องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์ นิยาย บท 209

ด่านเจียยวี่

เถ้าแก่ของพวกไส้ศึกที่มีฐานะที่ถูกเฆี่ยนตีถึงสามสิบครั้งกำลังนั่งพักฟื้นอยู่

หลังจากได้รับจดหมายจากคนในตระกูลแล้ว เมื่ออ่านจบ พวกเขาพลันจับเอวอย่างตื่นเต้น ลุกขึ้นยืน พูดออกมาอย่างฮึกเหิมว่า

“ไปร้านขายเสบียง!”

ร้านขายเสบียงด่านเจียยวี่

“เจ้านายให้พวกเราควบคุมราคาข้าว ขึ้นราคาโดยไม่สนใจราคาพื้นฐาน เมื่อถึงเวลาที่ประชาชนไม่มีข้าวกิน พวกเขาต้องก่อกบฏเป็นแน่ สร้างความวุ่นวาย ข้าและเจ้าจะเป็นคนแรกที่โดนหมายหัว!”

เนื่องจากเป็นความต้องการของเจ้านาย พ่อค้าร้านขายเสบียงจึงแปะข้อความเอาไว้ว่า

เนื่องจากสงครามยังคงดำเนินอยู่ ข้าวปลาอาหารหายาก ราคาจึงต้องปรับราคาขึ้น ข้าวหนึ่งถังเป็นราคาหนึ่งถุงเงินทองแดง!

ไส้ศึกที่ยืนอยู่ด้านหน้าอ่านข้อความจบแล้ว สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย

เฮอะ ปล่อยให้ไอ้เจ้าอ๋องเหยียนเชือดไก่ให้ลิงดู ทำให้ราคาข้าวสูงขึ้นขนาดนี้ ประชาชนจ่ายไม่ไหวหรอก เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาไม่มีงานทำ คอยดูเถอะว่าเขาจะขี้โม้โอ้อวดได้อีกนานแค่ไหน!

บรรดาประชาชนที่มาซื้อข้าวก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้นเป็นสิบเท่าต่างพากันตกใจ

“เป็นไปได้อย่างไร ราคาข้าวปลาอาหารขึ้นเยอะขนาดนี้เชียวหรือ ชักจะเกินไปแล้ว!”

“จะว่าอย่างไรดี จะให้พวกเราอยู่กันอย่างไรเล่า!”

“ข้าใช้ชีวิตต่อไปไม่ไหวแล้ว นี่จงใจไม่ให้พวกเรามีข้าวกินเสียด้วยซ้ำ!”

มีคนมารวมตัวหน้าร้านมากขึ้น ต่างคนต่างส่งเสียงเศร้าโศกเสียใจ

เถ้าแก่ตัวอ้วนพุงใหญ่เดินออกมาและอธิบายอย่างขอไปทีว่า

“ไม่มีเงินก็ไม่ต้องกิน!”

“พูดอีกอย่างพวกเจ้าไม่ลองคิดดูหน่อยเหรอ นี่คือฝั่งแนวหน้า ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ แม้แต่นกก็ยังไม่ยอมขี้ที่นี่เลย!”

“ข้าต้องใช้ความพยายามในการขนส่งมากแค่ไหน ทำไมข้าถึงจะขึ้นราคาไม่ได้เล่า?”

“นี่ข้าคิดว่าข้าขึ้นราคาไม่สูงแล้วนะ ถ้าวันนี้พวกเจ้าไม่ซื้อ พรุ่งนี้ข้าจะขึ้นราคามากกว่านี้อีก!”

ประชาชนร้องเรียนเสียงดัง

“อะไรนะ พรุ่งนี้จะขึ้นราคาอีกหรือ?”

“เจ้าขายข้าวหนึ่งถังราคาหนึ่งถุงเงินทองแดง พวกเราซื้อไม่ไหวหรอก หากเจ้าขึ้นราคามากกว่านี้อีก นั่นไม่ได้หมายความว่าเจ้าตัดเส้นทางการใช้ชีวิตของพวกเราหรือ?”

