องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 734

อะไรนะ ?

เพียงทหารสอดแนมกล่าวจบ ทุกคนก็พากันตกตะลึง

สีหน้าของทุกคนต่างแปรเปลี่ยนไปในทันที

แม้แต่หลี่จุ่นเองก็ถึงกับนิ่งอึ้งไป

จากนั้น ชายหนุ่มจึงรับเก็บแผนที่แล้วเอ่ยขึ้นเสียงดัง “ถ่ายทอดคำสั่งข้าลงไป ให้ยกทัพลงทางใต้ไปยังเมืองเฟิงหั่วทันที !”

“ขอรับ !”

ทหารถ่ายทอดคำสั่งไม่กล้าชักช้าแม้เพียงชั่วอึดใจ รีบขึ้นม้าแล้วตะโกนเสียงดังลั่น

เพียงไม่นานนัก ทัพใหญ่ทั้งหนึ่งแสนสามหมื่นนายอันเกรียงไกรก็รุดไปยังทางใต้ทันที !

จงจื่อหนิงและหวังเซิ่งขี่ม้าประกบข้างหลี่จุ่น จงจื่อหนิงจึงเอ่ยถามขึ้น

“ท่านจอมทัพ โจวชิงผู้นี้คิดจะสู้กับจอมทัพเหยียนจนถึงที่สุด เอาให้ตายไปพร้อมกันหรือขอรับ ?”

เมื่อครุ่นคิดดูก็เห็นได้ว่าโจวชิงผู้นี้สติฟั่นเฟือนไปแล้ว จึงได้คิดอะไรนอกกรอบเช่นนี้ ถึงกับยกทัพบุกไปตีด่านเฟิงเป่ยโดยตรงเสียได้

นี่มันช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อยิ่งนัก

คนที่มีสติครบสมบูรณ์คงรู้ได้ว่าการตีด่านเฟิงเป่ยในเวลานี้เป็นการรนหาที่ตายโดยแท้

เพราะว่ากองทัพเจิ้นเป่ยของพวกเขามาถึงแล้วน่ะสิ

สีหน้าของหวังเวิ่งเองก็เปี่ยมไปด้วยความฉงนเช่นกัน เขาคิดไม่ออกว่าเหตุใดโจวชิงจึงเลือกที่จะโจมตีด่านเฟิงเป่ยในเวลาเช่นนี้

โจวชิงไม่กลัวว่ากองทัพเจิ้นเป่ยจะอาศัยจังหวะนี้ปลิดชีวิตเขาหรือ ?

หลี่จุ่นเองก็นิ่งขรึมขึ้นมากเช่นเดียวกัน

เขาเดาออกแล้วว่าโจวชิงต้องไม่เดินทัพตามแผนอย่างที่ควรจะเป็น แต่ก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าอีกฝ่ายจะเลือกโจมตีด่านเฟิงเป่ยเสียได้

จุดมุ่งหมายในการบุกโจมตีด่านเฟิงเป่ยยามวิกาลคืออะไรกันแน่ ?

ข้อดีของมันคือสิ่งใด ?

ด่านเฟิงเป่ยมีทหารนับแสนนาย มิใช่ว่าจะโจมตีให้แตกพ่ายได้ในคืนเดียว หากพ้นค่ำคืนนี้ไป เกรงว่าคนที่นั้นคงมีอันตราย !

โจวชิงไม่รู้ว่าเขายกทัพทั้งหมดจากชายแดนเหนือมาแล้วอย่างนั้นหรือ ?

หากเขากับจอมทัพเหยียนต่างก็สู้กันจนย่อยยับทั้งสองฝ่าย แล้วยังมาเจอพวกตนอีก ไม่เท่ากับว่าตายลุกเดียวหรอกหรือ ?

หลี่จุ่นครุ่นคิดไปมาอยู่หลายตลบ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเข้มอย่างกะทันหัน

“ไม่ได้การ ต้องรีบรุดหน้าเคลื่อนทัพ ไม่เช่นนั้นด่านเฟิงเป่ยต้องถูกตีแตกเป็นแน่ !”

หากว่าโจวชิงมั่นใจได้ว่าจะสามารถตีด่านเฟิงเป่ยให้แตกได้ในคืนเดียวเล่า ?

จากนั้นก็ยึดด่านเฟิงเป่ยได้ก่อนที่พวกตนจะเคลื่อนทัพไปถึง พลิกสถานการณ์มาเป็นฝ่ายได้เปรียบเสียเอง

จึงได้นึกเตือนตนให้ระวังเข้าไว้ แล้วรีบควบม้าออกไปทันที

เมื่อผ่านไปครู่หนึ่ง

จงจื่อหนึ่งก็นำทัพทหารม้าทั้งห้าพันนายรุดตรงไปยังทางใต้

หวังเซิ่งเองก็อยากเดินทางไปล่วงหน้าเช่นกัน แต่ก็เข้าใจดีว่าหากให้จงจื่อหนิงไปจะเหมาะกว่า เพราะทหารที่จงจื่อหนิงคุมทัพนั้นเทียบกับตนเองมิได้ ทหารที่ตนนำทัพได้นั้นมีมากกว่าอีกฝ่ายหลายเท่าตัว ด้วยเหตุนี้ทัพใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังจึงต้องการตัวเขามากกว่า

“ท่านจอมทัพ ตอนนี้ข้าเห็นด้วยกับความคิดของท่านยิ่งนัก โจวชิงผู้นี้ช่างเป็นบุคคลที่น่ากลัวจริง ๆ” หวังเซิ่งมองดูหลี่จุ่นที่อยู่ข้าง ๆ แล้วเอ่ยขึ้นมา

หลี่จุ่นเหลือบมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้ารับ

“ใช่แล้ว โจวชิงผู้นี้น่ากลัวจริง ๆ สมแล้วกับที่ได้ชื่อว่าเป็นซุนเฟิงอันดับสอง”

ซุนเฟิงคือแม่ทัพผู้เลื่องชื่อในรัชกาลก่อน ได้รับการขนานนามว่าเป็นซุนเฟิงโหว เพราะผลงานการรบของเขาที่เลื่องชื่อ จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนนางชั้นโหว

คนผู้นี้ถูกใต้หล้าขนานนามว่าเป็นแม่ทัพผู้เลื่องชื่อแห่งยุคที่ยากจะหาคนมาเทียบเคียงได้ อีกทั้งยังเป้นแม่ทัพอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์จงหยวนอีกด้วย

ส่วนโจวชิงผู้นี้ก็มีท่าทีคล้ายซุนเฟิง การถูกขนานนามเช่นนี้ได้ จะเป็นคนธรรมดาทั่วไปได้หรือ ?

เกรงว่าตนเองคงประเมินโจวชิงผู้นี้ต่ำเกินไปเสียด้วยซ้ำ !

ดูจากการที่เขายกทัพเข้าโจมตีด่านเฟิงเป่ย ก็มากพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าเป็นบุคคลที่รับมือได้ยากยิ่งนักแล้ว !

การรบครั้งนี้ เกรงว่าต้องได้สู้กันสักตั้งเสียแล้วสิ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน