ซูปั้นเฉินกอดอกไว้ เขาจะต้องได้มันมาแน่นอน
จ้าวจือหย่าถามขึ้นอีกครั้ง “ยังมีใครให้มากกว่าห้าพันตำลึงรึไม่? ตอนนี้ราคาที่สูงที่สุดคือห้าพันตำลึงเจ้าค่ะ!”
ผู้ชมถอนหายใจแล้วตีอกชกหัว แต่ก็ไม่มีใครกล้าเสนอราคาเพิ่มอีก จ้าวจือหย่าถือฆ้องไม้ประมูลขึ้นแล้วพูดอย่างจริงจังว่า
“เตรียมคงราคาสุดท้าย ข้าจะพูดราคาซ้ำสามรอบ หากระหว่างนี้ไม่มีผู้เสนอเพิ่ม หลังจากที่ตรวจสอบแน่นอนแล้วจะทำการทุบฆ้อง นั่นถือว่าการประมูลเสร็จสิ้นสำเร็จเจ้าค่ะ แต่หากในเวลาที่ข้าตรวจสอบราคามีคนให้ราคาที่สูงกว่าจะทำการประมูลต่อไป ผู้ให้ราคาสูงสุดยังคงจะได้รับไปเจ้าค่ะ”
จ้าวจือหย่าชูค้อนขึ้นสูงแล้วพูดอย่างมั่นใจว่า “ห้าพันครั้งที่หนึ่ง!”
ทุกคนต่างมองไปรอบๆ เพื่อมองว่าจะมีใครที่กล้าแข่งขันกับซูปั้นเฉินรึไม่
“ห้าพันตำลึงครั้งที่สอง!”
เบื้องล่างยังคงเงียบสงัด ซูปั้นเฉินยิ่งเชิดหน้าขึ้นกว่าเดิม ราวกับไม่มีใครอยู่ในสายตาเขาเลย
จ้าวจือหย่าจงใจพูดแทรกในครั้งที่สามตามที่ฉินเหยียนสั่งเอาไว้
“ขอแสดงความยินดีกับเถ้าแก่ซูเจ้าค่ะ ท่านได้รับสิทธิ์ในการจำหน่ายสบู่ ต่อจากนี้หากใครต้องการซื้อสบู่จะต้องซื้อกับท่านเท่านั้น ห้าพันตึงครั้งที่......”
ยังไม้ทันได้พูดจบ ในยามคับขันก็มีคนตะโกนขึ้นมาอย่างกะหันทัน
“ข้าให้แปดพันตำลึง!”
จู่ๆก็มีคนโผล่ออกมาดึงดูดสายตาของทุกคนไป
“เขาคือใครกัน?”
“ไม่รู้จักเช่นกัน”
“โผล่มาจากไหนกัน?”
ไม่เพียงแต่จะเป็นบรรดาแขกเท่านั้น แม้แต่ซูปั้นเฉินเองก็เดือดดาลจนแทบจะระเบิดออกมา ทั้งที่จะได้ครอบครองแล้วแท้ๆ เหตุใดจึงยังมีคนมาแย่งชิงกับเขาอีก เขาโกรธอย่างมากจนขาดสติไป ไม่มัวรอให้จ้าวจือหย่าขานราคาก็ลุกขึ้นแล้วเพิ่มราคาต่อว่า
“ข้าให้หนึ่งหมื่นตำลึง เป็นแค่คนต่ำต้อยยังคิดจะมาแย่งชิงกับข้าอีก!”
ทุกคนตะลึงกันไปหมด ราคาหนึ่งหมื่นตำลึงนั้นมากกว่ายิ่งกว่าทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลบางตระกูลด้วยซ้ำ แต่ซูปั้นเฉินกลับสามารถจ่ายได้สบายๆ สมแล้วที่เป็นผู้ร่ำรวยที่สุดในอาณาจักรจ้าว
เป็นไปตามคาด เมื่อขานราคาสามครั้งแล้วค้อนไม้เองก็ได้ทุบลงไปดังตึง
“เสร็จสิ้นการซื้อขาย!”
จ้าวจือหย่ายิ้มออกมา หนึ่งหมื่นตำลึงนั้นมากเกินกว่าที่นางคิดไว้เสียอีก นางพูดอย่างยิ้มแย้มว่า
“ขอปรบมือแสดงความยินดีกับเถ้าแก่ซูท่านนี้ด้วยนะเจ้าคะ ท่านได้ครอบครองสิทธิ์ในการจำหน่ายสบู่ในราคาหนึ่งหมื่นตำลึงเจ้าค่ะ!”
