องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1020

บัดนี้ฉินเหยียนยังคงเปิดอ่านรายงานเกี่ยวกับกองกำลังในเยี่ยนเป่ยแต่ละอย่างที่จ้าวเหวินส่งมาให้เขาอยู่

“สืบพบเบาะแสแล้วรึ?” ฉินเหยียนพูดโดยที่ไม่ได้เงยหน้า

เซี่ยชิงพยักหน้า นางพูดขึ้นว่า “จากการสืบหาเบาะแสในครั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นแผนของตระกูลจางเพคะ”

“ว่าอย่างไรนะ?” เมื่อฉินเหยียนได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึง เขาเงยหน้าขึ้นมามองเซี่ยชิงทันที

ตระกูลจางนั้นมีอำนาจในเยี่ยนเป่ยไม่น้อยเลยทีเดียว ว่ากันว่าเขามีผู้ใต้บังคับบัญชาที่แข็งแกร่งหลายพันคน จำนวนหลายพันคนนี้หากสวมชุดเกราะก็เป็นทหารได้เลย การต่อกรกับคนเช่นนี้ หากไม่จำเป็น ในทีแรกฉินเหยียนก็คิดจะดึงมาเป็นพวก

“ท่านอ๋องเพคะ จริงแท้แน่นอนเพคะ ด้วยข้อมูลที่เราได้มี การที่ตระกูลจางส่งคนมาวางเพลิงนั้น เหล่าสมาชิกตระกูลที่มีอำนาจในเยี่ยนเป่ยก็รู้เห็นกันไม่น้อยเลยเพคะ” เซี่ยชิงพูดอย่างหนักแน่น

ฉินเหยียนขมวดคิ้วแล้วครุ่นคิด ผ่านไปนานเขาก็ถามขึ้นว่า “เจ้าได้รับหลักฐานว่าคนตระกูลจางวางเพลิงรึไม่?”

เซี่ยชิงส่ายหน้าแล้วพูดอย่างจนปัญญาว่า “บัดนี้ยังไม่มีเพคะ ตระกูลจางมีการป้องกันเข้มงวดมาก การจะแอบเข้าไปเงียบๆนั้นยากมากเพคะ ส่วนพวกตระกูลที่มีอำนาจเองก็ต่อต้านเรื่องนี้อย่างมาก เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางบอกอะไรเพคะ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นฉินเหยียนก็ขมวดคิ้วแน่น เขาจ้องรายงานบนโต๊ะแล้วส่ายหน้าพูดว่า

“หากไม่มีหลักฐานที่เห็นได้ชัด เราก็ไม่อาจทำอะไรผู้ที่วางเพลิงได้”

“ไม่สามารถกวาดล้างตระกูลจางแล้วจับมาถามรึเพคะ?”

“หึหึ จะไปง่ายดายเช่นนั้นได้อย่างไร หากเราไม่มีหลักฐานแล้วกล้าไปจับคนโดยไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดีละก็ ทั่วทั้งเยี่ยนเป่ยก็จะเกิดความโกลาหล เมื่อเยี่ยนเป่ยเกิดความโกลาหล เก้าแคว้นก็อย่าคิดจะได้อยู่อย่างสงบสุขเลย”

“ท่านอ๋องหมายความว่าอย่างไรเพคะ?” เซี่ยชิงไม่ค่อยเข้าใจ

ฉินเหยียนทำเสียงเย็นชาแล้วกัดฟันพูดว่า “หากอยากให้ผู้ที่วางเพลิงได้ชดใช้ความผิดก็ต้องมีหลักฐานเท่านั้น เรื่องนี้ต่อรองไม่ได้ ไม่สนว่าจะต้องแลกด้วยอะไร!”

เซี่ยชิงพยักหน้า ในขณะที่กำลังจะหมุนตัวเดินจากไป จู่ๆฉินเหยียนก็เรียกนางไว้ “รอเดี๋ยว”

“ท่านอ๋องมีอะไรจะรับสั่งอีกรึเพคะ?” เซี่ยชิงหยุดฝีเท้าลงแล้วหันมามองเขาอย่างสงสัย

ฉินเหยียนลังเลไปครู่หนึ่งแล้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ถามขึ้นว่า

“หากหาหลักฐานไม่ได้จริงๆก็ลงรายชื่อมาให้ข้า จากนั้นก็หาคนมา ต่อให้ต้องลอบสังหารก็ต้องล้างแค้นครั้งนี้ให้ได้!”

น้ำเสียงของฉินเหยียนเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก

คนเหล่านี้ข่มเหงกันเกินไป บังอาจมาวางเพลิงสังหารข้าราชการอาณาจักรฉิน หากไม่ล้างแค้น เช่นนั้นคนอาณาจักรฉินก็ไม่ได้รับความยุติธรรม

อีกทั้งฉินเหยียนเองก็จดจำภาพอันอนาถก่อนที่คนพวกนั้นจะสิ้นใจตายได้ดี และแววตาสั่นคลอนที่มีน้ำตาคลอของพวกจ้าวเหวินด้วย ทุกครั้งที่นึกถึงมัน เขาก็เดือดดาลอย่างมาก

“หม่อมฉันน้อมรับคำสั่งเพคะท่านอ๋อง” เซี่ยชิงประสานมือคารวะแล้วเดินจากไป

ความคิดนี้หายไปอย่างรวดเร็ว เขาส่ายหน้าแล้วเดินเข้าไปด้านใน

......

ในขณะเดียวกัน หลี่ชางที่รู้สึกไม่สบอารมณ์แต่แรกแล้วกำลังรีบเดินทาง เพิ่งผ่านเมืองเสิ่น

“ลูกพี่ขอรับ เหตุใดเราจึงไม่พักที่เมืองเสิ่นสักคืนละขอรับ?”

มีลูกน้องคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างสงสัย

หลิวชางจ้องเขาเขม็ง แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “แล้วข้าจะไปรู้ได้อย่างไร? ก็เพราะเจ้าพี่เขยผู้โง่เขลาของข้าจะให้ข้ารีบกลับไปให้ได้ไงเล่า เมื่อคืนข้าไม่ได้กลับไปเลยทันที เขาจึงเขียนจดหมายหนึ่งฉบับมาด่าทอข้า”

เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกหดหู่ แล้วพูดขึ้นต่อว่า “เอาเถิดรีบเดินทางเถิด สถานที่บ้าบอเช่นนี้ใครจะอยากมาเยือนกัน พี่เขยของข้าคงโกรธจริงๆ รีบเดินทางก่อน ไว้ถึงแล้วค่อยว่ากัน”

คนอื่นๆต่างก็มองหน้ากันและไม่ได้เกลี้ยกล่อมต่อ ต่างก็รีบตามรถม้าไป แต่ว่าเมื่อเดินทางไปครู่หนึ่งหลิวชางก็ได้รับจดหมายนกพิราบมาอีกหนึ่งฉบับ

เขาเปิดอ่านแล้ว เนื้อหาด้านในทำเอาเขาโกรธจนแทบบ้า

“หยุดๆๆๆ ไม่ต้องเดินทางแล้ว หยุดให้หมด!”

หลิวชางรีบบอกให้ผู้ใต้บังคับบัญชาหยุดนิ่งกับที่

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์