องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 646

“ช่างไร้สาระสิ้นดี ไร้สาระ!”

หลี่เจิ้งที่เพิ่งจะอารมณ์ดีได้เพียงชั่วครู่ก็พลันต้องอารมณ์เสียอีกแล้ว

นี่ช่างทำไปเรื่อยจริง ๆ!

เมืองเฟิงหั่วที่กองทัพพิทักษ์อุดรปกป้องกันมาหลายปีขนาดนี้ให้ทิ้งไปอย่างนี้น่ะหรือ?

มิหนำซ้ำยังทำให้ทัพใหญ่ของซือหม่าชิงอวิ๋นลงใต้อีก นี่มันบ้าไปแล้วหรือเปล่า?!

ก็ยังคิดว่าให้ลูกชายคนนี้คงคิดจะแก้แค้นตัวเองเป็นแน่ จึงจงใจสั่งการไปเรื่อย?

เสิ่นคั่วเห็นสีหน้าของหลี่เจิ้ง ก็รีบเอ่ยขึ้นว่า

“คือว่า...ฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่ออัครมหาเสนาบดีจี้ไม่ได้มีการคัดค้านอะไร มิหนำซ้ำยังจงใจขอร้องให้ฝ่าบาททรงห้ามจิ่งอ๋อง คิดว่าอัครมหาเสนาบดีจี้เองก็ตกลงแล้ว อัครมหาเสนาบดีจี้กับจิ่งอ๋องคงจะไม่มีแผนอะไรเป็นแน่”

หลี่เจิ้งขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม เขาครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้นพลางพยักหน้าเล็กน้อย

“ที่ไท่ฟู่พูดมาก็มีเหตุผลเช่นกัน แต่นี่มันสั่งการไปเรื่อยเกินไปแล้ว หากสูญเสียเมืองเฟิ่งหั่วไป แม่ทัพทัพศัตรูคงได้เร่งเดินทัพพร้อมทั้งบุกเข้ามา พุ่งตรงมายังเมืองหลวงเราเลยนะ”

เสิ่นคั่วทำได้เพียงเอ่ยขึ้นว่า “กระหม่อมคิดว่า ตอนนี้มีเพียงต้องเชื่อพวกเขาทั้งสองคน ถึงจะสามารถกอบกู้ราชวงศ์อู่ของเราจากวิกฤติได้”

หลี่เจิ้งพลันถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“ดูจากตอนนี้ คงต้องทำเช่นนี้จริง ๆ ตอนนี้ด่านเหิงกู่หมิ่นเหม่ ทัพเหยียนอ๋องทางด่านเฟิงเป่ยเองก็ยากจะต้านทานทัพใหญ่ของโจวชิง...หากไม่เสริมกองกำลัง ไม่ว่าจะเป็นด่านเหิงกู่หรือด่านเฟิงเป่ยก็ต้องถูกตีแตกเป็นแน่!”

เสิ่นคั่วพยักหน้า

หลี่เจิ้งลุกขึ้นอย่างผิดหวัง มา ๆ ไป ๆ เดินไปเดินมาอยู่ในตำหนัก

ทันใดนั้นก็ครุ่นคิด หวังเหลียนที่ถอยออกจากประตู ให้เขาเฝ้าอยู่ด้านนอก

ในขณะนี้เองถึงได้มองไปยังเสิ่นคั่วพลางเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ไท่ฟู่...เจ้าคิดว่าข้าควรทำอะไรสักหน่อยใช่หรือไม่?”

เสิ่นคั่วยังคงซุกสองมือเอาไว้ในแขนเสื้อดังเดิม เขากลับส่ายหน้าแล้วเอ่ยขึ้นว่า

“ที่วันนี้กระหม่อมมายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากทูลพ่ะย่ะค่ะ ในจดหมายของท่านอัครมหาเสนาบดีจี้ยังกำชับเอาไว้เป็นพิเศษว่า ที่เมืองหลวงตอนนี้ไม่ควรจะกระทำการหุนหันพลันแล่น สถานการณ์วิกฤติของราชวงศ์อู่ในตอนนี้อาจจะ...ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของจิ่งอ๋อง!”

