องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 74

หลี่จุ่นเพียงหัวเราะ แต่ไม่ตอบ

หากแคว้นเฟิงเฉวี่ยนต้องการทำสงครามกับแคว้นหลาง แต่ก่อนหน้านี้เรื่องที่แคว้นหลางไปเยือนราชวงศ์อู่แพร่สะพัดไปทั่ว แล้วแคว้นเฟิงเฉวี่ยนจะพลาดโอกาสนี้ได้อย่างไร

ไม่แน่ช่วงนี้พวกเขาอาจจะไปขอเข้าร่วมกองกำลังกับราชวงศ์อู่เพื่อร่วมมือกันทำลายแคว้นหลางและแบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน

แต่ท้ายที่สุดราชวงศ์อู่จะร่วมมือกับแคว้นเฟิงเฉวี่ยนหรือไม่

ก็ไม่รู้แน่ชัด

ดังนั้นหลี่จุ่นจึงพูดว่าอาจมีเรื่องสนุกๆ ให้ดู

เมื่อเห็นหลี่จุ่นไม่ยอมบอก หวังเยียนหรันจึงทำปากจู๋อย่างไม่พอใจทันทีและกลอกตามองบนอย่างเฉยเมย

หลี่จุ่นกลับกินขนมอย่างช้าๆ โดยไม่สนใจนาง แต่ทันใดนั้นเองเขาก็ตาค้างเล็กน้อยเมื่อมองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยของสองคนอยู่ฝั่งตรงข้าม

ไม่!

พูดตรงๆ ก็คือสองคนนี้เป็นหญิงสาวที่งามหยดย้อยมาก

หลี่จุ่นเคยเจอพวกนาง

หลี่จุ่นรีบถามหวังเยียนหรันที่อยู่ข้างๆ ทันที

หวังเยียนหรันเหลือบมองเขาอย่างไม่พอใจเล็กน้อยแวบหนึ่ง แต่ก็ตอบว่า “ทูลองค์ชาย พวกนางเป็นท่านหญิงในคณะทูตของแคว้นหนาน จะมาด้วยทุกปีเมื่อมีการถวายบรรณาการ เห็นทีจะสกุลจ้าวเพคะ”

หลี่จุ่นเข้าใจในทันที

ที่แท้ก็เป็นท่านหญิงในคณะทูตของแคว้นหนาน

เขารู้จักนามของหญิงสาวผู้งามหยดย้อยทั้งสองนี้

คนหนึ่งนามว่าจ้าวจื่อโหรว อีกคนนามว่าจ้าวเซียงหนิง

เมื่อไม่นานมานี้ที่งานโคมไฟฉางอัน หลี่จุ่นยังช่วยพวกนางสองพี่น้องไขปริศนาโคมไฟ ก็ถือว่าได้รู้จักกัน

แน่นอน

เขาจำหญิงสาวสองคนที่สวมผ้าคลุมครึ่งหน้าได้ แต่ไม่รู้ว่าจ้าวเซียงหนิงนางนั้นจะจำเขาได้หรือไม่

เพราะคืนนั้นมืดสลัวและเขาก็สนทนากับอีกฝ่ายเพียงเวลาสั้นๆ อีกฝ่ายจึงอาจจะจำเขาไม่ได้

“ราชทูตแห่งแคว้นหนาน”

หลี่จุ่นคิดพิเคราะห์

แคว้นหนานนี้อยู่ติดกับราชวงศ์อู่ แต่พลังอำนาจของแคว้นไม่ถือว่าเข้มแข็งและรุ่งเรืองมากนัก แต่วิถีประชากลับไม่เป็นรองราชวงศ์อู่ ขนบธรรมเนียม ตัวอักษร ฯลฯ ที่ใช้ล้วนเหมือนกับราชวงศ์อู่ หากมองจากมุมมองของหลี่จุ่นแล้ว แคว้นหนานนี้ก็เหมือนเป็นมณฑลใหญ่ของราชวงศ์อู่

แน่นอนว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น

นี่เป็นเพียงแคว้นหนึ่ง แม้จะค่อนข้างเล็กหากเทียบกับราชวงศ์อู่ แต่ก็มีขนาดพื้นที่เท่ากับหนึ่งในสามของราชวงศ์อู่

จากความทรงจำ แคว้นหนานนี้ก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์อู่ เพียงแต่ภายหลังได้แยกตัวออกไปเป็นแคว้นอิสระ

ในสมัยราชวงศ์ก่อนหน้า ดูเหมือนพวกเขาจะเคยพยายามรวบรวมเป็นหนึ่ง เพียงแต่ภายหลังตระกูลหลี่ได้ทำสงคราม จักรพรรดิแคว้นหนานได้ช่วยตระกูลหลี่สถาปนาแคว้น ด้วยเหตุนี้ทั้งสองแคว้นจึงผูกมิตรดั่งฉันพี่น้อง

แบ่งเสียงวรรณยุกต์ก็ไม่ถูก ไม่มีเสียงสัมผัส

เมื่อเหล่าขุนนางได้ฟังบทกลอนนี้ต่างก็มองหน้ากันด้วยความงุนงง

แต่ก็มีคนขี้ประจบสอพอรีบพูดประจบทันทีว่า “องค์ชายเจ็ดยังอ่อนวัยเช่นนี้ แต่สามารถเขียนออกมาอย่างมีจินตภาพ ช่างน่าทึ่งจริงๆ”

“ใช่แล้วพะย่ะค่ะ หากองค์ชายเจ็ดอายุมากกว่านี้อีกหน่อยต้องมีความสามารถล้นเหลือเป็นแน่”

หลี่เจิ้งมองหลี่จิ้นแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้ตำหนิเขาและกล่าวเตือนเล็กน้อยว่า

“จิ้นเอ๋อร์ บทกลอนนี้ของเจ้ามีจินตภาพอยู่บ้าง แต่ในเรื่องกฎเกณฑ์และเสียงสัมผัสเจ้าต้องมุ่งมานะกว่านี้”

หลี่จิ้นมีสีหน้าขมขื่นและรู้ทันทีว่าหลี่เจิ้งกำลังตำหนิตนจึงรีบพูดว่า “พะย่ะค่ะเสด็จพ่อ หม่อมฉันจะขยันมั่นเพียรมากกว่านี้แน่นอน”

“ดี”

หลี่เจิ้งหัวเราะ จากนั้นมองไปยังองค์หญิงองค์ชายท่านอื่นๆ พลางกล่าวว่า “ใครคือคนต่อไป”

“เสด็จพ่อ หม่อมฉันลองดูเพคะ” องค์หญิงแปดหลี่เซียงจู๋กัดฟันเพื่อรวบรวมความกล้าแล้วลุกขึ้นยืน

“ได้ เซียงเอ๋อร์ เจ้าลองดู” หลี่เจิ้งกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลี่เซียงจู๋หยิบบทกลอนที่ตนเขียนออกมาทันทีและเริ่มอ่าน

“กวางป่าตกใจหิมะหนา องค์ชายง้างคันธนูสุดแรง ลมหนาวพัดพาหิมะมา ดวงตาจ้องมองชัดเจนที่แท้คือดอกหิมะ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน