องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน นิยาย บท 740

ข่าวจากที่ส่งจากด่านเฟิงเป่ยกลับไปยังเมืองหลวงนั้นเร็วกว่ามากนัก

ในเช้าตรู่ของวันที่สามหลังด่านเฟิงเป่ยถูกบุกโจมตียามวิกาล หลี่เจิ้งที่อยู่ในวังหลวงก็ได้รับช่าวที่ส่งมาจากเสิ่นคั่ว

เพียงหลี่เจิ้งได้ยินก็หน้าถอดสีทันที

“โจวชิงนั่นยึดจวนชายแดนตะวันตกกับด่านฝานหลงของข้าหรือ ? ช่างบังอาจยิ่งนัก !”

หลี่เจิ้งทั้งตกใจทั้งโกรธเกรี้ยว

เขาตกใจที่โจวชิงเก่งกาจถึงเพียงนี้ และโกรธที่โจวชิงช่างทำตัวสามหาว กล้าพลิกสถานการณ์ให้ตัวเองได้เปรียบ กระทั่งยึดจวนชายแดนตะวันตกเสียได้ !

“มีเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน !”

หลี่เจิ้งโกรธจนหน้าแดงก่ำไปหมด

ทว่า เมื่อได้ยินว่าหลี่จุ่นนำทัพหนึ่งแสนสองหมื่นนายของกองทัพเจิ้นเป่ยมาปรากฏตัวที่ด่านเฟิงเป่ยเพื่อเตรียมรบกับโจวชิง หลี่เจิ้งก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปทันที

เรื่องการปรับกระบวนทัพทั้งหลายนั้น จี้จงชิงได้กำชับมาในจดหมายว่ามิให้เขาเข้าไปยุ่ง ให้หลี่จุ่นเป็นคนจัดการทั้งหมด

เดิมทีหลี่เจิ้งยังคิดว่าเจ้าเด็กนี่จะไปช่วยรบที่ด่านเหิงกู่ ให้ทัพใหญ่ของกองทัพเจิ้นเป่ยยืนหยัดจนกว่าแม่น้ำต้าเฉินจะสูงขึ้น

แต่คิดไม่ถึงว่านอกจากหลี่จุ่นจะไม่ยกทัพไปช่วยด่านเหิงกู่แล้ว แต่กลับไปช่วยเหยียนอ๋องผู้เฒ่าที่ด่านเฟิงเป่ยเสียได้ !

นี่... นี่มันกลยุทธ์อะไรกัน ?

หลี่เจิ้งคิดว่าหากเป็นเช่นนี้คงไม่ดีนัก คิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน

หากเป็นเช่นนี้ ด่านเหิงกู่คงตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่ !

“ฝ่าบาท เสิ่นไท่ฟู่ได้แจ้งมาเมื่อครู่นี้ว่าอยากจะปรึกษากับฝ่าบาทในเรื่องนี้ เพียงแต่ตอนนี้ไท่ฟู่ยังบาดเจ็บหนักนอนอยู่บนเตียง ยังไม่อาจลงเดินได้ ท่านไท่ฟู่จึงขอให้ฝ่าบาทช่วยเสด็จไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ...”

หวังเหลียนเอ่ยขึ้นอย่างระแวดระวัง

การขอให้ฝ่าบาทเสด็จไปหาเช่นนี้ก็มีแต่เสิ่นไท่ฟู่คนเดียวเท่านั้นที่สามารถพูดได้

“หึ !”

นั่นปะไร !

หลี่เจิ้งส่งเสียงในลำคออย่างไม่สบอารมณ์นัก แต่ก็ยังเอ่ยขึ้นมา

“ได้ เช่นนั้นเจ้าเป็นคนจัดการที ไท่ฟู่เป็นขุนนางคนสำคัญของข้า ข้าควรต้องไปเยี่ยมด้วยตนเองนั้นถูกต้องแล้ว”

เดิมทีเขาจะไปตั้งแต่ครั้งที่แล้ว แต่พอได้รับจดหมายที่จี้จงชิงรีบส่งกลับมาจากระยะแปดร้อยลี้ ก็ได้รู้ถึงทุกสิ่งที่เขาต้องการจะรู้ จึงมิได้ไปหาเสิ่นคั่วอีก

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท !”