“หืม?!”

หลี่เจิ้งตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบเอ่ยถามขึ้นว่า “ไม่นึกเลยว่าอัครมหาเสนาบดีจี้จะเชื่อมั่นในตัวเจ้าหกขนาดนี้? แต่เจ้าหกยังมีวิธีใดที่จะกอบกู้แนวโน้มในตอนนี้กัน?”

“เรื่องนี้กระหม่อมไม่รู้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”

เสิ่นคั่วส่ายหน้า ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “แต่ว่า กระหม่อมคิดว่าในเมื่ออัครมหาเสนาบดีจี้เอ่ยปากเช่นนี้แล้ว คิดว่าท่านอัครมหาเสนาบดีจี้คงมั่นใจในตัวจิ่งอ๋องไม่น้อย”

นัยน์ตาของหลี่เจิ้งประกายความสงสัยนิดหน่อย เขาครุ่นคิด ก่อนจะหัวเราะเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นว่า

“ฮ่า ๆ ๆ หากเจ้าหกเปลี่ยนแนวโน้มของราชวงศ์อู่เราในตอนนี้ได้จริง ๆ เช่นนั้นก็จะพิสูจน์ได้ว่าเราเลือกคนไม่ผิด! ช่างเถอะ เจ้าลูกคนนี้ทำให้ข้าประหลาดใจอยู่ไม่น้อย ตอนนี้จะลองเชื่อมั่นในตัวเขาอีกสักคราก็แล้วกัน”

“แต่ว่า เรื่องนี้ท้ายที่สุดแล้วก็พัวพันถึงความปลอดภัยและอันตรายของราษฎรในใต้หล้า พัวพันถึงแผ่นดินราชวงศ์อู่ของเรา ข้าเองจะไม่เตรียมแผนสำรองก็ไม่ได้ ต้องจับตาดูสถานการณ์รบของด่านเหิงกู่และด่านเฟิงเป่ยอยู่ตลอดเวลา ส่งคนของหน่วยข่าวลับออกไป ตอนนี้ข้าจะต้องได้รับข่าวสถานการณ์รบของทั้งสองฝ่ายทุกวัน!”

หลี่เจิ้งหรี่ตา

น้อยครั้งมาก ๆ ที่ชายชราผู้นี้จะมีเรื่องมาขอร้องตน นอกเสียจากชักสีหน้าใส่ตนเพราะเงินหกพันตำลึงคราวก่อนนั่นแล้ว ก็น้อยครั้งที่จะเสียอาการต่อหน้าตน

“ไท่ฟู่มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถิดไม่เป็นไร!”

หลี่เจิ้งมองจนในใจไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก

เสิ่นคั่วกัดฟัน แล้วบังอาจเอ่ยขึ้นว่า “กระหม่อมบังอาจทูลขอ...ยืมใช้คุกหลวงกับฝ่าบาทหน่อยพ่ะย่ะค่ะ!”

หืม?!!

ยืมคุกหลวง?!

เรื่องบ้าอะไรกัน?

เคยแต่ได้ยินยืมหนังสือ ยืมเงิน แต่ไอ้ยืมคุกหลวงนี่เพิ่งจะเคยได้ยินเป็นครั้งแรก!

หลี่เจิ้งอึ้งกิมกี่ไปในทันใด คิดว่าเสิ่นคั่วกำลังล้อเล่น ก่อนจะเอ่ยถามว่า

“ไท่ฟู่ เจ้าจริงจังหรือ? เจ้าจะยืมคุกหลวงกับข้าไปทำอะไร?”

สีหน้าของเสิ่นคั่วดูอัดอั้นอยู่เล็กน้อย เขาตอบกลับว่า

“กระหม่อมได้รับรายงานลับ มีศัตรูผู้ของกระหม่อมหนึ่งเตรียมจะฆ่ากระหม่อม...ฉะนั้น กระหม่อมจึงคิดจะไปซ่อนตัวที่คุกหลวง...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน