องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 645

ณ เมืองหลวงราชวงศ์อู่

ระหว่างทางไปห้องทรงพระอักษร เสิ่นคั่วที่เอามือทั้งสองที่สอดประสานใต้ชายแขนเสื้อเดินก้าวขาฉับ ๆ ตามหวังเหลียนที่เดินกะเผลก หวังเหลียนจึงเอ่ยเตือน

“ไท่ฟู่ เมื่อวานนี้ฝ่าบาทได้ยินรายงานศึกจากด่านเหิงกู่ สีหน้าไม่ค่อยดีนัก หากท่านมีข่าวร้ายอะไรก็รอดูสีหน้าของบาทก่อนแล้วค่อยรายงานเถิด ช่วงนี้พระพลานามัยของฝ่าบทไม่สู้ดีนัก รับความรุนแรงทางใจไม่ค่อยได้”

เสิ่นคั่วพยักหน้ารับ จนสีหน้าดูเหมือนไร้ซึ่งอารมณ์

ทั้งสองคนมาถึงหน้าห้องทรงพระอักษร หวังเหลียนก็เข้าไปรายงานข่าวทันที

“ฝ่าบาท เสิ่นไท่ฟู่มีเรื่องขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” หวังเหลียนก้มหัวแล้วเดินเข้าไป เอ่ยรายงานด้วยเสียงเบา

หลี่เจิ้งกำลังฟุบอยู่ที่โต๊ะพอดี

เมื่อได้ยินเสียงของหวังเหลียนก็เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยขึ้นทันที

“รีบให้ไท่ฟู่เข้ามา !”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” หวังเหลียนโค้งคำนับแล้วออกไปเรียกเสิ่นคั่วเข้ามาทันที

เมื่อเสิ่นคั่วเข้ามาถึงก็เอ่ยแสดงความเคารพทันที

“กระหม่อมขอถวายบังคมฝ่าบาท”

“ไท่ฟู่ มีข่าวจากทางเหนือบ้างหรือไม่ ?” หลี่เจิ้งเมื่อเห็นเสิ่นคั่วเดินเข้ามาก็เอ่ยปากถามทันที่

ท่าทีของหลี่เจิ้งนั้นดูวิตกกังวลอยู่บ้าง

ก่อนห้านี้มีรายงานข่าวจากด่านเฟิงเป่ยและด่านเหิงกู่เข้ามาว่าการรบนั้นอันตรายยิ่งนัก เล่นเอาหลี่เจิ้งกินไม่ได้นอนไม่หลับ

หากว่าข่าวของทางชายแดนเหนือเองก็เป็นข่าวร้ายเช่นกันก็คงจบเห่เป็นแน่

เสิ่นคั่วเองก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เขารีบเอ่ยขึ้นทันที

“กราบทูลฝ่าบาท อัครมหาเสนาบดีจี้ส่งข่าวมาว่า แม่ทัพฝ่ายศัตรูฮูเถี่ยถูได้ถูกแม่ทัพใหญ่จงจื่อหนิงสังหารแล้ว ทัพเฟิงเฉวี่ยนกว่าห้ามหมื่นนายยอมศิโรราบให้แก่ชายแดนเหนือแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ทันใดนั้น

หลี่เจิ้งที่ได้ฟังก็ถึงกับตะลึงงันไป !

เหตุใดจู่ ๆ ถึงถูกสังหารได้เล่า ?

แล้วทำไมถึงมีทัพเฟิงเฉวี่ยนแค่ห้าหมื่นนายเล่า ?

อย่างน้อยก็น่าจะมีถึงหนึ่งแสนนายด้วยซ้ำ !

ถึงแม้ว่านี่จะเป็นข่าวดี แต่หลี่เจิ้งกลับตกใจจนนิ่งอึ้งไป

สีหน้านั้นเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

ไม่กล้าแม้แต่จะเชื่อ

มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว !

“ไท่... ไท่ฟู่... นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? มีกองทัพเฟิงเฉวี่ยนห้าหมื่นนายยอมเข้าสวามิภักดิ์หรือ ?” หลังหลี่เจิ้งนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ก็เอ่ยถามด้วยความตกใจ

เสิ่นคั่วพยักหน้าตอบ “เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ! แต่ว่า...”

“ฝ่าบาท ครั้งนี้อัครมหาเสนาบดีจี้ยังส่งมาอีกหนึ่งข่าว บอกว่าจิ่งอ๋องเตรียมจะทิ้งเมืองเฟิงหั่ว ปล่อยให้ทัพจากแคว้นเยียนลงใต้แล้วเข้ามาปักหลักอยู่พ่ะย่ะค่ะ”

“อะไรนะ ?!”

หลี่เจิ้งเกือบจะตกเก้าอี้ในทันที รอยยิ้มบนใบหน้าค้างเติ่งอยู่เช่นนี้ด้วยตกใจกับสิ่งที่เสิ่นคั่วกล่าวจนต้องรีบละล่ำละลักถามออกมา

“นี่... นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน ? เหตุใดต้องทิ้งเมืองเฟิงหั่วด้วยเล่า ?!”

เสิ่นคั่วส่ายหน้าแล้วเอ่ยตอบ “เรื่องนี้พระองค์ต้องทรงถามจิ่งอ๋องด้วยตัวเองแล้วพ่ะย่ะค่ะ แม้แต่อัครมหาเสนาบดีจี้เอง เมื่อคราที่เขียนมาในจดหมายลับก็รู้เรื่องนี้เพียงบางส่วนเท่านั้น”

“เล่นไม่เข้าท่า !”

หลี่เจิ้งได้ยินแล้วก็โมโหขึ้นมาทันที

“เมืองเฟิงหั่วเฉิงเป็นเมืองชายแดนสำคัญของราชวงศ์อู่ข้า จะทิ้งกันง่าย ๆ แบบนี้ได้เช่นไรกัน ? นี่คิดทำสิ่งใดกันแน่ ?!”

เสิ่นคั่วได้แน่นึกในใจ... ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไรเล่า

ข้าเป็นแค่คนส่งสารก็เท่านั้น

แม้แต่หน่วยข่าวลับที่ชายแดนเหนือก็ถูกคนกันไว้จนต้องถอยกลับมา

ได้ยินว่ามียอดฝีมืออยู่ที่นั่นจึงทำให้เข้าไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เสิ่นคั่วเองจึงสงสัยเป็นอย่างยิ่งเช่นกันว่า เหตุใดจู่ ๆ กองทัพแคว้นเฟิงเฉวี่ยนจึงพ่ายแพ้ได้

ต้องโทษเจ้าโจรเฒ่าเจ้าเล่ห์จี้จงชิงนั่น ในจดหมายที่เขียนมาก็มีเพียงไม่กี่คำ บอกแต่ผลไม่บอกที่มาที่ไป

เขาเองก็สนใจใคร่รู้ยิ่งนัก !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน