องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 702

เมื่อได้ยินแม่ทักทุกคนจ่างวิพากษ์วิจารณ์กัน ซือหม่าชิงอวิ๋นก็มองทุกคนทีหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า

“ก่อนหน้านี้ข้าสั่งให้หน่วยตรวจตราที่คุ้มกันอยู่ที่ด่านเฟิงเป่ยกลับไปป้องกันยังทางที่ต้องผ่านของชายแดนเหนือ หากหัวแรงหลักของกองทัพพิทักษ์อุดรนั่นกลับไปป้องกัน ข้าก็จะได้รับข่าว ตอนนี้ยังไม่ได้รับข่าวใด ๆ กลับมา เป็นไปได้มากว่าโจรจี้นั่นละทิ้งเมืองเฟิงหั่วนี่ไปชั่วคราวจริง ๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว”

ซือหม่าชิงอวิ๋นชะงัก มือใหญ่ ๆ โบก ก่อนจะเอ่ยขึ้นพร้อมทั้งยิ้มอย่างเย็นชา

“เอาละ รีบส่งคนไปกวาดล้างเมืองศัตรู ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาใด ๆ ทัพแคว้นเยียนของเราจะบุกเข้ายึดเมืองเฟิงหั่วในตอนสองยาม! และปักธงของทัพแคว้นเยียนเราบนกำแพงเมือง!”

ไม่ว่าจะเป็นกับดักหรือไม่ คืนนี้เขาซือหม่าชิงอวิ๋นจะต้องบุกเข้ายึดเมืองเฟิงหั่วให้ได้!

ไม่นาน

ยอดฝีมือด้านวรยุทธ์ที่อยู่ในทัพแคว้นเยียนกลุ่มหนึ่ง ก็เข้าไปสำรวจภายในเมืองเฟิ่งหัวด้วยความรวดเร็ว ผ่านไปครึ่งชั่วยามก็กลับออกมาอีกครั้ง

หลังสองยาม ทัพแคว้นเยียนเจ็ดหมื่นนายก็บุกเข้ายึดเมืองเฟิงหั่ว

บนกำแพงเมืองเฟิงหั่ว ธงของทัพแคว้นเยียนพริ้วไหว

เวลาเที่ยงของวันต่อมา ข่าวนี้ก็แพร่สะพัดมาถึงบนเขาเฟิงโหยว

เมื่อหลี่จุ่นได้ยิน ก็พลันหัวเราะก่อนเอ่ยขึ้นว่า

“เยี่ยมไปเลยซือหม่าชิงอวิ๋น พอเข้าไปก็อดไม่ได้ที่จะต้องปักธงของทัพแคว้นเยียนเลย ช่างกล้าดีจริง ๆ ! แต่ว่านี่ก็เป็นได้แค่เรื่องตลกเท่านั้น! เจ้าซือหม่าชิงอวิ๋น ถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ด้วยตัวตนของผู้พ่ายแพ้ เป็นตัวประกอบของข้า!”

หลี่จุ่นเรียกห้าผู้นำแห่งเขาเฟิงโหยวและจูเหล่าซานมา ก่อนจะรีบพูดสั่งว่า

“ขอสั่งให้ทุกคน ออกเดินทางพร้อมอาวุธครบมือ เคลื่อนทัพไปยังเมืองเฟิงหั่ว!”

เมื่อผู้นำสามและผู้นำห้าแห่งเขาเฟิงโหยวได้ยินดังนั้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปในทันใด!

จะทำศึกอีกแล้วหรือ?

พวกเขาต่างรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ไปทั้งตัวขึ้นมาในทันใด

ทว่า

จูเหล่าซานกลับทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“ขอรับ ท่านจอมทัพ!”

จูเหล่าซานใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ได้รับความรู้สึกดี ๆ จากหลี่จุ่นได้สำเร็จอีกครั้ง!

ผู้นำสามมองจูเหล่าซานทีหนึ่ง

เขารู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างมาก เจ้าหมอนี่เร็วกว่าเขาอยู่ทุกครั้งมันร่ำไป

“เอาละ ให้เวลาพวกเจ้าครึ่งชั่วยาม จะออกเดินทางในอีกครึ่งชั่วยาม!” หลี่จุ่นเอ่ย

“ขอรับ!”

ผู้นำสามและจูเหล่าซานรีบเอ่ยขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน

ผู้นำห้าแพร่คำพูดของหลี่จุ่นไปให้พวกผู้นำใหญ่ทั้งสามคนได้ฟัง ผู้นำใหญ่และผู้นำรองต่างรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ไปทั้งตัวขึ้นมาในทันใด

ถึงอย่างไร คนผู้นี้ก็เป็นถึงอ๋องน้อย ยิ่งอ๋องน้อยเก่งกาจมากขึ้นเท่าไร อนาคตลัทธิเทียนซานของพวกเขาก็ยิ่งรุ่งโรจน์

แน่นอนว่าก่อนอื่นต้องให้เขาเข้าร่วมลัทธิเทียนซานเสียก่อน

จนถึงตอนนี้ เจ้าหมอนี่ราวกับไม่สนใจลัทธิเทียนซานเลย เขายินยอมถูกหลี่เจิ้งควบคุมเพื่อต่อลมหายใจ แต่ก็ไม่ยอมบากหน้าเข้าไปหาลัทธิเทียนซาน นี่ช่างน่าปวดเศียรเวียนเกล้าจริง ๆ

ทั้งสองคนกำลงพูดคุยกันอยู่ จู่ ๆ เงาร่างของผู้นำสี่ก็ปรากฏขึ้นตรงประตู

ผู้นำสี่กำลังถือเสื้อผ้าที่ซักเรียบร้อยแล้วและพับเอาไว้เป็นอย่างดีอยู่ในมือ นั่นเป็นเสื้อผ้าที่หลี่จุ่นถอดไปซัก ผู้นำสี่เป็นคนหยิบนำไปซัก ตอนนี้คงจะซักเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเห็นผู้นำสี่ หลี่จุ่นก็รีบรุดหน้าขึ้นมา ยื่นสองมือไปรับ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“ขอบคุณ!”

“ไม่ ไม่เป็นไร...”

ผู้นำสี่พยายามพูดสามคำนี้ให้ถูกต้อง จากนั้นนางก็มองไปที่หลี่จุ่น นัยน์ตาซับซ้อน สุดท้ายก็ประกายความเศร้าสลดและความผิดหวังออกมา ก่อนจะเบือนสายตา แล้วส่งเสื้อผ้าไปให้หลี่จุ่น

หลี่จุ่นเผยอปาก ก่อนจะรับเสื้อผ้ามา พลางมองไปที่ผู้นำสี่

เขาอยากจะถามว่านางชื่อแซ่อะไร ก่อนจะตระหนักได้ว่านางฟังภาษาราชวงศ์อู่ไม่ออก และตัวเองก็ไม่เข้าใจภาษาเฟิงเฉวี่ยนเช่นกัน

“เฮ้อ”

หลี่จุ่นพลันลอบถอนหายใจในใจ จิตใจของเขาสับสนวุ่นวายดั่งด้ายพันกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน