“พี่ใหญ่ ตอนนี้ในหนึ่งปีพวกเราได้เงินภาษีเท่าไร?” ฉินเหยียนเงยหน้าถาม
ฉินชงลังเลเล็กน้อย จากนั้นพูดออกมา
“รายได้หลักของอาณาจักรฉินมาจากธุรกิจบางส่วนที่เราเป็นคนดำเนินการเอง ในหนึ่งปีเรามีค่าภาษีที่ได้รับแน่ๆ อยู่ที่สองร้อยล้าน แต่มีเพียงยี่สิบสามสิบล้านเท่านั้นถูกเก็บจากประชาชน!”
ฉินเหยียนเลิกคิ้วเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น และพูดด้วยความประหลาดใจ
“เงินที่ได้จากประชาชนน้อยขนาดนี้เชียวหรือ?”
“อืม!”
ฉินชงพยักหน้าและพูดอย่างจริงจัง
“ความจริงแล้วยี่สิบสามสิบล้านนั้นถือว่าสูงมากแล้ว ก่อนหน้านี้ภาษีที่อาณาจักรฉินเก็บมาได้ทั้งหมดนั้นอยู่ที่ไม่กี่แสนเท่านั้น ตอนนี้ทั้งเก้าแคว้นถูกรวมเข้าด้วยกันแล้ว ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น จึงมาถึงจำนวนนี้ได้”
“แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือธุรกิจที่เจ้าทำมาก่อนหน้านี้เติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังคอยให้การสนับสนุนอาณาจักรฉิน”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”
ฉินเหยียนพยักหน้า จากนั้นคิดอีกครั้งและตัดสินใจว่า
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราจะออกพันธบัตรทั้งหมดหนึ่งร้อยล้านใบ”
“หนึ่งร้อยล้าน...” ฉินชงมองไปที่ฉินเหยียนและพูดไม่ออก
“น้องสิบสี่ จะไม่เกิดปัญหาขึ้นจริงๆ ใช่หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหาแน่นอน ในเมื่ออาณาจักรฉินของเราได้เงินภาษีสองร้อยล้านต่อปี เช่นนั้นข้าจะออกพันธบัตรแค่ครึ่งหนึ่ง เมื่อถึงตอนนั้นจะได้จ่ายคืนได้ง่าย”
“ข้าหมายความว่าเจ้าออกพันธบัตรจำนวนมากขนาดนี้ในครั้งเดียว ประชาชนจะซื้อหรือ? จะขายหมดหรือ?” ฉินชงถาม
ฉินเหยียนยิ้มอ่อนและพูดว่า
“ทำไมจะไม่ได้เล่า? ตอนนี้ในอาณาจักรฉินมีทั้งหมดกี่ครัวเรือน?”
ฉินชงอึ้งไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาไม่เก่งด้านนี้ จึงลังเลที่จะตอบ
“ข้าไม่รู้ข้อมูลที่แน่ชัด จากสถิติของกรมพระคลัง ตัวเลขยังสรุปมาไม่แน่ชัด แต่น่าจะมีประมาณสองสามล้านครัวเรือน”
ฉินเหยียนพยักหน้าและพูดช้าๆ
“มีหลายล้านครัวเรือน นั่นหมายถึงสิบล้านคน หากหารให้กับทุกคนเท่าๆ กัน ยังไม่ถึงสิบตำลึงเลย”
“ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีนักลงทุนรายใหญ่จำนวนมากในจิ่วโจว พวกเขาทราบดีว่าพันธบัตรที่เราออกนั้นมีประโยชน์มาก ข้าคาดว่าพวกตระกูลชนชั้นสูงคงจะพยายามหาทางซื้อให้ได้กว่าครึ่งหนึ่ง”
ฉินชงอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆหลังจากได้ยินเช่นนี้ จ้องมองด้วยความประหลาดใจ
“เรื่องจริงหรือ?”
ฉินเหยียนยิ้มเล็กน้อยและไม่ได้อธิบายอะไรมาก เขาแค่เตือนฉินชงและพูดว่า
“ส่วนพันธบัตรจะขายหมดหรือไม่นั้นข้ารู้อยู่แก่ใจ หากพี่ใหญ่ตกลง ข้าจะไปเข้าพบกรมพระคลังเพื่อหารือเรื่องนี้”
“เอ่อ ไม่ได้ยุ่งมากพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่เหวินจงยิ้ม จากนั้นเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นถอนหายใจและก้มศีรษะลง
ฉินเหยียนสังเกตเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของอีกฝ่าย จึงถามด้วยรอยยิ้ม
“มีเรื่องอะไรหรือที่ทำให้ท่านหลี่มีท่าทีเช่นนี้? กรมพระคลังไม่มีเงินหรือ?”
“เอ่อ...”
หลี่เหวินจงยิ้มอย่างชมชื่นทันทีเมื่อเขาพูดถึงเรื่องนี้
“กราบทูลรายงานอ๋องเหยียน นั่นก็เป็นเรื่องหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งยังมีสมุดรายงานที่ต้องใช้เงินถูกส่งมายังกรมพระคลังเพื่อขออนุมัติไม่หยุดหย่อน เช่น การพัฒนาใหม่ๆ ในอาณาจักรหลู่ยังต้องใช้เงินจำนวนมาก กล่าวโดยสรุปคือมีเรื่องใหม่เข้ามาไม่หยุดหย่อนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเองก็ยุ่งจนหัวหมุน”
ฉินเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาจึงถามไปว่า
“เจ้าประเมินการลงทุนครั้งที่สองในอาณาจักรหลู่ เจ้าคิดว่าต้องใช้เงินเท่าใด?”
“ประมาณยี่สิบล้านตำลึงพ่ะย่ะค่ะ” หลี่เหวินจงส่ายหน้า
“ตอนนี้กรมพระคลังยังหาเงินได้ไม่ถึงยี่สิบล้านตำลึง คงต้องใช้เวลาอีกสองสามเดือนในการเก็บภาษีจากประชาชนในช่วงเวลาที่ยากลำบาก”
“ค่าใช้จ่ายเยอะขนาดนี้เชียวหรือ?” ฉินเหยียนขมวดคิ้วถาม
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ใส่ใจด้านนี้มานานแล้ว เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อาณาจักรฉินกำลังลำบากขนาดนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...