ในตอนบ่ายประมาณยามเซิน (บ่ายสามหรือห้าโมง)
หลี่จุ่นพาหม่าหยวนฮั่นและจ้าวอวี่ไปด้วย ทั้งสามคนปลอมตัวและขี่ม้าออกจากด่านเฟิงเป่ย
เหตุผลที่เขาไม่นำกองทัพขนาดใหญ่มาก็เพื่อหลีกเลี่ยงการดึงดูดความสนใจของโจวชิง และยิ่งมีคนน้อยเท่าไร การไปที่แคว้นหลางก็ยิ่งสะดวกมากขึ้นเท่านั้น
เป็นเรื่องปกติที่หลี่จุ่นจะไปหาอวี้เจีย อวี้เจียเป็นท่านหญิง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะให้นางยืมช่างฝีมือในวังหลวง
สิ่งที่หลี่จุ่นต้องการทำคือเครื่องโยนหิน!
หากต้องการโจมตีด่านฝานหลงแล้วพึ่งแค่กำลังคนเพียงอย่างเดียว ก็คงจะมีการบาดเจ็บล้มตายมากมายอย่างแน่นอน
ดังนั้นจึงไม่สามารถพึ่งกำลังคนและการบุกโจมตีเพียงเท่านั้น แต่ต้องยืมกำลังจากภายนอกด้วย
เพราะฉะนั้น เครื่องโยนหินจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด!
หรือเรียกอีกอย่างว่าเครื่องขว้างหิน
โลกนี้ยังไม่เริ่มนำเข้าสู่สนามรบ
ดังนั้นเขาหลี่จุ่นจึงเป็นผู้ริเริ่มขึ้นคนแรก!
เมื่อพูดถึงอาวุธโจมตีระยะไกล ครั้งนี้สงครามสิ้นสุดก็ถึงเวลาที่จะเริ่มสร้างปืนใหญ่
แน่นอนว่าปืนไฟก็เป็นสิ่งจำเป็น
น่าเสียดายที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมของโลกนี้ล้าหลังเกินไป
ไม่อย่างนั้นก็อาจจะสามารถสร้างกระสุน สร้างปืนพก ระเบิดมือที่มีความละเอียดอ่อนยิ่งขึ้น และอาวุธที่มากขึ้น
น่าเสียดายที่จนถึงตอนนี้สิ่งที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้ไม่สามารถทำได้
ถ้าอยากทำ ต้องใช้เวลานานแค่ไหน
ไม่รู้ เป็นสิ่งที่ไม่รู้เลย
ไม่อย่างนั้น ก็คงจะสร้างรางรถไฟได้
ถ้าเป็นอย่างนั้น การเดินทัพก็จะสะดวกยิ่งขึ้น
เสียดายจริง ๆ ที่ยังทำไม่ได้
คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามเวลา
และสิ่งที่หลี่จุ่นทำได้ก็คือเร่งเวลานี้ และพัฒนาความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม!
ถึงแม้จะดูคุยโวโอ้อวดไปบ้าง แต่ก็ทำออกมาแล้วตั้งมากมาย ไม่แน่ว่าอาจจะทำได้มากกว่านี้อีกด้วย
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ทั้งสามคนก็มาถึงเมืองจวี้ฉือ
“หยุด พวกเจ้ามาทำอะไร”
เมืองจวี้ฉือถูกปิด และสะพานแขวนก็ถูกยกขึ้น
ต๋าหลู่ขมวดคิ้วทันที เหลือบมองหลี่จุ่นแล้วถามว่า
“ขอถามหน่อยได้หรือไม่ว่าท่านเป็นใคร คนรู้จักท่านหญิงของเรามีไม่น้อย หากท่านคิดจะทำร้ายท่านหญิงของเรา แล้วข้าปล่อยท่านทั้งสามคนเข้าไปแล้ว หัวข้าคงหลุดในภายหลัง”
เมื่อได้ยินชื่อหลงไถ ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย แต่ก็ยังไม่กล้าประมาท!
หลี่จุ่นคิดในใจ หมอนี่พูดภาษาราชวงศ์อู่เก่งมากจนเทียบกับอวี้เจียได้เลย
นี่เป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยาก
จ้าวอวี่ขมวดคิ้ว ขณะที่กำลังจะอ้าปากพูด หลี่จุ่นก็กล่าวว่า
“ข้าคือจิ่งอ๋องแห่งราชวงศ์อู่ เป็นเพื่อนกับท่านหญิงอวี้เจีย หากไม่เชื่อก็ไปถามอวี้เจียตอนนี้ได้ ไม่เป็นไรหากพวกเราทั้งสามคนจะรออยู่ที่นี่สักพัก”
ทุกคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ และหลี่จุ่นก็ไม่สามารถใช้อำนาจข่มเหงผู้อื่นได้
แต่ทว่า!
เมื่อต๋าหลู่ที่อยู่บนกำแพงเมืองได้ยินดังนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที และอุทานขึ้นว่า
“ท่าน ท่านคือจิ่งอ๋อง? ราชากวีแห่งราชวงศ์อู่ผู้นั้น จิ่งอ๋ององค์ชายหกงั้นรึ!”
หลี่จุ่นตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ชื่อเสียงการเขียนกวีของเขาไปถึงหูของแม่ทัพเมืองหน้าด่านแล้ว?
นี่เขามีชื่อเสียงขนาดนั้นเลยเหรอ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชาย(ไม่)เอาถ่าน
เนื้อเรื่องสนุกคับ...แต่ก็รำคาญพระเอกอยุู่พอสมควรเจ้าชู้เกินกินพื้นที่หักเหลี่ยมเฉือนคมเยอะไปหน่อยน่าจะเป็นทุกเรื่องมั้งที่ผู้ชายเดินเรื่อง...
เชี่ยไรเนี่ย เติมเงินแต่อ่านไม่ได้สักบท...
กดปลดล็อคไม่ได้เติมเงินแล้ว แย่มาก...
737 ปลดล็อกแล้วอ่านไม่ได้...
736 ผมปลดล็อคแล้ว อ่านไม่ได้...
เขียนต่อเถอะครับ รอนานแล้ว...
ตอน 706 มีหรือยัง...
อยากอ่านต่อครับ ผู้เขียนไม่สบายหรือเปล่าครับ...
ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้อ่านฟรี สนุกมากค่ะ สั่งซื้อกางเกงใน GQ ไป 3 ตัวแล้วค่ะ สนับสนุนโฆษณา ที่ได้อ่านค่ะ...
เดินเรื่องได้เต่ามากๆ...