องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 630

หลายวันมานี้เหล่าตระกูลขุนนางต่างถูกชาวเมืองเข้ามาปล้น ปล้นจนพวกเขาจะไม่เหลืออะไรแล้ว บางคนเพราะอายุมากแล้ว ไม่เพียงแค่ถูกปล้น แต่ยังถูกทุบตีอย่างสาหัสด้วย นอนอยู่ในห้องลุกไม่ไหวเลย

บางคนฉลาดมากพอ เลือกที่จะเลี่ยงเผชิญหน้ากันตั้งแต่แรก พากันไปหลบซ่อนที่บ้านเกิด จึงยังรักษารากฐานของครอบครัวไว้ได้ อย่างไรก็ตาม ในหายนะครั้งนี้ มีตระกูลขุนนางไม่กี่ตระกูลที่รอดไปได้

คืนวันนี้

เหล่าตระกูลขุนนางต่างก็ถูกปล้นจนยากจนไปกันหมด ผู้นำตระกูลขุนนางรวมตัวกันเพื่อรออาหารเย็น หลานชายในครอบครัวรีบวิ่งกลับมาอย่างร้อนรน และนำอาหารแห้งกลับมาเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น

“ท่านพ่อ ท่านลุงท่านป้า มีเพียงอาหารพวกนี้ขอรับ”

“ตกต่ำลงทุกวัน ตกต่ำยิ่งกว่าใครๆ”

เหล่าตระกูลขุนนางกล่าวโทษอยู่ในใจ และด่าทอคนอาณาจักรฉิน

“ต้องเป็นเพราะคนอาณาจักรฉินคอยวางแผนแน่ๆ ไม่เช่นนั้นพวกชาวเมืองที่ยากลำบากพวกนั้นจะมีความกล้ามากพอมาปล้นพวกเราได้อย่างไร?”

“ไม่แน่อาจได้รับอนุญาตจากราชวงศ์ด้วยซ้ำ จ้าวจีเอ๋อร์ นางผู้หญิงสารเลวที่ขายอาณาจักร ข้าขอสาปแช่งเจ้า หากมีบุตรชายก็ขอให้ทำอะไรไม่สำเร็จ มีบุตรสาวก็ขอให้เป็นทาสหลายชั่วอายุคน!”

ในขณะที่พวกเขากำลังพากันด่าทออยู่ ก็มีกองกำลังที่สวมเครื่องแบบครบครันบุกเข้ามา ผิดเป็นครู เข็ดหลาบ เมื่อเห็นว่ามีคนบุกเข้ามาก็คิดว่าพวกชาวเมืองเข้ามาอีกแล้ว ต่างก็ตกใจกลัวกันมาก

“ผู้นำตระกูลเฉียนอยู่ที่ใด?” ทหารที่เป็นแกนนำตะโกนเสียงดัง จึงทำให้สถานการณ์สงบลงมาบ้าง

“อ๋องเหยียนแห่งอาณาจักรฉินมีรับสั่ง เชิญให้ผู้นำตระกูลเฉียนเข้าร่วมงานเลี้ยงอันยิ่งใหญ่ที่หอหม่านฮวา”

ยังไม่ทันที่พวกเขาจะดึงสติกลับมาได้ ทหารก็เข้าไปแล้วพาผู้นำตระกูลที่มีอำนาจและผู้นำตระกูลเฉียนไปแล้ว

การเผชิญหน้าแบบนี้เกิดขึ้นกับตระกูลขุนนางใหญ่ๆเกือบทุกตระกูล ตราบใดที่เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงก็จะถูกทหารบังคับตัวไปที่หอหม่านฮวา

......

หอหม่านฮวา

ฉินเหยียนยืนอยู่ตรงหน้าต่างของห้องท้องฟ้าหมายเลขหนึ่ง เขามองต่ำลงไปมองงานเลี้ยงในห้องโถงใหญ่ ข้างกายมีจ้าวจีเอ๋อร์คอยติดตามอยู่ไม่ห่าง

“ข้ายังคงไม่เข้าใจว่าเหตุใดต้องเรียกพวกชายชราคร่ำครึพวกนั้นมาเข้าพบ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?”

ฉินเหยียนเอามือไพล่หลังท่าทีเหมือนเจ้านาย “ผู้คนต่างแห่กันมาเพื่อผลประโยชน์ และแยกทางกันเพื่อผลประโยชน์ ตระกูลที่อยู่ได้นานกว่าร้อยปีย่อมมีทางรอดเป็นของตัวเอง”

ต้าหย่งเข้ามาประสานมือคารวะรายงานว่า “อ๋องเหยียนพ่ะย่ะค่ะ ผู้นำแต่ละตระกูลได้มาครบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยียนเดินไปตบบ่าของต้าหย่งเบาๆ “เหนื่อยหน่อยนะ”

ว่าแล้วก็พาจ้าวจีเอ๋อร์เดินไป แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มลึกว่า

“อาณาจักรจ้าวอยู่ในภาวะสงคราม มีตระกูลขุนนางจำนวนมาก และสถานการณ์ภายในอาณาจักรก็มีความซับซ้อน หากมีการเข่นฆ่าอีกมีแต่จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ยิ่งขึ้น จะเกิดการสูญเสียอย่างเลี่ยงไม่ได้”

“จีเอ๋อร์เอ๋ย สถานภาพของอาณาจักรนั้น การจะครองอำนาจไม่จำเป็นต้องถืออาวุธด้วยตนเอง การให้ผลประโยชน์แล้วให้ผู้อื่นเปิดทางให้เจ้า มันง่ายดายกว่าที่เจ้าไปปฏิบัติเองเสียอีก หากปรารถนาจะนั่งบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง การฆ่าอย่างเด็ดขาดนั้นก็ส่วนหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ต้องพึ่งความคิด”

ว่าแล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องท้องฟ้าหมายเลขหนึ่ง แล้วเดินลงจากบันได

“เดี๋ยวเจ้าฟังให้มาก ดูให้มาก และพูดน้อยๆ คอยศึกษาว่าข้าหลอกล่อใจคนอย่างไร หากเจ้าสามารถทำได้อย่างข้าได้ส่วนหนึ่ง ก็ไม่มีทางที่พระราชสำนักจะถูกแตะต้องได้ ดูสิ พวกเขารอจนกระวนกระวายแล้ว”

เมื่อมองต่ำลงไปแล้วก็พบว่าตระกูลขุนนางที่ตกต่ำแต่ละตระกูลรวมตัวประจำที่ของตนเองกันอยู่ บางคนสวมเสื้อผ้าไม่เป็นระเบียบ บางคนสีหน้าซีดเซียว และบางคนก็มีใบหน้าที่เด็ดเดี่ยวและเชิดหน้าขึ้น

แม้ว่าพวกเขาจะตกต่ำ หรือหิวแค่ไหน แต่เมื่อเผชิญกับอาหารรสเลิศของคนอาณาจักรฉินแล้ว ก็ดึงดันที่จะไม่แตะต้อง นี่คือศักดิ์ศรีสุดท้ายที่เป็นคนอาณาจักรจ้าว เป็นความยโสเพียงสุดท้ายแล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์