เถ้าแก่ตะคอกอย่าเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงเหน็บแนมว่า

“พวกเจ้าจ่ายไหวไม่ไหวนั่นเกี่ยวอะไรกับข้า”

“อีกอย่าง พวกเจ้าเองก็ได้เงินวันละสามสิบอีแปะมิใช่หรือ สามวันก็เท่ากับหนึ่งถุงเงินทองแดงแล้ว ก็สามารถซื้อข้าวได้หนึ่งถัง จะซื้อไม่ไหวได้อย่างไรกัน!”

“อย่ามาร้องไห้โวยวายกับข้าเลย ไม่ซื้อก็อย่าขวางทางการหาเงินของข้า!”

ประชาชนต่างพากันหน้านิ่วคิ้วขมวด

“ไอ่หย่า พระเจ้า ราคาขึ้นสูงเกินไปแล้ว จะให้พวกข้าใช้ชีวิตกันอย่างไร!”

“อยู่ไม่ไหวแล้ว อยู่ไม่ไหวแล้วจริงๆ คงจะต้องอดตายแล้วจริง!”

...

ฉินเหยียน องค์ชายใหญ่ฉินชง องค์ชายเจ็ดฉินอวี่ ที่กำลังเตรียมตัวกลับเมืองเพื่อหาอะไรกิน พลันได้ยินเสียงเหล่านี้ เปิดม่านออกมา บังเอิญได้เห็นภาพนี้

ฉินเหยียนเชิดคางขึ้นและพูดว่า

“พี่เจ็ด รีบมาดูญาติของท่านพี่เสีย”

องค์ชายเจ็ดโกรธมาก พร้อมจะชักดาบออกมา

ฉินเหยียนพูดขึ้น

“ท่านพี่ทั้งสองอย่าเพิ่งรีบร้อนไป เทพเจ้าต่างมีวิธีการของพวกเขา ข้าเองก็ได้เตรียมวิธีรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว มากับข้า!”

รถม้าขับไปถึงจวนเจ้าเมือง

หลังจากที่ทั้งสามลงจากรถม้าแล้ว ฉินเหยียนผิวปากส่งสัญญาณออกมา

จากนั้นทหารชั้นดีก็ขับรถม้าออกมาทีละคัน เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณของฉินเหยียน หยุดอยู่ที่หน้าประตูจวน พวกเขาขนเสบียงอาหารออกมาอย่างเป็นระเบีบย ตั้งเตา และเริ่มจุดไฟปรุงอาหาร

องค์ชายใหญ่ฉินชงและองค์ชายเจ็ดฉินเหยียนต่างงุนงงเล็กน้อย ถามออกมาพร้อมกันว่า

“กำลังทำอะไร?”

แต่ฉินเหยียนได้แสดงท่าทีวางแผนกลยุทธ์กระโจมค่ายออกมา

“รีบแสดงให้ดู!”

บรรดาทหารหยิบแผ่นกระดานออกมา เขียนคำประกาศลงไปว่า

อาหารสำหรับคนทำงาน สิบอีแปะ อาหารมีให้ไม่จำกัด ขอแค่อิ่มท้อง!

หลังจากเขียนเสร็จก็ยื่นกระดานให้ทุกคนได้อ่าน

เมื่ออ่านข้อความข้างต้นแล้ว องค์ชายใหญ่และองค์ชายเจ็ดยิ่งสับสนมากยิ่งขึ้น องค์ชายใหญ่พูดออกไปตรงๆ ว่า

“น้องสิบสี่ เจ้าไม่ได้คิดว่าจะเอาเงินเดือนและเสบียงอาหารของทหารมาให้ประชาชนใช่หรือไม่?”

“เงินเดือนทหารพอที่จะเลี้ยงพวกเขาได้เจ็ดวันเท่านั้น หากเจ็ดวันหลังจาก เสบียงยังมาไม่ถึง เข้าและข้าคงต้องอดหยากกันแล้ว”

“หากเจ้าคิดจะใช้เสบียงอาหารของทหารจุนเจือแก่ประชาชน เพียงแค่สามวันเสบียงเหล่านั้นก็หมดแล้ว!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์