เมื่อเห็นฉินชงมีท่าทีจริงจัง ท่าทีของเสนาบดีกรมพระคลังก็เปลี่ยนไปด้วย เขายกมือขึ้นแล้วพูดว่า
“ฝ่าบาท กรมพระคลังยังเงินเหลืออยู่หนึ่งร้อยสามสิบล้านพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีมาก!”
ฉินชงกล่าวว่า “รีบจัดสรรเงินหนึ่งร้อยล้านเพื่อช่วยบรรเทาพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติ”
“พ่ะย่ะค่ะ” เสนาดีกรมพระคลังตอบรับทันที
“ช้าก่อน”
ทันใดนั้นฉินชงพลันหยุดเขา
จู่ๆ เสนาบดีกรมพระคลังก็เป็นกังวล “ฝ่าบาทมีรับสั่งอะไรเพิ่มเติมหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ฉินชงส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ตอนนี้เจ้าสิบสี่กำลังพักฟื้นจากอาการบาดเจ็บ อย่าเพิ่งให้เขารู้เรื่องที่ว่ากรมพระคลังไม่มีเงิน ข้ากลัวว่าเรื่องนี้จะทำให้เขากังวล รอให้เขาหายดีก่อน เจ้าค่อยบอกเขาเถอะ”
“พ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีกรมพระคลังพยักหน้าเห็นด้วย แต่ในใจยังสับสนเล็กน้อย “อ้อ ฝ่าบาท กระหม่อมมีอยู่เรื่องหนึ่ง ไม่ทราบว่าควรถามหรือไม่?”
ฉินชงเหลืองมองเขา โบกมือแล้วพูดว่า
“ถามมา”
เสนาบดีกรมพระคลังลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ฝ่าบาท เงินในกรมพระคลังได้รับการจัดสรรให้เอาไปใช้บรรเทาภัยแล้ว เช่นนั้นจะทำอย่างไรกับพิธีบรมราชาภิเษกหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ด้วยเงินในกรมพระคลังในตอนนี้ ไม่มีทางจัดงานบรมราชาภิเษกขึ้นมาได้อย่างแน่นอน
ฉินชงไม่พูดอะไร
เจ้าเจ็ดได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้อาการหนักมาก ยังไม่ได้สติ
ภัยพิบัติทางธรรมชาติในอาณาจักรหลู่ก็ร้ายแรง เขาจะยังคิดเรื่องบรมราชาภิเษกได้อย่างไร?
ตลาดเวลาที่ผ่านมา เมื่อมีการแต่งตั้งจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้น มักจะมีนิมิตดีๆ เกิดขึ้น แต่สำหรับเขา หากเขาขึ้นครองราชย์ อาณาจักรฉินจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน
ฉินชงสงสัยในตัวเอง
เขาเหมาะสมที่จะเป็นจักรพรรดิแห่งอาณาจักรฉินจริงๆหรือ? ไม่ ไม่เหมาะ
บางทีอาจจะเป็นการเหมาะสมที่สุดที่เจ้าสิบสี่จะขึ้นครองราชย์
หลังจากเงียบไปนาน ฉินชงก็พูดขึ้นมาทันทีว่า “เรื่องนี้ข้าหาทางเอง เจ้าไม่ต้องกังวล”
หลังจากพูดเช่นนั้น เขาก็โบกมือไล่ “เจ้ากลับไปได้แล้ว”
เสนาบดีกรมพระคลังโค้งคำนับแล้วจากไป
ฉินชงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ มองไปรอบๆ ห้องด้วยสีหน้าซับซ้อน เขาไม่รู้ว่าในตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
...
ข่าวภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นดังไปถึงพื้นที่พวกชาวตาดด้วยเช่นกัน
ในเต็นท์ของท่านข่านทั่วป๋าหงเลี่ยนั่งหัวเราะอย่างสบายใจ ราวกับว่าเขาได้ค้นพบความสุข แม้แต่ทหารองครักษ์ที่อยู่รอบข้างเขายังผ่อนคลายลงด้วย
สายตาของเขามองข้ามคนอื่นๆ ไป จากนั้นรอยยิ้มค่อยๆ เลือนหาย แล้วมองไปที่หลี่เยี่ยนคังแล้วพูดว่า
“ถูกต้อง อาณาจักรเพิ่งประสบภัยพิบัติ อีกทั้งยังได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง หากเราไม่ส่งทหารเข้าไปในเวลานี้ จะมีเวลาไหนที่เหมาะสมกว่านี้อีก!”
หลี่เยี่ยนคังเมินคนเหล่านั้น และเหลือบมองพวกเขาเล็กน้อย จากนั้นมองไปที่ทั่วป๋าหงเลี่ยแล้วพูดว่า
“ท่านข่าน อย่าลืมศึกครั้งก่อนที่เราเป็นฝ่ายแพ้ อย่าให้โอกาสอาณาจักรฉินฉวยโอกาสนี้ลงมือเป็นครั้งที่สองได้”
เดิมทีทั่วป๋าหงเลี่ยต้องการจะพูดปลุกใจ แต่กลับทำให้เขาอึ้งไป
ใช่ ความอัปยศอดสูครั้งก่อนเพิ่งผ่านมาได้ไม่นาน พวกชาวตาดจะไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้อีก
แต่เขาเข้าใจ ไม่ได้หมายความว่าเจ้าศักดินาคนอื่นๆ จะเข้าใจด้วย
“ไร้สาระ เห็นชัดๆ ว่าใจเจ้าไม่ได้เห็นแก่พวกเราชาวตาดเลย เจ้ามาจากที่ราบภาคกลางมิใช่หรือ? ข้าว่านะตอนที่เจ้าเห็นอาณาจักรหลู่เกิดภัยพิบัติ คงสงสารอีกฝ่ายมิใช่น้อย!”
เจ้าศักดินาคนหนึ่งชี้หน้าไปที่หลี่เยี่ยนคังและตะโกนด่าทอ แม้ว่าคนอื่นจะไม่กล้าต่อว่าเขาอย่างโจ่งแจ้ง แต่พวกเขาก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตารังเกียจ
“เงียบ!” ทั่วป๋าหงเลี่ยพูดขัดจังหวะขึ้นมาด้วยความโกรธ
เขาหันไปหาหลี่เยี่ยนคังและขอโทษ
“คุณหลี่อย่าเพิ่งโกรธ พวกเราชาวตาดก็เป็นเช่นนี้ มีนิสัยพูดตรง ได้โปรดยกโทษให้ด้วย”
หลี่เยี่ยนคังไม่ได้ตอบโต้อะไร
จากนั้นทั่วป๋าหงเลี่ยมองไปที่ขุนนางอีกครั้งและพูดอย่างเหนื่อยใจว่า
“ทุกท่านใจเย็นลงก่อน ราชครูต้องมีเหตุผลที่พูดเช่นนี้แน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...