เมืองหลวงอาณาจักรฉิน
เมื่อไท่ฟู่ได้รับข่าวว่าองค์ชายเจ็ดได้ตัดศีรษะเถ้าแก่ร้านขายเสบียงอาหาร สีหน้าไม่สู้ดีนัก
บรรดาขุนนางที่ร่ำรวยต่างพากันประหลาดใจและเริ่มพูถึงเรื่องนี้
“โอ้ องค์ชายเจ็ดยอมจำนนอย่างนั้นหรือ? เจ้าคนทรยศคนนี้ กลับเห็นขี้ดีกว่าไส้!”
“แม้ว่าพวกเขาจะเป็นญาติที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันเลย แต่ก็ยังถือว่าเป็นญาติห่างๆ กัน องค์ชายเจ็ดถึงได้ลงมือจัดการ”
“ตอนนี้รับมือยากแล้ว เสบียงอาหารขององค์ชายสิบสี่ไม่ได้ถูกตัด แต่เส้นทางการเงินของพวกเราถูกตัดไปแล้ว ควรทำเช่นไรดี?”
“ใรความคิดของข้า ตราบใดที่องค์ชายเจ็ดยังอยู่ที่นี่ พวกเราไม่สามารถลงมืออย่างโจ่งแจ้งได้!”
ไท่ฟู่ลูบเคราของตน สีหน้าเคร่งขรึม เขาเงียบอยู่นาน จากนั้นพูดขึ้นมาว่า
“หาทางหาเขากลับมา!”
“รีบส่งข่าวหาพระมารดาขององค์ชายเจ็ดเสีย ให้นางเขียนจดหมาย ขอให้องค์ชายเจ็ดกลับมายังเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด!”
...
พระมารดาขององค์ชายเจ็ดมีสีหน้าหม่นหมองลงเมื่อได้รับข่าว
นางคิดมาก่อนแล้วว่าการที่ปล่อยลูกชายของนางออกเดินทางไปยังเขตชายแดนที่มีปัญหาความขัดแย้ง
ออกไปกับฉินเหยียนจะมีประโยชน์อันใดกัน?
แต่เมื่อคิดว่าหากลูกชายสามารถปฏิบัติหน้าที่ส่วนแนวหน้าได้ สถานะของพวกนางสองแม่ลูก ตลอดจนคนในตระกูลที่เป็นข้าราชสำนักในท้องพระโรงจะมีความมั่นคงมากขึ้น ดังนั้นพวกนางจึงไม่แสดงความคิดมากนัก
แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น นางไม่อาจเมินเฉยได้อีกต่อไป เขียนจดหมายทันที โดยอ้างว่าตนล้มป่วยเพื่อให้องค์ชายเจ็ดกลับมายังเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด
รีบส่งจดหมายด่วนไปยังแนวหน้าที่มีระยะทางห่างไกลถึงแปดร้อยลี้
...
วันเวลาค่อยๆ ผ่านไป
สองสามวันต่อมา
ประชาชนที่ทำงานกลางแดดตลอดเช้าทั้งเหนื่อยและหิว
ในช่วงพักเที่ยง ประชาชนได้รวมตัวกันที่ประตูจวนเจ้าเมืองเพื่อเข้าแถวทานอาหาร
แต่โกดังเก็บเสบียงกลับว่างเปล่า แม้แต่เสบียงอาหารที่องค์ชายเจ็ดไปเอามาจากร้านข้าวก็ถูกกินจนหมดแล้ว ไม่มีแม้แต่ข้าวสารกรอกหม้อ
ประชาชนรออยู่นาน แต่กลับไม่เห็นทหารชั้นดีจุดไปทำอาหาร บางคนเริ่มพูดขึ้นมาว่า
“เอ๋? ทำไมไฟที่หม้อนี้ไม่เห็นติดเลยล่ะ?”
“ใช่น่ะสิ ไม่เห็นมีเนื้อในหม้อนี้เลย!”
“ข้าไม่ได้กลิ่นหอมของอาหารเลย วันนี้ไม่ทำอาหารอย่างนั้นหรือ?”
ไส้ศึกที่มีฐานะที่ได้ปะปนเข้ามาในหมู่ประชาชน รู้เรื่องเสบียงมานานแล้ว ในที่สุด เมื่อถึงวันที่ไม่มีอะไรจะกินพวกเขาก็รีบไปก่อกวนทันที
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมยังไม่มีอาหารให้กินอีก! ข้าหิวจะตายอยู่แล้ว รีบเอาอาหารมาให้สักที!”
ประชาชนคนอื่นต่างทำงานหนักเพื่อให้ได้อาหารกิน พวกเขารอมากว่าครึ่งชั่วยามแล้ว ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา
“ข้าจ่ายเงินให้แล้ว รีบเอาอาหารออกม่เดี๋ยวนี้!”
“ทำไมยังไม่มีอาหารให้กินอีก ไม่มีอะไรให้กิน ข้าหิวจะตายอยู่แล้วนะ!”
“รายงานต่ออ๋องเหยียน นอกเมืองที่คนเดินทางมาจากฝั่งอาณาจักรจ้าว มีรถเสบียงจำนวนมากเตรียมรอเข้าเมือง อ๋องเหยียนได้โปรดรับสั่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
บรรดาไส้ศึกที่มีฐานะอึ้งไปครู่หนึ่ง
อะไรนะ?
รถเสบียงอาหารเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร?
ฉินเหยียนยิ้มมุมปากเล็กน้อย เป็นไปตามแผนที่เขาวางเอาไว้ไม่ผิด เขาพูดและโบกมือว่า
“ถึงเวลาอาหารแล้ว เสบียงจะมาถึงในไม่ช้า เปิดประตู ให้พวกเขาเข้ามา!”
“รับทราบ!”
ทหารชั้นดีเปิดประตูเมือง เห็นขบวนรถลากเกวียนที่เต็มไปด้วยเสบียงอาหารเข้ามาทีละคัน มุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าเมือง
ผู้คนต่างโห่ร้องและพูดว่า
“อ๋องเหยียนไม่มีทางโกหกพวกเรา!”
“เยี่ยมมาก! มีข้าวกินอิ่มท้องแล้ว!”
ทหารชั้นดีขนข้าวและเสบียงอาหารออกไป และเริ่มก่อไปทำอาหารทันที
บรรดาไส้ศึกที่มีฐานะมองรถเกวียนที่ขนเสบียงอาหารผ่านไปทีละคัน พวกเขาอึ้งอดไม่ได้ที่จะคิดเรื่องนี้ในใจ
พูดตามหลักแล้ว ไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ!
ทุกเส้นทางในอาณาจักรฉิน ได้มีการส่งคนเข้าไปควบคุมแล้ว
ทำไมถึงยังมีเสบียงส่งเข้ามาได้อีก เป็นไปได้อย่างไรกัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...