ทุกคนพากันปรบมือตามดังขึ้น มีคนมากมายที่พูดอย่างเสียดายว่า
“พระเจ้า! มีขวดแก้วที่งดงามมากเช่นนี้ด้วย!”
“เคยเห็นขวดแก้วมามากมายแล้วแท้ๆ แต่ขวดแก้วที่สวยงามจนละสายตาไม่ได้เช่นนี้เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้เห็น!”
“ของพวกนั้นมันธรรมดา จะเทียบกับแจกันแก้วนี้ได้อย่างไร!”
จ้าวจือหย่ายิ้มแล้วแนะนำว่า “ทุกท่านตาถึงกันจริงๆ แจกันแก้วนี้ทำขึ้นเป็นพิเศษโดยเมืองใหม่ของเรา แต่จุดเด่นของแจกันนี้ไม่ใช่ตัวแจกัน แต่อยู่ภายในแจกัน โปรดดูเจ้าค่ะ!”
จ้างจือหย่าถือแจกันขึ้นแล้วเขย่าเล็กน้อย ทุกคนจึงได้พบว่าในขวดแก้วนั้นราวกับมีน้ำอยู่
มีคนถามขึ้นอย่างสงสัยว่า “ของเหลวข้างในจะพิเศษกว่าขวดแก้วนี้ได้อย่างไร?”
“หรือว่าจะเป็นยอดสุราธาราหยกรึ?”
จ้าวจือหย่ายิ้มและไม่พูดอะไร นางดึงจุกขวดแก้วออกมา แล้วหยดน้ำสองหยดลงบนผ้าซาตินสีแดงเมื่อครู่นี้ จากนั้นก็เดินไปขอบเวทีแล้วสะบัดผ้าซาตินสีแดงต่อทุกคนล่างเวที
ในขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยว่าจ้าวจือหย่ากำลังทำอะไรอยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีคนได้กลิ่นที่ทำให้ซึมซาบเข้าไปในหัวใจขึ้นมา ทุกคนที่ไม่ได้กลิ่นต่างเงยหน้าขึ้นแล้วสูดดมกันใหญ่
กลิ่นบนอากาศทำให้ผู้คนรู้สึกเหมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมโชยชายไปทั่ว และรู้สึกว่าได้เข้าไปในสวนผลไม้ มันหอมหวานสดชื่นอย่างมาก ทุกคนหลงใหลกันอย่างมาก จนไม่อาจตื่นจากภวังค์ได้เลย
“หอมจังเลย!”
“นี่เป็นกลิ่นที่หอมที่สุดที่ข้าเคยได้ดมในชีวิตนี้เลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายผู้ทรงเสน่ห์
คนเขียนเก่งจริง ทำให้คนอ่านรู้สึกหงุดหงิดกับการตามหาลูกสาวของฉินเหยียน และจังหวะคาดที่จะได้เจอกันของเฝิงตู่กับฉินเหยียนจริงๆ ถ้าจะหากันจริงๆก็น่าจะทำง่ายป่ะ ประกาศหรือแจ้งข่าวไปว่าฮ๋องเหยียนต้องการพบปะเฝิ่งตู่นัดให้ไปเจอสักที่ตัวเองมีเครือข่ายทั่วอาณาจักรยังไงข่าวก็ต้องถึงหูอยู่แล้ว บัดเรื่องแบบนี้ไม่ฉลาดเอาเลยพระเอกฉัน...
จบแล้วเหรอคะ ..จบแบบงงๆ...
จะมีต่อ..หรือจบแล้วครับ...
มีต่อมั๊ยครับ สนุกมากขอบคุณครับ...
รออ่านอยูนะครับสนุกมาก...
รออ่านดูนะครับ..เมตตาลงต่อเร็วหน่อยนะคะรับ รอแบบไม่มีกวังเลยครับตอนนี้ เงียบหลายวันมากๆ ขอความเมตตาช่วยลงให้อ่านด้วยครับ...
รอตอนที่ 631 อยู่นร้า...
รอตอนต่อไป…กำลังสนุก...
สนุกมากครับขอบคุณที่ลงให้อ่านนะครับของคุณครับ...
มาแล้ว630...