องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 1300

เมื่อเห็นฉินชงมีท่าทีจริงจัง ท่าทีของเสนาบดีกรมพระคลังก็เปลี่ยนไปด้วย เขายกมือขึ้นแล้วพูดว่า

“ฝ่าบาท กรมพระคลังยังเงินเหลืออยู่หนึ่งร้อยสามสิบล้านพ่ะย่ะค่ะ”

“ดีมาก!”

ฉินชงกล่าวว่า “รีบจัดสรรเงินหนึ่งร้อยล้านเพื่อช่วยบรรเทาพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติ”

“พ่ะย่ะค่ะ” เสนาดีกรมพระคลังตอบรับทันที

“ช้าก่อน”

ทันใดนั้นฉินชงพลันหยุดเขา

จู่ๆ เสนาบดีกรมพระคลังก็เป็นกังวล “ฝ่าบาทมีรับสั่งอะไรเพิ่มเติมหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ฉินชงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ตอนนี้เจ้าสิบสี่กำลังพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ อย่าเพิ่งให้เขารู้เรื่องที่ว่ากรมพระคลังไม่มีเงิน ข้ากลัวว่าเรื่องนี้จะทำให้เขากังวล รอให้เขาหายดีก่อน เจ้าค่อยบอกเขาเถอะ”

“พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีกรมพระคลังพยักหน้าเห็นด้วย แต่ในใจยังสับสนเล็กน้อย “อ้อ ฝ่าบาท กระหม่อมมีอยู่เรื่องหนึ่ง ไม่ทราบว่าควรถามหรือไม่?”

ฉินชงเหลืองมองเขา โบกมือแล้วพูดว่า

“ถามมา”

เสนาบดีกรมพระคลังลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท เงินในกรมพระคลังได้รับการจัดสรรให้เอาไปใช้บรรเทาภัยแล้ว เช่นนั้นจะทำอย่างไรกับพิธีบรมราชาภิเษกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ด้วยเงินในกรมพระคลังในตอนนี้ ไม่มีทางจัดงานบรมราชาภิเษกขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

ฉินชงไม่พูดอะไร

เจ้าเจ็ดได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้อาการหนักมาก ยังไม่ได้สติ

ภัยพิบัติทางธรรมชาติในอาณาจักรหลู่ก็ร้ายแรง เขาจะยังคิดเรื่องบรมราชาภิเษกได้อย่างไร?

ตลาดเวลาที่ผ่านมา เมื่อมีการแต่งตั้งจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้น มักจะมีนิมิตดีๆ เกิดขึ้น แต่สำหรับเขา หากเขาขึ้นครองราชย์ อาณาจักรฉินจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน

ฉินชงสงสัยในตัวเอง

เขาเหมาะสมที่จะเป็นจักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินจริงๆหรือ? ไม่ ไม่เหมาะ

บางทีอาจจะเป็นการเหมาะสมที่สุดที่เจ้าสิบสี่จะขึ้นครองราชย์

หลังจากเงียบไปนาน ฉินชงก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “เรื่องนี้ข้าหาทางเอง เจ้าไม่ต้องกังวล”

หลังจากพูดเช่นนั้น เขาก็โบกมือไล่ “เจ้ากลับไปได้แล้ว”

เสนาบดีกรมพระคลังโค้งคำนับแล้วจากไป

ฉินชงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองไปรอบๆ ห้องด้วยสีหน้าซับซ้อน เขาไม่รู้ว่าในตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่

...

ข่าวภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นดังไปถึงพื้นที่พวกชาวตาดด้วยเช่นกัน

ในเต็นท์ของท่านข่านทั่วป๋าหงเลี่ยนั่งหัวเราะอย่างสบายใจ ราวกับว่าเขาได้ค้นพบความสุข แม้แต่ทหารองครักษ์ที่อยู่รอบข้างเขายังผ่อนคลายลงด้วย

สายตาของเขามองข้ามคนอื่นๆ ไป จากนั้นรอยยิ้มค่อยๆ เลือนหาย แล้วมองไปที่หลี่เยี่ยนคังแล้วพูดว่า

“ถูกต้อง อาณาจักรเพิ่งประสบภัยพิบัติ อีกทั้งยังได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง หากเราไม่ส่งทหารเข้าไปในเวลานี้ จะมีเวลาไหนที่เหมาะสมกว่านี้อีก!”

หลี่เยี่ยนคังเมินคนเหล่านั้น และเหลือบมองพวกเขาเล็กน้อย จากนั้นมองไปที่ทั่วป๋าหงเลี่ยแล้วพูดว่า

“ท่านข่าน อย่าลืมศึกครั้งก่อนที่เราเป็นฝ่ายแพ้ อย่าให้โอกาสอาณาจักรฉินฉวยโอกาสนี้ลงมือเป็นครั้งที่สองได้”

เดิมทีทั่วป๋าหงเลี่ยต้องการจะพูดปลุกใจ แต่กลับทำให้เขาอึ้งไป

ใช่ ความอัปยศอดสูครั้งก่อนเพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน พวกชาวตาดจะไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้อีก

แต่เขาเข้าใจ ไม่ได้หมายความว่าเจ้าศักดินาคนอื่นๆ จะเข้าใจด้วย

“ไร้สาระ เห็นชัดๆ ว่าใจเจ้าไม่ได้เห็นแก่พวกเราชาวตาดเลย เจ้ามาจากที่ราบภาคกลางมิใช่หรือ? ข้าว่านะตอนที่เจ้าเห็นอาณาจักรหลู่เกิดภัยพิบัติ คงสงสารอีกฝ่ายมิใช่น้อย!”

เจ้าศักดินาคนหนึ่งชี้หน้าไปที่หลี่เยี่ยนคังและตะโกนด่าทอ แม้ว่าคนอื่นจะไม่กล้าต่อว่าเขาอย่างโจ่งแจ้ง แต่พวกเขาก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตารังเกียจ

“เงียบ!” ทั่วป๋าหงเลี่ยพูดขัดจังหวะขึ้นมาด้วยความโกรธ

เขาหันไปหาหลี่เยี่ยนคังและขอโทษ

“คุณหลี่อย่าเพิ่งโกรธ พวกเราชาวตาดก็เป็นเช่นนี้ มีนิสัยพูดตรง ได้โปรดยกโทษให้ด้วย”

หลี่เยี่ยนคังไม่ได้ตอบโต้อะไร

จากนั้นทั่วป๋าหงเลี่ยมองไปที่ขุนนางอีกครั้งและพูดอย่างเหนื่อยใจว่า

“ทุกท่านใจเย็นลงก่อน ราชครูต้องมีเหตุผลที่พูดเช่นนี้แน่นอน”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์