องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1157

พ่อบ้านครุ่นคิดแล้วพิจารณาคำพูดของเขาอย่างถี่ถ้วนแล้วพูดว่า

“ราวกับเพิ่งวิ่งหนีจากการขุดลูกพลัม สะบักสะบอมจนคนเกือบจะจำเขาไม่ได้ เขาอาจจะโชคดีหนีรอดออกมาจากคนอาณาจักรฉินได้ขอรับ”

ผู้นำตระกูลอู๋ขมวดคิ้วแน่นแล้วรีบครุ่นคิด

พ่อบ้านถามขึ้นอย่างระมัดระวังว่า “นายท่านขอรับ ไม่แน่ว่าตอนนี้คนอาณาจักรฉินอาจกำลังตามล่าคุณชายจางจวิ้นก็ได้ หากเขาอยู่ที่นี่อาจจะเป็นปัญหา......เราจะไล่เขาออกไปรึไม่ขอรับ?”

“ไร้สาระ อย่างไรเจ้าหนูนั่นก็เรียกข้าว่าท่านลุง หากข้าขับไล่เขาออกไปเช่นนี้แล้วผู้อื่นรู้เข้า ตระกูลอู๋ก็กลายเป็นคนไร้น้ำใจสิ”

“แต่ว่านายท่านขอรับ หากคุณชายจางจวิ้นอยู่ที่ตระกูลอู๋ต่อไป หรือขอให้ตระกูลอู๋ช่วยล้างแค้นขึ้นมา แล้วจะทำอย่างไรขอรับ?”

พ่อบ้านถามคำถามใหญ่ขึ้นมาอีก

ผู้นำตระกูลอู๋รู้สึกปวดศีรษะขึ้นมาทันที หากให้เขาไปเผชิญหน้ากับคนอาณาจักรฉินเช่นนี้เขาก็ไม่มีความกล้านั้น แต่จะทำเป็นไม่สนใจเรื่องนี้ก็คงไม่ได้ เช่นนั้นก็จะถูกหัวเราะเยาะได้

เมื่อคิดดังนั้นแล้วเขาก็กัดฟันแล้วพูดว่า “เช่นนี้แล้วกัน หากเจ้าหนูนั่นอยากจะอยู่ที่ตระกูลอู๋สักระยะก็ให้เขาอยู่ หากเขาอยากจะพบข้า ก็บอกไปว่าข้าไม่อยู่ ไล่เขาไป หากเขาจะจากไปก็ให้เงินสักก้อน เช่นนี้ก็ถือว่าเราเมตตามากที่สุดแล้ว”

“ขอรับนายท่าน” พ่อบ้านตอบรับแล้วถอยไป

อู๋เจี๋ยและจางจวิ้นกินดื่มด้วยกัน อู๋เจี๋ยเหมือนว่าจะมึนเมาแล้ว เขาเอาแต่กอดจางจวิ้นแล้วร้องไห้ขอโทษไม่หยุด

จางจวิ้นรู้สึกขนลุกไปหมด แต่ก็ต้องอดทนต่อไป และจากนั้นอู๋เจี๋ยก็ได้ถามว่าเหตุใดเขาจึงดูทรุดโทรมเช่นนี้ แต่จางจวิ้นก็ได้พูดปัดเรื่องนี้ไป

อู๋เจี๋ยก็เป็นลูกคนร่ำรวยที่นิสัยเสีย เขาไม่ได้สนใจเรื่องใดๆในเยี่ยนเป่ยเลย ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เรื่องของจางจวิ้นในตอนนี้เลย เรื่องที่ตระกูลจางเกิดเรื่องเขาเองก็ไม่รู้เรื่องสักอย่าง

เมื่อดื่มจนมึนเมา อู๋เจี๋ยก็กอดคอของจางจวิ้นแล้วพูดว่า “คุณชายจาง เมื่อก่อนเจ้าคอยดูแลข้า ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะต้องดูแลเจ้าไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เจ้าคอยอยู่ที่นี่อย่างสบายใจเถิด สหายผู้นี้จะพาเจ้าไปเที่ยวอย่างสาแก่ใจ เจ้าห้ามไปไหนทั้งนั้นเชียว”

จางจวิ้นเองก็ตบหน้าอกแล้วรับรอง เขาไม่มีทางจากไปง่ายๆแน่นอน

ทันใดนั้นจู่ๆเขาก็กลอกตาแล้วถามว่า “เจ้าว่าเราสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ เป็นสหายคู่ซี้กันแล้ว เช่นนั้นเรามาสาบานเป็นพี่น้องกันดีรึไม่?”

อู๋เจี๋ยดีใจมาก “ดีอย่างยิ่ง ข้ายินดี!”

เขาไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธเรื่องนี้เลย ประการแรกพวกเขาสนิทสนมกันอย่างยิ่ง ประการสอง สำหรับเขาแล้วจางจวิ้นก็เป็นผู้นำตระกูลจางในอนาคตเชียวนะ ส่วนตระกูลจาง เดิมทีก็แข็งแกร่งกว่าตระกูลอู๋อยู่บ้างแล้ว อย่างไรพวกเขาก็ได้ครอบครองเมืองถูเหอ พัฒนาได้ดีมากยิ่งกว่า

อีกอย่างเขาและจางจวิ้นแตกต่างกัน เขายังมีคนที่คอยแย่งสมบัติอยู่ หากตนเองได้กลายเป็นพี่น้องกับผู้นำตระกูลจางในอนาคตก็เป็นการเพิ่มหมากให้ตนเองไม่ใช่รึ? ความเป็นไปที่จะได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำตระกูลอู๋ก็มากขึ้น

เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วอู๋เจี๋ยก็รีบยืนขึ้นแล้วดึงมือของจางจวิ้น จากนั้นก็รีบพูดว่า

“ไปกัน เราไปไหว้เทพเจ้ากวนอูกันดีกว่า!”

“ไม่ต้องมากพิธีเพียงนั้นหรอก” จางจวิ้นจงใจทำท่าทีสำรวม

ทั้งสองโอบกอดกันอย่างสนิทสนมกันอย่างยิ่ง

......

วันถัดมาอู๋เจี๋ยได้ตื่นขึ้นแล้วปวดศีรษะอย่างยิ่ง เมื่อคืนเขาดื่มหนักมากเกินไป เขาภาพตัดจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“ใครก็ได้เอาน้ำผึ้งมาให้ข้าที ข้าหิวน้ำจะแย่แล้ว”

เขาพยายามนั่งแล้วตะโกนไปด้านนอก แต่สิ่งที่ทำให้เขาตะลึงก็คือ ผู้ที่นำน้ำเข้ามาไม่ให้คนรับใช้ที่คอยปรนนิบัติ แต่เป็นจางจวิ้น

“น้องชาย เจ้าตื่นแล้วรึ?”

“คุณชายจาง เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่? แล้วน้องชายหมายความว่าอย่างไร?”

อู๋เจี๋ยสงสัย จนกระทั่งตอนนี้เขาจึงจะนึกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้

“ให้ตายเถิด! เมื่อคืนเราสองคนไหว้สาบานกัน แถมยังนอนด้วยกันอีก”

อู๋เจี๋ยตกใจจนดีดตัวขึ้นมา สีหน้าของเขาตื่นตระหนก

แต่จางจวิ้นกลับพูดเสียงเรียบแล้วค่อยๆเดินมา “น้องชายอย่าได้ตกตะลึงไปเลย เป็นพี่น้องกันจะนอนด้วยกันก็ไม่เห็นเป็นอะไร”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์