หวังเหลียนรีบทำท่าเคารพอีกฝ่ายทันที ภายในใจนึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง

หลี่เจิ้งจึงค่อยเอ่ยขึ้น “ไท่ฟู่มีเรื่องใดหรือ จึงตั้งใจเรียกให้ข้ามาหาด้วยตนเอง ?”

คราวนี้เสิ่นคั่วจึงค่อยขยับมือ คลำหาพลางหยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกจากตัวแล้วเอ่ยขึ้น “ขอฝ่าบาททรงอ่านจดหมายฉบับนี้ด้วย”

สีหน้าของหลี่เจิ้งนั้นเกิดความตื่นตะลึงขึ้นเล็กน้อย เมื่อรับจดหมายนั้นมาแล้วก็หรี่ตามองอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“ไท่ฟู่ ที่ท่านพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือ ? เจ้าหกคิดค้นอาวุธที่ร้ายกาจได้ถึงเพียงนี้เชียว ? เช่นนั้นเหตุใดท่านอัครมหาเสนาบดีจี้จึงปิดบังไว้ไม่รายงานให้ข้ารู้เล่า ?!”

เสิ่นคั่วจึงเอ่ยอธิบาย

“ที่ท่านอัครมหาเสนาบดีจี้มิได้รายงาน เกรงว่าคงคำนึงถึงความปลอดภัยของจิ่งอ๋อง เรื่องนี้คาดเดาได้ไม่ยาก หากปล่อยให้คนที่มีเจตนาร้ายแอบแฝงรู้เข้าให้ อย่าว่าแต่จิ่งอ๋องเลย แม้แต่อัครมหาเสนาบดีจี้ก็น่าจะกลับสู่เมืองหลวงได้ยาก คิดว่าท่านอัครมหาเสนาบดีจี้น่าจะคำนึงถึงข้อนี้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ“

“นี่จึงสามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดช่วงก่อนหน้านี้ หน่วยข่าวลับที่กระหม่อมส่งไปจึงไม่อาจเข้าไปยังเมืองเฟิงหั่วได้ กระหม่อมยึงนึกว่าเป็นเพราะเหตุผลอื่น แต่ดูท่าแล้วคงเป็นเพราะมีของสิ่งนี้อยู่ ท่านอัครมหาเสนาบดีจี้กับจิ่งอ๋องจึงได้เตรียมการไว้เช่นนี้”

และเพราะเหตุนี้เอง ส่งผลให้ทั้งซือหม่าชิงอวิ๋นและโจวชิงต่างก็รู้ถึงการมีอยู่ของอาวุธร้ายนี้ แต่เสิ่นคั่วกับหลี่เจิ้งเพิ่งจะได้รู้เอาป่านนี้แทน !

สีหน้าของหลี่เจิ้งนั้นคร่ำเคร่ง เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเครียด

“ถึงจะเป็นเช่นนี้ก็เถอะ ! แต่ในเมื่อของสิ่งนี้มีอานุภาพร้ายแรงถึงเพียงนี้ เกี่ยวข้องกับการใหญ่อันสำคัญยิ่ง อัครมหาเสนาบดีจี้ก็ยังไม่รอบคอบมากพออยู่ดี เขาควรจะรายงานให้ข้ารู้ตั้งแต่ทีแรก !”

เสิ่นคั่วไม่เอ่ยอันใดต่อ ทำให้ภายในห้องนั้นดูเงียบไปในทันใด

หลี่เจิ้งเห็นดังนั้นจึงเอ่ยขึ้นต่อ “ข้าต้องได้ของสิ่งนี้มาอยู่ในครอบครอง เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อราชวงศ์อู่ของข้า ! ไท่ฟู่ ที่วันนี้ท่านเรียกข้ามาที่นี่ก็เพราะคิดเช่นนี้เหมือนกันใช่หรือไม่ ? เช่นนั้นท่านน่าจะมีแผนการอยู่แล้ว ไท่ฟู่ ท่านบอกแผนการของท่านมาเถิด !”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน