลุมยาวที่ถูกเรียกว่ากุนซือพยักหน้า แล้วถามว่า :

“เช่นนั้นจอมทัพจะรับมืออย่างไรกับการเปลี่ยนแปลงอำนาจทางการทหารของชายแดนทางตอนเหนือ ? ดูผิวเผินเหมือนกับจิ่นอ๋องผู้นั้นเป็นผู้กุมอำนาจทางทหาร แต่จี้จงชิงอยู่ที่ชายแดนทางตอนเหนือ ความจริงแล้วเขาต่างหากที่ควบคุมทุกอย่าง”

“กำลังทหารแสนนายนี้ ตกไปอยู่ในมือของจี้จงชิง หากอยากได้กลับคืนมา......ไม่ใช่เรื่องง่าย จอมทัพต้องคิดหาวิธีรับมือโดยเร็วที่สุด”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน