องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 636

หลี่จุ่นหรี่ตาลงพลางเอ่ยถาม

“เหล้าหนึ่งไหต่อหนึ่งเรื่องหรือ ?”

“เหล้าหนึ่งไหต่อหนึ่งเรื่อง !” หม่าหยวนฮั่นพยักหน้าตอบ

“เช่นนั้นก็ดีจริง ๆ เหล้ามีมากพอเชียวละ !”

หลี่จุ่นโบกมืออย่างเต็มแรง ก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ก็มิได้ต้องการให้ท่านทำสิ่งใดหรอก อยู่คุ้มกันข้างกายข้าก็พอ แต่ถ้าข้าเจอศัตรูที่รับมือไม่ได้ก็คงต้องให้ท่านออกโรง แน่นอนว่า หากท่านลงมือแทนข้าหนึ่งครั้ง ข้าก็จะให้เหล้าแก่ท่านหนึ่งไห !”

“ดี ตกลงตามนี้ !”

หม่าหยวนฮั่นได้ยินแล้วก็รู้สึกยินดียิ่งนัก

ภายใต้รูปลักษณ์ที่สุดแสนจะธรรมดา แต่กลับซ่อนไว้ซึ่งแววตาที่แหลมคม หลี่จุ่นค้นพบจุดเด่นที่สองของเขาได้เสียแล้ว

......

เทือกเขาชิงเฟิง

ซือหม่าเหย่ฟื้นขึ้นมาแล้ว อีกเพียงนิดเขาก็เกือบจะต้องจากโลกนี้ไปเสียแล้ว โชคดีว่ายมบาลยังไม่ต้องการตัวเขาไปในตอนนี้

แต่บาดแผลเดิมบนร่างกายนั้นระบมขึ้นมา ทำให้เขาทรมานนัก

ซือหม่าชิงอวิ๋นเองก็ฟื้นแล้วเช่นนั้น

แต่ก็เพียงแค่ฟื้นเท่านั้น... ยังคงไม่อาจลงจากเตียงได้

แน่นอนว่าเขาสามารถเอ่ยพูดคุยได้อยู่บ้าง

ซือหม่าชิงอวิ๋นนั้นถูกระเบิดจนบาดเจ็บ หากมิใช่ว่าดวงแข็งมากพอ อย่าว่าแต่ฟื้นขึ้นมาเลย เกรงว่าคงยากที่จะรอดกลับมาได้ด้วยซ้ำ

สองอาหลานต่างก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว นั่นแปลว่าในที่สุดกำลังสำคัญของทัพเยียนทั้งสองก็สามารถเอื้อนเอ่ยออกเสียงได้ เล่นเอาเหล่าผู้คนที่ต่างก็รอลุ้นพากันดีใจจนแทบร่ำไห้

เพราะเมื่อทั้งสองคนต่างบาดเจ็บหนัก เหล่าทหารก็ไม่รู้ว่าควรต้องทำเช่นใดต่อไป

โชคดีเหลือเกินที่พวกเขาฟื้นขึ้นมาเสียที

ครั้นเมื่อสองอาหลานตื่นขึ้นก็ถามถึงสถานการณ์การสู้รบในทันที เมื่อรู้ว่าทัพเฟิงเฉวี่ยนนับห้าหมื่นนายถูกชายแดนเหนือควบรวมเป็นหนึ่งเดียว ทั้งสองคนก็พากันกัดฟันกรอดด้วยความแค้นใจ

ซือหม่าชิงอวิ๋นประหลาดใจเรื่องที่ฮูเถี่ยถูแพ้สงครามยิ่งนัก เขายังคิดว่าฮูเถี่ยถูไม่น่าปราชัยโดยง่ายเช่นนี้

“โจรจี้นั่นรังแกกันเกินไปแล้ว ! หากมันไม่ตาย สงครามชายแดนเหนือต้องไม่จบแน่ !” ซือหม่าเหย่กัดฟันกรอดด้วยเคียดแค้นจี้จงชิงเสียยิ่งกว่าอะไรดี

จี้จงชิงผู้น่าสงสาร ทั้งที่เป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายแห่งราชวงศ์อู่ผู้สง่างาม มีชื่อเสียงไปทั่วหล้าว่าเป็นบุคคลที่เก่งกาจด้านกลยุทธ์ ถูกหลี่จุ่นกดเสียจนไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพด้านการวางกลยุทธ์ แล้วตอนนี้ยังต้องมาแบกรับข้อกล่าวหาอันหนักอึ้งนี้อีก...

หากจี้จงชิงรู้เรื่องเหล่านี้ขึ้นมา นึกไม่ออกเลยว่าเขาจะคิดอย่างไรบ้าง

แน่นอนว่าที่เขาจดจำได้นั้นไม่ได้เป็นเพราะเรื่องหน้าตา เหตุผลที่สำคัญที่สุดนั่นเป็นเพราะตอนที่หลี่จุ่นเจอฮูเถี่ยถูนั้นดูสงบนิ่งมากเกินไป

ดูสงบนิ่งมากเสียจนผิดปกติ

เป็นท่าทีที่ไม่เหมือนกับพวกเด็กเมื่อวานซืนสักนิด !

ด้วยเหตุนี้เอง ซือหม่าชิงอวิ๋นจึงจดจำหลี่จุ่นได้เป็นอย่างดี

“ผู้บัญชาการคนใหม่หรือ ?”

ซือหม่าเหย่ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยคิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่เมื่อลองคิดดูแล้วก็พยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ท่านอากล่าวได้มีเหตุผล การที่โจรจี้นั่นสนใจมันได้ ต้องเป็นเพราะมีอะไรที่ไม่ธรรมดาเป็นแน่ ท่านอา โจรจี้นั่นต้องตายก็จริง แต่ทัพเราควรรับมือกับสถานการณ์ในตอนนี้อย่างไรดีเล่า ?”

ซือหม่าอวิ๋นจึงเอ่ยขึ้น

“ทัพใหญ่แคว้นจ้าวข้ามแม่น้ำมาได้นั้นเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว เจิ้นเป่ยอ๋องที่ด่านเหิงกู่รับมือได้ไม่นานนักหรอก ฉะนั้นกองทัพเราต้องรั้งกำลังทหารของทางชายแดนเหนือนี่ให้ได้ เพื่อไม่ให้โจรจี้นั่นมีโอกาสเข้ามาช่วยเจิ้นเป่ยอ๋อง เชื่อว่าภายในครึ่งเดือน... ด่านเหิงกู่ต้องถูกทัพของแคว้นจ้าวตีจนแตก ถึงตอนนั้นทัพเราก็น่าจะลงทางใต้ได้”

ซือหม่าเหย่พยักหน้ารับ “แปลว่าทัพเราต้องหยุดเสียก่อน เพียงประวิงเวลากองทัพทหารทางชายแดนเหนือก็พอ”

ซือหม่าชิงอวิ๋นพยักหน้าตอบ เขาเผยรอยยิ้มเป็นครั้งแรกหลังจากที่ฟื้นขึ้นมา

เขาเอ่ยพลางเผยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความเจ้าเล่ห์

“ใช่แล้ว ด้วยเหตุนี้ ขอแค่ทัพเราไม่ขยับเขยื้อน หากโจรจี้ต้องการตีขึ้นทางเหนือแล้วได้เปรียบแม้เพียงนิด ข้าก็จะยอมศิโรราบแต่โดยดี !”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน