องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 73

การล่าสัตว์ครั้งนี้ใช้กวางทั้งหมดหกร้อยตัว แม้จะมีไม่กี่ตัวที่ไม่ถูกล่า แต่ก็นับว่าเป็นจำนวนเนื้อที่เยอะมากๆ!

เพียงแค่งานเลี้ยงขุนนาง ย่อมใช้ไม่หมดอยู่แล้ว

หลี่เจิ้งสั่งให้คนเอาไปขายที่ถนนฉางอันส่วนหนึ่ง เพื่อเติมคลังของแผ่นดิน ส่วนหนึ่งมอบเป็นรางวัลให้กับขุนนางที่มีความดีความชอบล่วงหน้า เช่นเหยียนหวังฝู่ได้รับเป็นรางวัลสามร้อยจิน!

งานเลี้ยงขุนนางเริ่มแล้ว

ในเมืองหลวงไม่ว่าจะเป็นขุนนางตำแหน่งไหน ขั้นอะไร ก็จะได้รับคำเชิญมาร่วมงานเลี้ยงขุนนางภายในสวนที่อุทยานหลวง

รวมไปถึง แคว้นหลางเองก็ส่งขุนนางอวี้เจียมาร่วมเช่นกัน

ไม่เพียงเท่านั้น ได้ยินมาว่าขุนนางที่แคว้นหนานส่งเข้ามาเป็นเครื่องบรรณาการก็ได้รับคำเชิญ ให้มาร่วมงานเลี้ยงขุนนางเช่นกัน

เรียกได้ว่าสมานฉันท์เป็นอย่างมาก

ได้ยินว่าองค์ชายและองค์หญิงทุกพระองค์ จะแสดงพรสวรรค์ด้านการประพันธ์กลอนและขับร้องในงานเลี้ยง ยิ่งทำให้เหล่าขุนนางทั้งบุ๋นบู๊รอคอยอย่างไร้ที่เปรียบ

เมื่อม่านราตรีย่างกรายมาถึง

เหล่าขุนนางบุ๋นบู๊รวมตัวกันอยู่ที่ตำหนักจัดงานเลี้ยง

หลี่จุ่นเองก็มาร่วมงานเลี้ยงตั้งนานแล้ว นั่งติดกับสองสาวหวังเยียนหรันและจ้าวเฟยเอ๋อร์ ทั้งสองสาวต่างสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ที่งดงาม ดูแล้วสวยสดงดงามเป็นอย่างมาก

ทว่าจ้าวเฟยเอ๋อร์ไม่กล้ามองหลี่จุ่น ใบหน้างามงดแดงระเรื่ออยู่ตลอด และแฝงความเขินอายอยู่เล็กน้อย

หวังเยียนหรันต่างออกไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความเปล่งประกาย ขยับเข้าไปกระซิบกระซาบข้างกายหลี่จุ่นเป็นครั้งคราว ราวกับผีเสื้อที่กระพือปีกเต้นรำ ร่าเริงเป็นอย่างมาก

หญิงสาวคนนี้ตื่นเต้น และกล้าหาญไร้การควบคุมได้ถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าเป็นเพราะกลอนเมื่อคืนบทนั้น

หลี่จุ่นหมดคำพูด แต่จะไม่คิดชดใช้การบุ่มบ่ามในเมื่อคืนไม่ได้ จึงปล่อยให้นางยังคงวนเวียนอยู่ข้างกายตน

“ฝ่าบาทเสด็จ!”

ทันใดนั้น เสียงสูงปรี๊ดของหวังเหลียนก็ดังขึ้นมา!

ทุกคนรีบลุกขึ้นกันโดยพลัน เห็นหลี่เจิ้งที่อยู่ในชุดผาวลายมังกร องอาจสง่าผ่าเผยน่ายำเกรง สาวเท้าเข้ามายังตำหนักใหญ่ เข้ามานั่งยังงานเลี้ยง

“ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นๆ ปี!” ทุกคนรีบถวายบังคม

“ทุกท่านลุกขึ้นเถิด เชิญนั่ง!” หลี่เจิ้งเอ่ยปากให้ทุกคนนั่งลง

พวกหลี่จุ่นนั่งลงกันอีกครั้ง

ทว่านั่งก้นยังไม่ทันร้อน ก็แว่วเสียงรายงานมาจากประตู

“ท่านหญิงอวี้เจียราชทูตแคว้นหลางขอเข้าเฝ้าฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”

“เชิญ!”

ใบหน้าของหลี่เจิ้งเคร่งขรึม รีบโยกมือขึ้น

หลี่จุ่นพลันมองไปที่ประตู ก็เห็นอวี้เจียสวมหมวกแดงประดับหยก สวมผ้าพาดบ่า สวมรองเท้าหุ้มส้นทรงสูงขลิบสีทอง ก้าวเข้ามาในตำหนักช้าๆ อย่างอะร้าอร่ามเป็นอย่างมาก

เบื้องหลังเธอยังมีชายรูปร่างกำยำสองสามคนยกลังใหญ่จำนวนหนึ่ง

อวี้เจียถอนหายใจเฮือกหนึ่ง จากนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ฝ่าบาทเพคะ ม้าและจามรีอยู่นอกเมืองแล้ว ขอฝ่าบาทโปรดส่งคนไปส่งมอบ! กระหม่อมจะส่งคนมาสอนวิธีการเลี้ยง!”

“ได้ หวังเหลียน รีบจัดคนส่งไป!”

สีหน้าของหลี่เจิ้งปลื้มปีติเป็นอย่างมาก ให้อวี้เจียเข้าที่นั่ง

แคว้นหลางยอมอยู่ใต้อำนาจ นี่เป็นเรื่องดีทีเดียว!

สีหน้าของหลี่จุ่นดูประหลาดใจ

ไม่นึกว่าแคว้นหลางจะยอมอยู่ใต้อำนาจเร็วขนาดนี้ นี่ไม่มีเหตุผลเลย

ขณะนี้เอง หวังเยียนหรันก็ขยับเข้ามาใกล้ช้าๆ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “องค์ชาย หม่อมฉันได้ยินท่านพ่อบอกว่าแคว้นหลางกับแคว้นเฟิงเฉวี่ยนคิดจะทำสงครามกัน ฉะนั้นแคว้นหลางจึงไม่มาขอสงบศึกไม่ได้”

ทำสงครามกับแคว้นเฟิงเฉวี่ยน?

แคว้นเฟิงเฉวี่ยนยึดครองทางเหนือโดยพลการ มีเพียงเส้นบางๆ กั้นระหว่างแคว้นหลาง มิหนำซ้ำไพร่ฟ้าของแคว้นเฟิงเฉวี่ยนยังมีร่างกายกำยำ ไพร่ฟ้าแลทหาร เป็นแคว้นที่กำลังของแผ่นดินไม่น้อยไปกว่าแคว้นหลางเลย

มิน่าล่ะแคว้นหลางจึงไม่มาเจรจาสงบสุขไม่ได้ หากยามนี้ยังคิดเป็นศัตรูกับราชวงศ์อู่อยู่อีก เช่นนั้นแคว้นหลางก็อยู่ไม่ไกลจากความหายนะ

ไม่ทำไม่ได้จริงๆ!

หลี่จุ่นเข้าใจในทันใด นัยน์ตาขยับ พลางเอ่ยขึ้นพร้อมกับหัวเราะเสียงเย็นว่า

“เช่นนั้นช่วงนี้ก็มีการละเล่นดีๆ ให้ดูแล้ว”

หวังเยียนหรันสงสัย “องค์ชาย มีการละเล่นอะไรหรือเพคะ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน